จะเห็นได้ว่า ปัจจุบันมีการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ หลายสายทาง โดยเฉพาะฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ เช่น โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีเหลืองช่วงลาดพร้าว-สำโรง และสายสีชมพูช่วงแคราย-มีนบุรี ถือเป็นโครงการพัฒนาโครงข่ายสาธารณะแก้ไขปัญหาการจราจรในกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่ดูเหมือนว่าใกล้จะแล้วเสร็จ 100% แต่เนื่องจากที่ผ่านมาเจอกับวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้งานก่อสร้างต้องหยุดชะงักไปชั่วขณะนั้น ก็แน่นอนว่าทำให้แผนการเปิดเดินรถได้รับผลกระทบและดีเลย์ไปด้วย
ล่าสุด ถือเป็นข่าวดีของประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณเขตมีนบุรี บางกะปิ พัฒนาการ ซึ่งเป็นพื้นที่ชั้นนอกของกรุงเทพฯ จะได้มีโอกาสได้ใช้บริการรถไฟฟ้า หลังจากที่เฝ้ารอกันมานานหลายสิบปี และต้องทนกับการจราจรที่ติดขัดอย่างหนักหนาสาหัส ปัจจุบันได้เห็นการนำรถไฟฟ้าทั้งสองสายทางออกมาทดสอบวิ่งกันบ้างแล้ว ยังเหลือเคาะวันเวลาทยอยเปิดบริการเท่านั้นเอง
สำหรับความชัดเจนของ สายสีเหลือง จะเปิดบริการได้ก่อน โดยเตรียมจะเดินหน้าทดสอบเดินรถเสมือนจริง (Trial Run) ตลอดเส้นทางในต้นเดือนเมษายน 2566 นี้เพื่อประเมินความพร้อมของงานทุกระบบ จากนั้นภายในเดือนพฤษภาคม 2566 จะเปิดให้ประชาชนใช้บริการแบบเฉพาะกลุ่มและเปิดบริการเชิงพาณิชย์เก็บค่าโดยสารในต้นเดือนมิถุนายนนี้ ปัจจุบันงานก่อสร้างโดยรวมคืบหน้า 98.55% และรับมอบขบวนรถไฟฟ้าครบแล้ว 30 ขบวน มีระยะทางรวม 30.4 กิโลเมตร จำนวน 23 สถานี
ขณะที่ สายสีชมพู ขณะนี้ไทม์ไลน์อาจต้องขยับใหม่ จากเดิมตั้งเป้าจะเปิดเดินรถเชิงพาณิชย์เก็บค่าโดยสารในเดือนสิงหาคม 2566 อาจจะต้องปรับแผนเป็นเปิดไม่เกินปลายปีนี้ หลังเคลียร์ปัญหาการก่อสร้างทับซ้อนกับโครงการฟลัดเวย์บนถนนแจ้งวัฒนะกับกรมทางหลวง (ทล.) ยังไม่จบ จึงทำให้กำหนดการเปิดบริการของสายสีชมพูยังไม่แน่ไม่นอน แต่ได้ตั้งเป้าจะเปิดให้บริการภายในปีนี้ ปัจจุบันงานก่อสร้างมีความก้าวหน้าโดยรวม 95.56% และรับมอบขบวนรถไฟฟ้าครบแล้ว 42 ขบวน โดยที่ระยะทาง 34.5 กิโลเมตร จำนวน 30 สถานี
ส่วนค่าโดยสารทั้ง สายสีเหลือง และ สายสีชมพู คำนวณตามค่าดัชนีผู้บริโภค (CPI) ค่าโดยสารจะอยู่ที่ 15-45 บาท โดยจะใช้ระบบบัตรแรบบิท ขณะที่ตามเงื่อนไขสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และรถไฟฟ้าสายสีชมพู กำหนดให้มีระบบตั๋วร่วม MRT เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางโครงข่ายรถไฟฟ้า MRT แต่ละสาย โดยคิดค่าแรกเข้าครั้งเดียว ซึ่งขณะนี้ได้ตกลงกับธนาคารกรุงไทยเรียบร้อยแล้วเพื่อเร่งติดตั้งระบบรองรับบัตร EMV โดยช่วงแรกของสายสีเหลืองเนื่องจากมีเวลาน้อย จะติดตั้ง 1 ช่องทางเข้าพิเศษ ก่อน จากนั้นระยะ 2 จะขยายไปทุกช่องทางเข้า ส่วนสีชมพูจะมีการติดตั้งรองรับบัตร EMV ได้ครบทุกช่องทางได้ทันก่อนเปิดให้บริการ
ทั้งนี้ หากบริษัท อีสเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (EBM) ผู้รับสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และบริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (NBM) ผู้รับสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีชมพู หากภายในปีนี้สามารถเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสีชมพูได้ตามแผน จะทำให้บริษัทมีรายได้จากค่าโดยสารทั้งสองสาย รวมประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อปี และมีรายได้ในส่วนที่รัฐจ่ายคืนเงินอุดหนุนค่าลงทุนงานโยธาตามสัญญาของทั้งสองสาย รวมประมาณ 4,700 ล้านบาท/ปี
โดยตามสัญญาสัมปทาน รัฐจ่ายคืนค่างานโยธาเป็นเวลา 10 งวด (ปี) นับจากจากเปิดให้บริการ โดยงวดแรกจะจ่ายหลังเปิดให้บริการ 45 วัน สำหรับสัญญาสัมปทานสายสีชมพู รัฐอุดหนุนค่างานโยธา ที่ 19,975 ล้านบาท สายสีเหลือง รัฐอุดหนุนค่างานโยธา 22,239 ล้านบาท
ซึ่งเมื่อทั้งสองโครงการแล้วเสร็จ จะทำให้ประชาชนหันมาใช้บริการรถไฟฟ้าแทนการขับรถยนต์ส่วนตัว จะช่วยลดมลพิษให้กับสิ่งแวดล้อมในตัวเมือง รวมถึงลดความหนาแน่นของการจราจรบนท้องถนน ช่วยประหยัดเวลาในการเดินทาง และไม่ต้องเจอปัญหารถติดให้เสียเวลา ในแต่ละสถานีจะใช้เวลาประมาณไม่กี่นาทีในการเดินทางแต่ละครั้ง ที่สำคัญยังสามารถกำหนดเวลาและยังประหยัดเวลาในการเดินทาง โดยไม่ต้องเสียเวลาเจอกับปัญหารถติดอีกด้วย.
กัลยา ยืนยง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปี68สินเชื่อระบบแบงก์ไทยหืดจับ
ปี 2568 ยังเป็นอีกปีที่ต้องจับตากับทิศทางของเศรษฐกิจไทย เพราะยังมีปัจจัยหลายอย่าง ทั้งบวกและลบ ที่จะเข้ามามีผลกับภาคเศรษฐกิจ โดยเฉพาะสถานการณ์กดดันจากปัญหาหนี้ครัวเรือน
แผนดัน ‘เกษตรครบวงจร’
อุตสาหกรรมเกษตร เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักของประเทศไทย และที่ผ่านมาเศรษฐกิจถูกขับเคลื่อนไปได้ด้วยสินค้าเกษตร แต่ก็มีบางช่วงที่ติดขัดและไม่สามารถเดินหน้าต่อได้ จากปัจจัยกระทบต่างๆ
เคาต์ดาวน์ปลอดภัยส่งท้ายปี
เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2568 เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข เป็นวาระแห่งการเริ่มต้นใหม่ที่เปี่ยมไปด้วยพลังและความหวัง โดยในปีนี้สถานที่จัดงาน Countdown ทั่วประเทศไทยหลายหน่วยงานได้เตรียมกิจกรรมไว้ให้ทุกคนได้ร่วมสนุกและสัมผัสความงดงาม
แชร์มุมมอง‘อินฟลูเอนเซอร์’ในตลาดอาเซียน
การตลาดอินฟลูเอนเซอร์ถือได้ว่าเป็นกลยุทธ์สำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มายาวนาน แต่กลยุทธ์การทำการตลาดของแต่ละแบรนด์นั้นล้วนแตกต่างกันไป ล่าสุด วีโร่ ได้เปิดตัวเอกสารไวต์เปเปอร์ฉบับใหม่ในหัวข้อ “ผลกระทบ
ของขวัญรัฐบาล
อีกไม่ถึง 2 สัปดาห์ก็จะเข้าสู่ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่แล้ว ก็เป็นธรรมเนียมของรัฐบาลและ ครม.ที่จะมีมาตรการเป็นของขวัญมอบให้กับประชาชน ซึ่งการประชุม ครม.ล่าสุดเริ่มมีการเคาะมาตรการต่างๆ ออกมาช่วยเหลือประชาชนกันแล้ว
ยกระดับธุรกิจไทยแข่งขันเวทีโลก
ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ EXIM BANK คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวที่ 3% ด้วยแรงขับเคลื่อนจากอุปสงค์ในประเทศที่ฟื้นตัวต่อเนื่องจากการใช้จ่ายภาครัฐ