แบงก์ 'สหรัฐ-ยุโรป' ล้มได้ไง?

คงมีคำตอบหลากหลาย แต่ในทัศนะผม ต้นรากมาจากศาสนาและความเชื่อ นำไปสู่คำว่ากระหายใน "อำนาจครองโลก"

ผู้กระหายและพยายามทำความกระหายนั้นให้สำเร็จ คือ "ยิว-ไซออนิสต์"

ผู้มีอำนาจคุมกลไก "สหรัฐ-ยุโรป" ผ่านองค์การ Council on Foreign Relations (CFR) เรื่อยมาตั้งแต่ยุคสงครามโลกจนถึงทุกวันนี้นั่นแหละ

เมื่อก่อน อำนาจโลกมี ๒ ขั้ว คือขั้วเสรีนิยม กับขั้วสังคมนิยม จนเกิดสงครามเย็น

ขั้วทุนนิยม "สหภาพโซเวียต" ล่มไป โลกเหลือขั้วเดียว โดยสหรัฐ เป็น "เจ้าโลก"

แต่ยังไม่ครบวงจรตามปรัชญา "อำนาจเดียวครองโลก" ซึ่งยิว-ไซออนิสต์ ต้องการให้ทุกประเทศในโลก

"สละอำนาจอธิปไตย" เป็นเพียงรัฐรัฐหนึ่งเท่านั้น

แล้วแต่ละรัฐ รวมกันอยู่ใต้ "รัฐบาลเดียว" ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง การศาสนา ทรัพยากร รวมทั้งกองทัพ

นี่คือการ "จัดระเบียบโลกใหม่" ของ CFR ขับเคลื่อนโดยสหรัฐ

ทุกประเทศในโลก อยู่ภายใต้ "รัฐบาลโลก"

โดย "สหรัฐ-ยุโรป" เป็น "เจ้าโลก" ใต้นิ้วกระดิก CFR หรือ "ยิว-ไซออนิสต์" สั่งการ!

ถ้าฟ้าไม่ส่ง "ปูติน" ลงมาที่รัสเซีย และส่ง "สี จิ้นผิง" มาที่จีน ให้ทำหน้าที่ "ถ่วงดุลอำนาจโลก"

ผมว่าแผน "New World Order" คงเสร็จมันไปแล้วเหมือนกัน!

เพราะอะไรน่ะหรือ?

ก็เพราะ ๒ ปัจจัยหลักในการคุมโลกที่อยู่ในมือสหรัฐแล้ว คือ

-น้ำมัน=ปิโตรดอลลาร์ พลังงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก

-คอมพิวเตอร์=เทคโนโลยีไอที ขับเคลื่อน-ควบคุมโลก

เมื่อ ปูติน-สี เป็น "๒ เกลอหัวแข็ง"..........

แผนอำนาจเดียวครองโลกของ "ยิว-ไซออนิสต์" ก็สะดุด ไม่สะดุดก้อนหิน-ก้อนกรวด แต่เป็น "ภูเขา" ทั้งลูก

วันนี้ "จีน-รัสเซีย" ถ้าบอก นี่คือ  ๒ เกลอ ผู้ผงาดขึ้นมาทาบสหรัฐ เป็น "อำนาจขั้วที่ ๒" ของโลก ก็ไม่ผิด!

จีน-รัสเซีย "ผนึก" ใช้แผนทางเดินของหอยทาก

เลี่ยงปะทะ แต่ไม่ถอย

ค่อยๆ สร้างขั้วอำนาจใหม่ ทางการค้า ทางการเงิน ทางเศรษฐกิจ สร้างพันธมิตรกับชาติต่างๆ ไปเรื่อยๆ

จนเดี๋ยวนี้ ยุโรปเกือบครึ่ง ลาตินอเมริกา ยูเรเซีย เอเชีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา

สลัดแอกสหรัฐ.......

รวมกลุ่มเป็นพันธมิตรกับ "จีน-รัสเซีย" โครงสร้างขั้วอำนาจใหม่ คานขั้วอำนาจสหรัฐ-ยุโรป

จุดเปลี่ยนที่ต้องบอกว่า นี่คือ "โลกเปลี่ยน" ที่ต้องจับตากันเลยทีเดียว เพราะมีผล "แตกหัก" เป็นรูปธรรมในอนาคตอันใกล้

ทุกคนรู้-โลกรู้ หนึ่งอำนาจโลก ที่สหรัฐมีคือ "น้ำมัน" ที่ซาอุฯ เป็นเสาค้ำยันดอลลาร์สหรัฐให้เป็น "พระเจ้า" ในนาม "ปิโตรดอลลาร์"

แต่เมื่อ ๘-๙ วันที่ผ่านมา

เสาค้ำยันพระเจ้า "ล้มแล้ว"!!!

สี จิ้นผิง ผู้เล่นบทบุ๋น ในเกมชิงอำนาจโลก ทำให้โลกตะลึง โดยทำหน้าที่กาวใจ

เชิญซาอุฯ กับอิหร่านไปจับมือกันที่ปักกิ่ง จาก "ศัตรูตลอดกาล" มาเป็น "มิตรนิรันดร์ "ต่อกัน ชนิด "โลกช็อก"  

"สุหนี่-ชีอะห์" ของโลกอาหรับมุสลิม

"รวมเป็นหนึ่ง"

ผนึกขั้วพันธมิตร อันมี "จีน-รัสเซีย" เป็นตัวนำ เท่ากับสหรัฐตอนนี้เป็น "ไอ้ด้วน" ขาขาดไปข้างแล้วโดยปริยาย!

ต้องบอกว่า รายการนี้ "ยิว" คิดหนักจนปัสสาวะเหลืองแน่

ตอนนี้ "กว่าครึ่งโลก" ไปรวมขั้ว "จีน-รัสเซีย" ทั้งเต็มตัว-ครึ่งตัว สหรัฐแทบไม่เหลือสภาพ "เจ้าโลก" แล้วด้วยซ้ำ

แล้วใครตอนนี้ ที่ขึ้นมาเป็น "ขั้วอำนาจใหม่"?

ต้องยกให้ ประธานาธิบดี "สี จิ้นผิง" จอมบุ๋นผู้ลุ่มลึกแห่งแยงซีเกียง กับประธานาธิบดี "ปูติน" จอมบู๊ผู้เยี่ยมยุทธ์แห่งทุ่งราบ

ปูติน รบรุก

สี  เจรจา-รวบรวม!

เมื่อ "บู๊กับบุ๋น" ร่วมกัน ภายใน ๒๐ ปี นับจากนี้ นอกจากแผน "อำนาจเดียวครองโลก" จะล่มสลายแล้ว

สหรัฐ-ยุโรป ก็จะเสียตำแหน่ง "ขั้วอำนาจโลกใหม่" ให้กับ "จีน-รัสเซีย" ด้วย!

วันนี้ มีอะไรล่ะ ทีเรียกว่า วิทยาการ "สหรัฐ-ยุโรป" มี แล้ว "จีน" ไม่มี?

ตรงกันข้าม บางอย่างจีน "ล้ำหน้า" กว่าสหรัฐด้วยซ้ำ

ในสงคราม "ยูเครน-รัสเซีย" สหรัฐไม่ต่าง "นักเลงงานวัด" มีแต่ฟอร์มหัวหน้าแก๊งอันธพาล ยุลูกน้องไปต่อยตี ส่วนลูกพี่นั่งกระดิกตีนดู คอยเก็บหัวคิว

ผลเป็นไง ๑๐ รุม ๑ ยุโรป-ลูกน้อง หน้าแหก ปากฉีก ร้องโอดโอย แถมยูเครน ในดินแดนยุทธศาสตร์และทรัพยากร ๔ เมือง

โดเนตสก์, ลูฮันสก์, แคร์ซอน และซาปอรีเชีย ตกเป็นของรัสเซียหมดแล้ว

ที่เหลือ ทำนาเกลือกิน ยังยาก

จึงไม่มีความจำเป็นที่รัสเซียต้องเหนื่อยแรงไปยึดต่อ!

ฉะนั้น วานซืนโน้น เราจะได้ยินข่าว สี จิ้นผิง ทำหน้าที่กาวใจ คุยกับ "เซเลนสกี" ด้วยเรื่องแผนสันติภาพ

"สงบ-จบ" แค่นี้ ดีกว่ามั้ย หรืออยากเสียทั้งประเทศให้รัสเซีย ลองคิดดู?

น่ามีคำตอบแล้ว เพราะเมื่อวาน (๑๗ มี.ค.)

รัสเซียแถลง ประธานาธิบดี "สี จิ้นผิง" จะเดินทางไปพบประธานาธิบดี "ปูติน" ที่มอสโก

"สงครามยูเครน" น่าจะจบ

และจบนี้ จะทำให้สหรัฐ "เจ็บอีกนาน"

ยุโรปที่เหลือครึ่ง ก็แทบไม่เหลือ การจัดระเบียบโลกใหม่สู่ความเป็น "อำนาจเดียวครองโลก" ถึงไม่ล่มสลาย แต่เกมนี้บอกได้เลย

"ยิว-ไซออนิสต์" ล้มเหลว!

คุยตั้งนาน บางท่านอาจสงสัย แล้วมันเกี่ยวกับแบงก์ในสหรัฐ-ยุโรปล้มยังไง?

ไม่ไงหรอก อย่างที่เคยคุยกันไป ธนาคารกลางสหรัฐ คือเฟด ก็ดี ไอเอ็มเอฟ ก็ดี แบงก์โลก ก็ดี สหประชาชาติ ก็ดี                 อุตสาหกรรมใหญ่ๆ ของโลก ทั้งธุรกิจน้ำมัน สายการบิน สถาบันการเงิน ฯลฯ กระทั่งการปั๊มกระดาษเป็นดอลลาร์ ก็ดี

เป็นธุรกิจในอำนาจ "ยิว-ไซออนิสต์" โดย CFR ขับเคลื่อนผ่าน "รัฐบาลสหรัฐ" ทั้งฝ่ายเดโมแครตและฝ่ายรีพับลิกันทั้งสิ้น

พิมพ์เงินเอง แล้วแบงก์ล้มได้ไง?

ธนาคารไม่ได้อยู่ด้วยเงินโดยตรง หากแต่อยู่ด้วย "ความเชื่อ" ของชาวบ้าน ของธุรกิจ บริษัท ร้านค้าที่นำเงินมาฝาก มาทำธุรกรรมการเงินผ่านแบงก์

เมื่อคนฝากเงินเกิดความ "ไม่เชื่อ" ในแบงก์นั้นๆ ขึ้นมาจากที่ไปคว่ำบาตรรัสเซีย แถมยึดเงินชาวรัสเซียที่ฝากไปดื้อๆ คนเขาก็กลัว ก็เลยไปเข้าคิวแห่ถอนกันทั้งเดือน ทั้งปี

และต้องรู้ด้วย เศรษฐีรัสเซียที่ฝากเงินอยู่ในสวิส-ยุโรป ไม่ใช่มีแค่ร้อย-แค่พัน แต่มีเป็นหมื่นๆ ธุรกรรม

ต่อให้เฟดมาจ้างผมพิมพ์เสริม ก็ไม่มีทางพิมพ์ได้ทัน ยังไงๆ มันก็เจ๊ง และเชื่อเถอะ ยิ่งแบงก์ชาติเข้าไปอุ้ม ยิ่งจะเพิ่มจำนวนแบงก์เจ๊ง

เล่นอะไรก็เล่นได้ อย่าไปเล่นกะ "ความเชื่อ" ของคน ถ้าเขาระแวง ยิ่งกับเรื่องเงินด้วยแล้ว เป็นผมก็ ขอถอนไว้ก่อนแหละ

และนี่.........

ซาอุฯ พอตกลงเป็นพันธมิตรกับจีน รุ่งขึ้นไปถอนหุ้น ๑๐% แบงก์สวิส เบาะๆ รายเดียวเป็นหนังตัวอย่างนะนี่

แล้วคิดหรือ โลกอาหรับมุสลิม จะไม่แห่ถอนที่ฝากไว้ตามแบงก์สหรัฐ-ยุโรป?

แบงก์รับฝากไว้มากๆ จะเอาไปไหน ก็เอาไปซื้อพันธบัตรสหรัฐระยะยาว ดอกเบี้ยต่ำๆ ในขณะที่ พันธบัตรใหม่ตอนนี้ดอกเบี้ยสูงเท่าเปรต
 เมื่อคนแห่ถอนเงิน แบงก์ก็จำต้องขนพันธบัตรเก่าขายในราคาขาดทุนเพื่อเอาเงินจ่าย

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า สหรัฐอเมริกา "ยิ่งดิ้น-ยิ่งเจ๊ง"

เหลือหมัดตายสุดท้าย......

เล่นบทนักเลง โละระบบ "กระดาษดอลลาร์" ใช้ระบบ "เงินดิจิทัล" แทน ไม่ต้องเหนื่อยพิมพ์

เอาเท่าไหร่ กดเลขลงไปได้เลย!

วันเสาร์ที่ปลายซอย