จับสัญญาณการแต่งตั้ง นายพัน ล็อตสอง

ซึ่งจะให้เวลาเดินทางและรายงานตัว 3 วัน เป็นไปตามหนังสือแจ้งเวียนของ พล.ต.ท.อิทธิพล  อิทธิสารรณชัย ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล (ผบช.สกพ.) ที่ส่งไปให้ ผบช.ทั่วประเทศรับทราบ จากนั้นจะมีเวลาพัก 1 เดือน ก่อนที่จะเข้าสู่การแต่งตั้งระดับ รองสารวัตร (รอง สว.) - ผบ.หมู่ วาระประจำปี  2564 ในช่วงเดือนมกราคม 2565 ตามไทม์ไลน์คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่วางระเบียบ วางกฎเกณฑ์เอาไว้ เพื่อให้การบริหารงานบุคคลเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

เกิดอะไรขึ้นกับการแก้ปัญหาหนี้สินตำรวจ เพราะเมื่อครั้ง ผบ.ปั๊ด-พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ประชุมมอบนโยบายการบริหารราชการ ประจำปี 2565 แก่นายตำรวจ ระดับผู้บังคับการ (ผบก.) ขึ้นไปทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 2 ต.ค.64 ผบ.ปั๊ด บอกถึงข้อมูลหนี้สินตำรวจทั่วประเทศกว่า 2 แสนนาย มียอดหนี้รวมกันแล้วกว่า 2 แสนล้านบาท จึงต้องมีวิธีการดูแลเรื่องของสวัสดิการตำรวจและครอบครัว  โดยสั่งให้แต่ละกองบัญชาการแก้ไขปัญหาหนี้สินของผู้ใต้บังคับบัญชา  แต่สิ่งที่สร้างความมึนงงและเกิดคำถาม เกิดอะไรขึ้น ก็เพราะเห็นตัวเลขที่กองสวัสดิการรวบรวมข้อมูลภาพรวมการแก้ไขปัญหาหนี้สินของทุก บช. มีผู้เข้าร่วม 7,137 ราย แบ่งเป็นแก้ไขสำเร็จ 2,623 ราย  คิดเป็น 37% อยู่ระหว่างดำเนินการ 4,452 ราย คิดเป็น 62%  แก้ไขไม่ได้หรือแก้ไขได้บางส่วน 103 รายคิดเป็น 1% ...นั่นดูจะแปลกๆ หากตำรวจแค่ 7,137 รายที่เข้าโครงการปลดหนี้ จะมีหนี้สินกว่า 2 แสนล้านบาท ตามที่ ผบ.ปั๊ด บอกไว้ แสดงว่า ตำรวจ ที่เป็นหนี้เยอะๆ เป็นหนี้จริงๆ ไม่ได้เข้าร่วมโครงการปลอดหนี้ เป็นเพราะอะไร เงื่อนไขเยอะไปหรือเปล่า ผบ.ปั๊ด น่าจะต้องหาคำตอบ หากจริงใจจะแก้หนี้ให้ลูกน้องจริงๆ 

ยิ่งล่าสุด พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ที่มาแตะมือต่อไม้จาก พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ อดีตที่ปรึกษาพิเศษ ตร.ซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่แก้หนี้ตำรวจเกษียณอายุราชการไปเมื่อวันที่ 30  ก.ย.ที่ผ่านมา ผู้ช่วยฯ ปรีชา ก็มีหนังสือแจ้งเรื่องการดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินของตำรวจและลูกจ้างประจำในภาพรวมของ ตร. (เพิ่มเติม) ส่งไปถึง ผบช.ทั่วประเทศ สั่งให้ทุก บช.จัดประเภทผู้เข้าร่วมโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการและแก้ไขหนี้ไม่ได้ หรือแก้ไขหนี้ได้บางส่วนจำนวน 4,555 ราย ออกเป็นกลุ่ม แยกเป็นกลุ่มสีเขียว กลุ่มสีเหลือง กลุ่มสีแดง พร้อมกับให้ บช.ทำลำดับขั้นตอนการแก้ปัญหาหนี้สินให้ได้ผลเกินกว่า 60% ของผู้เข้าร่วมโครงการของแต่ละ บช. แต่ที่เด็ด แต่ที่ทำให้ สีกากี สะดุ้ง!!! ในคำสั่งดังกล่าว ผู้ช่วยปรีชา ยังให้สำรวจอาชีพหลักและอาชีพเสริมของครอบครัวตำรวจ ไม่ว่าจะเป็นสามีหรือภรรยา รวมทั้งข้อมูลหนี้สินของครอบครัวตำรวจทั้งสามีและภรรยาเช่นกัน ตรงนี้ทำให้ ตำรวจ หลายคนลังเล หลายคนอึดอัดจะเข้าร่วมโครงการปลดหนี้หรือเปล่า เพราะบางครั้งบางคนไม่อยากให้ครอบครัว ทั้ง ผัว และ เมีย เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการเปิดเผยรายได้และหนี้สิน ที่สำคัญหลายคนสะกิดมาถาม....ภรรยา นี่เอาแบบจดทะเบียน หรือเอาแบบไม่จดทะเบียน และที่ฮากว่านั้นบางคนบอกมีทั้งจดทะเบียนและไม่จดทะเบียนคู่กัน จะให้แจงทั้งหมดก็กลัวข้อมูลรั่วไหล...เดี๋ยวหัวจะแตก (ฮา) ก็ฝาก ผู้ช่วยปรีชา แจกแจงลูกน้องให้ละเอียดด้วยเด้อ 

แจ้งข่าวคนที่อยากสวมเครื่องแบบ สีกากี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประกาศรับสมัครนักเรียนนายสิบตำรวจ ประจำปี 2564 จำนวน  6,599 อัตรา แยกเป็น บช.น. 729 อัตรา ภ.1 จำนวน 870 อัตรา ภ.2 จำนวน 530 อัตรา ภ.3 จำนวน 770 อัตรา ภ.4 จำนวน  560 อัตรา ภ.5 จำนวน 700 อัตรา ภ.6 จำนวน 780 อัตรา ภ.7 จำนวน 430 อัตรา ภ.8 จำนวน 240 อัตรา ภ.9 จำนวน  390 อัตรา และ บช.อื่นๆ 600 อัตรา ผู้สมัครนักเรียนนายสิบตำรวจ ต้องมีคุณสมบัติ เป็นบุคคลภายนอก เพศชาย วุฒิการศึกษา ม.6/ปวช.  หรือเทียบเท่า อายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน 27 ปีบริบูรณ์  นับถึงวันสุดท้ายของการรับสมัคร ส่วนสูงไม่น้อยกว่า 160 เซนติเมตร และรอบอกไม่น้อยกว่า 77 เซนติเมตร กำหนดการรับสมัครทางอินเทอร์เน็ตระหว่างวันที่ 29 พ.ย.- 7 ธ.ค.64 สอบข้อเขียนวันที่ 30  ม.ค.65 ประกาศรายชื่อผู้สอบผ่านข้อเขียนวันที่ 8 ก.พ.65 ประกาศรายชื่อผู้ได้รับคัดเลือกวันที่ 25 มี.ค.65 ข้อมูลเพิ่มเติมทาง  www.policeadmission.org ๐

เป็นไปตามวาระ ทุกวันพฤหัสบดีสุดท้ายก่อนสิ้นเดือนจะมีการจัดประชุมสภากลาโหม ที่ศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม มี รมว.กลาโหม เป็นประธาน ช่วงหลัง บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาเป็นประธานการประชุมด้วยตนเอง เพื่อจะได้พบปะพูดคุยกับสมาชิกสภากลาโหม ที่มีน้อง ผบ.เหล่าทัพมาร่วมประชุมด้วยอย่างใกล้ชิด หลังจากถูกมองว่าห่างรุ่น อาจจะไม่ใจถึงใจกลายเป็นช่องว่างระหว่างกัน สัปดาห์ที่ผ่านมานอกจากเป็นเรื่องสั่งการที่ให้เหล่าทัพสนับสนุนในภารกิจช่วยเหลือประชาชน และสนับสนุนนโยบายมาตรการในเรื่องต่างๆ แล้ว ยังเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการสภาทหารผ่านศึก ประเภททหารผ่านศึกประจําการ 5 คน แทนกรรมการที่พ้นจากตําแหน่งตามวาระ และพ้นจากตําแหน่งก่อนวาระเนื่องจากครบกําหนดเกษียณอายุราชการ มีชื่อ พล.อ.อภินันท์ คำเพราะ รองผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.ภราดร  พวงแก้ว ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพเรือ พล.อ.อ.ชานนท์ มุ่งธัญญา ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.ต.ท.ณัฐ สิงห์อุดม ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน และ นายชยาวุธ จันทร รองปลัดกระทรวงมหาดไทย 

ที่สนใจกันมากคงเป็นเรื่องดรามา รถทหาร เตรียมเติมน้ำมัน สตาร์ทเครื่อง รับภารกิจขนส่งทดแทนรถขนส่งที่อาจจะหยุดวิ่งในวันที่ 1  ธ.ค.นี้ โดยเฉพาะในส่วนของกองทัพบกที่เช็กลิสต์บัญชีทั้งหมดไว้  3,700 คัน บิ๊กบี้-พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. แจกแจงให้ฟังว่ามีรถบรรทุกทหารอยู่ 2 ประเภท คือ ขนคน กับ ขนของ  เมื่อแยกส่วนออกมา ยอดที่จะใช้ในภารกิจเฉพาะหน้าคงนำมาใช้ไม่ได้มากขนาดนั้น เมื่อเทียบกับรถบรรทุกที่หยุดเดินคงจะใช้ทดแทนไม่ได้หมด ดังนั้นต้องดูเป็นจุดความเดือดร้อน เช่น สินค้าเกษตรฯ ปศุสัตว์ ที่รอเวลาไม่ได้ อย่างไรก็ตามทั้งหมดเป็นเพียงการเตรียมพร้อมเพื่อรอดูสถานการณ์ต่อไป เพราะดูเหมือน “ม็อบรถบรรทุก” จะเลื่อนวันเคลื่อนไหวออกไป ตามสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ยังผันผวนขึ้นๆ ลงๆ อยู่ แต่เมื่อเรื่องใดกระทบต่อประชาชนก็ต้อง สแตนด์บาย เสมอ

เป็นข่าวเล็กๆ ที่ฮือฮาไม่น้อย หลัง ป.ป.ช.เผยแพร่บัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงหลายราย โดยเฉพาะของ พ.ท.หนุน ศันสนาคม กรณีเข้ารับตำแหน่ง ผอ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เมื่อวันที่ 27 ส.ค.64 ที่มีมูลค่ารวมกว่า 74  ล้านบาท พร้อมแจกแจงบัญชีซื้อบ้านใหม่ต้นปี 64 และภริยาถอยรถหรูปอร์เช่คูเป้เมื่อเดือน มี.ค.64 ทำเอาเหล่าบรรดา “คอหวย” อ้าปากค้าง สำหรับประวัติ “เสธ.หนุน” จบเตรียมทหารรุ่นที่ 31 รุ่นเดียวกับนายตำรวจคนดัง "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล และ "เสธ.เก๋” พล.ต.ณัฐวุฒิ ภาสุวณิชยพงษ์ ฝ่าย เสธ.ข้างกายนายกฯ เคยดำรงตำแหน่งผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ผบ.ร.11พัน2รอ.) เป็นน้องรักของ บิ๊กแดง-พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ รองราชเลขาธิการพระราชวัง เข้ามาเป็นบอร์ดตั้งแต่ ยุค คสช. และปี 2561 ได้รับแต่งตั้งเป็นรองผู้อำนวยการ ระดับ 10  สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล

ได้จังหวะเวลาพบปะกำลังพล พล.ท.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง แม่ทัพภาคที่ 1 พูดคุยกับนายทหาร นายสิบ ลูกจ้าง อาสาสมัครทหารพรานของ บก.ทภ.1 และกองทัพน้อย 1 โดยได้เน้นย้ำการปฏิบัติตัวของกำลังพลให้อยู่ในระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ, ข้อคิดในการใช้ชีวิต   พร้อมปลูกฝังอุดมการณ์รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และความยึดมั่นผูกพันในสถาบันและกองทัพบก และได้เชิญวิทยากรจากศูนย์ประสานงานสารนิเทศ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก อบรมให้ความรู้กำลังพลในหัวข้อ  การใช้สื่ออย่างสร้างสรรค์ ตามนโยบาย ผบ.ทบ. ให้หน่วยทหารใช้การสื่อสารสร้างการรับรู้กับกำลังพลในทุกช่องทาง ทั้งที่เป็นเอกสาร กิจกรรม การพบปะพูดคุย รวมถึงการใช้การสื่อสารทางออนไลน์ในโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม เพื่อให้สามารถสร้างการรับรู้และส่งผ่านข้อมูลโดยเฉพาะในเรื่องการปฏิบัติงานได้อย่างรวดเร็ว และทันต่อสถานการณ์.