ชักเริ่มหนาวๆ ขึ้นมามั่งแล้ว...ว่ามั้ยทั่น!!!
และจะโดยความเป็นประเทศเมืองร้อนชนิดตับแลบ ม้ามแลบ แถมเผลอๆ อาจเจอฝนพรำๆ พรึมๆ ตกไม่หยุด ตกไม่เลิก ซะอีกต่างหาก
ความรู้สึกต่อดิน-ฟ้า-อากาศในหน้าหนาว จึงออกจะเป็นอะไรที่ก่อให้เกิดความสุข สดชื่น บันเทิง เริงรมย์ สำหรับผู้คนต่างๆ เป็นจำนวนมิใช่น้อย...
ยิ่งในช่วงเดือนธันวา.ต่อไปจนถึงมกรา. ...ยังเป็นเดือนที่มักเต็มไปด้วยการเฉลิมฉลองอะไรต่อมิอะไรมาโดยตลอด ตั้งแต่ยุค เห-มายัน ของพวกฝรั่งโน่นเลย ก่อนค่อยๆ กลายมาเป็น วันคริสต์มาส ไปจนถึงวันส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับปีใหม่ ส่วนไทยๆ อย่างบ้านเรา หรืออย่างประเภทวันไหนๆ พี่ไทยก็เมา ดังนั้น...ไม่ว่าจะเป็นตรุษฝรั่ง ตรุษแขก หรือตรุษจีน ย่อมต้องก่อให้เกิดสีสัน บรรยากาศ แห่งความสดใส สนุกสนาน รื่นเริง บันเทิงใจ ตามไปด้วยไม่ยาก ยิ่งมีโอกาสได้หวนกลับไปรำลึกนึกถึงวันที่ 5 ธันวามหาราช หรือวันเฉลิมพระชนมพรรษาของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 9 ผู้ทรงลาละสละโลกไปแล้ว แต่ก็ยังคงทิ้ง ธรรมะ หรือ ทศพิธราชธรรม ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ ก็ยิ่งเป็นอะไรที่น่าดื่มด่ำ ลึกซึ้ง ยิ่งขึ้นไปใหญ่...
และอาจด้วยเหตุเพราะความแก่ ความชรา ความเป็น วานปรัสถ์ ที่หวังจะยกระดับขึ้นเป็น สันยาสี ให้จงได้ ความรู้สึกถึงความสุขใจ สบายใจ ในช่วงหน้าหนาวเช่นนี้ ก็คงไม่ถึงกับต้องออกแรงถ่อ แรงพาย ไปดูแม่คะนิ้ง หรือพ่อคะน้า ณ ที่ไหนๆ ให้ต้องเมื่อยเนื้อ เมื่อยตัว โดยใช่เหตุ เพียงแค่ได้สัมผัสลมหนาวกรูเข้ามาตามช่องประตู หรือหน้าต่าง หรือแค่ไปยืนแอ่นไป แอ่นมา หน้าระเบียงบ้าน แล้วรู้สึกวูบๆ วาบๆ ขนลุกขนตั้ง เพราะสายลมแห่งฤดูเหมันต์โผล่เข้ามาทักทาย แค่นั้น...ก็พอแล้ว สารเอนดอร์ฟิน หรือสารคัดหลั่งแห่งความสุข สามารถไหลพลั่กๆๆ ก่อให้เกิดความอิ่มเอิบ ปลาบปลื้ม ความเพลิดเพลินเจริญใจได้โดยไม่ยากซ์ซ์ซ์...
คือหลังๆ มานี้...ต้องยอมรับว่าตัวเอง ค่อนข้างจะสุขง่าย สบายง่าย กว่ายุคอดีตเมื่อ 30-40 ปีที่แล้ว ไม่รู้จะกี่สิบกี่ร้อยเท่า แค่อยู่เฉยๆ ชมนก-ชมไม้ เปิดเพลง-ฟังเพลงเก่าๆ ที่โหลดเอามาจากยูท้ง ยูทูบ เพียงเท่านั้น...ก็สามารถพลั่กๆๆ ได้เสมอ อาจเป็นเพราะบรรดา ภารกิจ ต่างๆ ไม่ว่าประเภทงานหลวง งานราษฎร์ มันได้สูญสลายหายไปจากบ่า จากหลัง จากไหล่ ไม่ต้องดิ้นรน กระวนกระวาย ไม่ต้องต่อสู้ แบกรับ อะไรต่อมิอะไรมากมายเกินไปนัก ทุกสิ่งทุกอย่าง...มันเลยสบายๆ แค่เพียงได้กลิ่น ได้พบสัมผัสลมหนาวที่โชยมา-โชยไป แต่เพียงเท่านั้น ก็ก่อให้เกิดความรู้สึกสอดคล้อง กลมกลืน ไปกับความหมุนเวียน เปลี่ยนแปลง ของ ธรรมชาติ ชนิดแทบไม่รู้สึกขัดแย้ง แปลกแยกใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย...
การที่ตัวเองชักกลายเป็นคนสุขง่าย สบายใจค่อนข้างง่ายๆ โดยไม่จำเป็นต้องหาอะไรมาเป็นแรงอัดฉีด แรงกระตุ้น หรือไม่ต้องดิ้นรน ขวนขวาย อะไรกันมากมาย เลยทำให้อดไม่ได้ที่จะต้องหันมาทบทวนอดีต-ปัจจุบัน และอนาคต อย่างเป็นระบบและเป็นกิจการ ว่าด้วย เหตุปัจจัย ใดๆ มันถึงก่อให้เกิดความรู้สึกทำนองนี้ และอาจด้วยเหตุเพราะเวลา นั่งขี้ มักต้องคว้าหนังสือ หนังหา ติดมือ-ติดไม้ เข้าไปอ่าน ไปช่วยเบ่ง จนกลายเป็นวาสนา สันดาน อย่างมิอาจปฏิเสธ ก็เลยพอได้พบ คำตอบ แบบคร่าวๆ หรือแบบค่อนข้างชัดเจนมิใช่น้อย จากหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งตั้งชื่อภาษาไทยไว้ว่า ความเรียบง่าย-ไร้กาลเวลา หรือชื่อภาษาปะกิตว่า Timeless Simplicity เขียนโดยฝรั่งรายหนึ่ง ผู้มีนามกรว่านาย จอห์น เลน (John Lane) โดยมีอาจารย์ สดใส ขันติวรพงศ์ บ้านเรา นำมาแปลและถ่ายทอดไว้เมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว หรือเมื่อปี พ.ศ.2547 สำนักพิมพ์ สวนเงินมีมา เป็นผู้จัดพิมพ์และวางตลาด...
คืออันที่จริง คำตอบ ที่ว่า...มันก็คงไม่มีอะไรมากนั่นแหละทั่น หรือสรุปสั้นๆ ง่ายๆ ว่า ด้วยเหตุเพราะ ผม...พอแล้ว...!!! หรือด้วยเหตุเพราะความพอเพียง ความสมถะ ความพึงพอใจอยู่ในสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่ มีอยู่ ไม่ว่ามากหรือน้อย ไม่ว่าเยอะ-ไม่เยอะ ยิ่งใหญ่-ไม่ยิ่งใหญ่ มีอำนาจ-ไร้อำนาจ ใน มาตรฐาน ใน สายตา ใครต่อใครก็เถอะ อันเป็นสิ่งที่บรรดา ศาสนา ต่างๆ ทั้งหลาย ไม่ว่าพุทธ คริสต์ อิสลาม ฯลฯ ต่างได้ชี้แนะ ชี้นำ ไว้โดยตลอด หรือสิ่งที่ทำให้ความรู้สึกทาง จิตวิญญาณ เป็นอะไรที่มีค่า มีราคา ยิ่งกว่าความรู้สึกในทาง วัตถุ และด้วยความรู้สึกในทางจิตวิญญาณนี่เอง ที่ทำให้เกิดความสุขง่าย สบายง่าย แถมเผลอๆ อาจคิดว่าตัวเองมั่งคั่ง ร่ำรวย สะดวกสบายกว่าใครต่อใครเขาอีกเยอะ เหมือนอย่างที่นักปราชญ์ชาวกรีก ท่าน Seneca ท่านเคยว่าเอาไว้นั่นแหละว่า... “It is not the man who has too little who is poor, but the one who craves more.” หรือ “ผู้ที่มีไม่มากไม่ใช่คนจน...คนจนคือผู้ที่อยากมีโดยไม่รู้จักพอ” อะไรประมาณนั้น...
สรุปรวมความแล้ว...คงต้องลองไปหาหนังสือเล่มนี้มาอ่านระหว่างนั่งขี้ หรือระหว่างห่มผ้าห่มลองดูก็ได้ แล้วอาจพอได้ สว่างวาบ ต่อสิ่งที่เรียกว่า ความเรียบง่าย ที่แทบไม่ต่างไปจาก ความพอเพียง อันถือเป็น คาถาศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งล้นเกล้าฯ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านได้ทรงชี้แนะ ชี้นำเอาไว้ ขณะยังทรงพระชนม์ชีพอยู่นั่นแล โดยสิ่งที่ว่านี้...ไม่ใช่แต่เฉพาะนำมาปรับใช้ได้กับตัวบุคคล หรือปัจเจกบุคคลเท่านั้น แต่อาจนำไป แอพพลาย เข้ากับสังคมทั้งสังคมได้ด้วยเช่นกัน...
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข้าอยากได้อะไร...ข้าต้องได้
เราคนไทยมักจะอ้างว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐ มีการบริหารกิจการต่างๆ ภายในประเทศตามหลักการของนิติธรรม แต่สถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเวลานี้ หลายคนเริ่มตั้งข้อสงสัยว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐจริงหรือ
เมื่อ 'ธรรมชาติ' กำลังแก้แค้น-เอาคืน!!!
เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กรมอุตุนิยมวิทยาของบ้านเรา...ท่านเคยคาดๆ ไว้ว่า ฤดูหนาว ปีนี้น่าจะมาถึงประมาณปลายสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนตุลาคม
จ่ายเงินซื้อเก้าอี้!
ไม่รู้ว่าหมายถึง "กรมปทุมวัน" ยุคใด สมัยใคร จ่ายเงินซื้อเก้าอี้ ซื้อตำแหน่ง ในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ตามที่ "ทักษิณ ชินวัตร" สทร.แห่งพรรคเพื่อไทย ประกาศเสียงดังฟังชัดในระหว่างขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก
ช่วงเค้าลางคดีสำคัญของนายกรัฐมนตรีก่อตัวในดวงเมือง
ขอพักการทำนายเค้าโครงชีวิตคนปี 2568 ไว้ชั่วคราว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคิวที่รออยู่คือท่านที่ลัคนาสถิตราศีตุล
โล่งอก! ประกาศ ฉ.11 พายุไต้ฝุ่น ‘หยินซิ่ง’ กำลังออ่อนตัว ไม่เคลื่อนเข้าไทย
พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเฉียงใต้อย่างช้าๆ คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ตอนใต้ของเกาะไหหลำ ประเทศจีน และชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลาง
ไม่สนใจใครจะต่อว่า เสียงนกเสียงกา...ข้าไม่สนใจ
ถ้าหากเราจะบอกว่านายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 ของประเทศไทย เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีเสียงตำหนิ มีการนำเอาการพูดและการกระทำที่ไม่ถูกไม่ต้อง ไม่เหมาะไม่ควร