ข่าวและการวิเคราะห์ที่ปรากฏในสื่อหลายชิ้นระบุว่า สงครามโลกครั้งที่ 3 ใกล้เข้ามาแล้ว อันหมายถึงการรบโดยตรงระหว่างฝ่ายสหรัฐกับรัสเซีย ข่าวการเตรียมพร้อมของกองกำลังนิวเคลียร์รัสเซีย การซ้อมรบกองกำลังนิวเคลียร์ทั้ง 3 เหล่า (ขีปนาวุธจากฐานยิงภาคพื้นดิน จากเรือรบเรือดำน้ำ และจากเครื่องบิน) ปลุกกระแสให้คิดว่าสงครามโลกกำลังจะเกิดขึ้น สื่อบางสำนักชักนำให้คิดว่ารัฐบาลปูตินจะใช้อาวุธนิวเคลียร์
ด้วยเหตุสงครามยูเครนรุนแรง มีข่าวจะเปิดแนวรบใหม่สงครามอาจขยายตัว อันโตนิโอ กูเตเรส (Antonio Guterres) เลขาธิการสหประชาชาติออกโรงเตือนอีกครั้งเมื่อศึกยูเครนใกล้ครบปีว่าสัญญาณสันติภาพหายไป อาจรุนแรงกว่าเดิม หากนาโตรบกับรัสเซียเป็นวงกว้าง มีการสูญเสียจำนวนมาก น่าจะเรียกว่าเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 แล้ว
มูลเหตุสงครามโลกครั้งที่ 3 :
เมื่อศึกยูเครนทวีความรุนแรง นาโตให้ความช่วยเหลือต่อเนื่อง รัฐบาลโปแลนด์เริ่มพูดว่ารัสเซียจะโจมตีโปแลนด์ กุมภาพันธ์ 2023 Mateusz Morawiecki นายกรัฐมนตรีโปแลนด์กล่าวว่ารัสเซียจะโจมตีโปแลนด์ “เป็นเป้าหมายต่อไป" ตอนนี้ต้องช่วยยูเครนสกัดรัสเซียให้จงได้
ความกังวลของโปแลนด์สัมพันธ์กับแนวคิดอีกไม่นานโปแลนด์จะส่งกองทัพเข้ายูเครน อ้างเหตุผลปกป้องยูเครนฝั่งตะวันตก เท่ากับโปแลนด์พาตัวเองเข้าไปเกี่ยวพันโดยตรง ทั้งยังควรขยายความว่านาโตกำลังเข้าพัวพันโดยตรงเพราะโปแลนด์เป็นสมาชิกนาโต อาจหมายถึงจุดเริ่มสงครามระหว่างรัสเซียกับนาโตโดยตรง
ปัจจุบันมีทหารอเมริกัน 11,000 นายประจำการที่นี่และยังคงเสริมฐานทัพให้เข้มแข็งต่อเนื่อง ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวว่า อีกไม่นานจะมีศูนย์บัญชาการสหรัฐที่โปแลนด์ จะเห็นว่าทัพนาโตเสริมกำลังในหลายประเทศแถบนี้
ข่าวความโหดร้ายของกองทัพรัสเซียตั้งใจสังหารพลเรือน รัสเซียจะบุกยึดครองยุโรปปรากฏในสื่อตะวันตกเป็นระยะ ถ้ายึดข่าวสายนี้โอกาสเกิดสงครามโลกย่อมเป็นไปได้
เมษายน 2022 เมื่อกองทัพรัสเซียบุกยูเครนไม่ถึง 2 เดือน วุฒิสมาชิก Chris Coons แนะว่าถึงจุดหนึ่งสหรัฐจำต้องส่งกองทัพเข้ายูเครนร่วมกับนานาชาติเพื่อปกป้องเสรีภาพ หรือหากมีเหตุผลจำเป็น เช่น รัสเซียใช้อาวุธเคมี
ที่ผ่านมารัฐบาลสหรัฐกับนาโตย้ำว่าจะไม่ส่งทหารเข้าปะทะกองทัพรัสเซีย เพราะสุ่มเสี่ยงเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 รัฐบาลปูตินได้เตือนแล้ว แต่ในระยะหลัง ส.ส. ส.ว. อเมริกันบางคนสนับสนุน และหากใช้ตรรกะของ Chris Coons สหรัฐควรส่งทหารเข้ายูเครนตั้งแต่วันนี้เพื่อปกป้องยูเครน
คำถามคือ หากจะทำสงครามล้างโลกหรือนำสู่ความสุ่มเสี่ยงดังกล่าวควรสอบถามความเห็นของประชากรโลกหรือไม่ ทำไมคนทั้งโลกต้องรับผลเสียจากความขัดแย้งของมหาอำนาจ จากการตัดสินใจของคนไม่กี่หยิบมือ
ข้อโต้แย้งไม่เกิดสงครามโลก :
ประการแรก ยุโรปไม่คิดว่ารัสเซียเป็นภัยคุกคาม
หลายปีแล้วที่นาโตมีข้อตกลงว่าสมาชิกจะต้องตั้งงบประมาณกลาโหมอย่างน้อยปีละ 2% ของจีดีพี สมัยรัฐบาลแมร์เคิลตั้งงบกลาโหมเพียง 1.2% เช่นเดียวกับหลายประเทศที่ตั้งงบกลาโหมไม่ถึง 2% มีข้อมูลมากมายว่ากองทัพเยอรมนี อังกฤษ ฝรั่งเศส ไม่พร้อมรบ เครื่องบินรถถังที่ใช้งานได้จริงน้อยกว่าจำนวนที่ระบุไว้มาก กระสุนที่มีอยู่ใช้ได้เพียงไม่กี่วัน เป็นหลักฐานสำคัญชี้ว่าฝ่ายยุโรปไม่คิดว่ารัสเซียเป็นภัยคุกคาม จึงไม่ต้องเตรียมกองทัพใหญ่โต
ประการที่ 2 อดีตรัฐบาลแมร์เคิลเป็นมิตรกับรัสเซีย
ย้อนหลังรัฐบาลเยอรมันชุดก่อน พฤษภาคม 2017 อังเกลา แมร์เคิล (Angela Merkel) นายกรัฐมนตรีเยอรมนีในขณะนั้นเอ่ยถึงนโยบายต่างประเทศว่า “ห้วงเวลาที่เราต้องพึ่งพาประเทศอื่นอย่างสิ้นเชิงได้สิ้นสุดลงแล้ว” ประโยคดังกล่าวไม่ได้เอ่ยชื่อประเทศใด แต่ทุกคนรู้ดีว่าหมายถึงสหรัฐอเมริกา แนวคิดนี้สอดคล้องกับกระแสยุโรปที่ต้องการเป็นอิสระ ไม่ถึงขั้นแยกตัวออกจากนาโต แต่หวังเป็นมิตรกับรัสเซีย ซึ่งหมายถึงยุโรปที่มีสันติภาพ หลีกเลี่ยงสถานการณ์ยุโรปที่อยู่กึ่งกลาง 2 มหาอำนาจที่ต่อสู้แข่งขันกัน รัฐบาลทรัมป์ในสมัยนั้นต่อต้านอย่างหนักถึงกับขู่ว่าจะสลายนาโต
หลายสิบปีแล้วที่รัสเซียเป็นผู้ส่งออกพลังงานรายใหญ่สู่ยุโรป มีระบบท่อส่งหลายท่อผ่านหลายประเทศ เฉพาะ Nord Stream เป็นท่อจากรัสเซียเข้าเยอรมนีโดยตรง คำถามที่พูดกันเสมอคือ หากรัสเซียปิดท่อก๊าซจะส่งผลต่อคนเยอรมันหลายสิบล้านคนอย่างไร ในอดีตอาจตอบว่าเยอรมนีนำเข้าจากหลายประเทศ เมื่อมาถึงสมัยแมร์เคิลนำเข้าจากรัสเซียมากกว่าครึ่งและทำท่าจะเพิ่มขึ้นอีก คำถามนี้จึงมีน้ำหนักยิ่งกว่าเดิม
ข้อโต้แย้งคือ เพราะเยอรมนี (กับยุโรป) เป็นลูกค้ารายใหญ่ รัสเซียจึงไม่ผลีผลามทำอะไรที่ทำให้ยุโรปรู้สึกไม่ปลอดภัย ด้วยการมีระบบเศรษฐกิจร่วมกัน เป็นคู่ค้ารายใหญ่ต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ จึงอยู่ร่วมกันโดยสันติ
โครงการก่อสร้างท่อส่งก๊าซ Nord Stream 2 อันเป็นโครงการใหม่สมัยรัฐบาลแมร์เคิลเป็นหลักฐานในตัวเองว่า รัฐบาลเยอรมนีชุดก่อนเห็นว่านโยบายพลังงานเหมาะสมดีแล้ว ไม่คิดว่ารัสเซียเป็นภัยคุกคามอย่างที่รัฐบาลสหรัฐกล่าวอ้าง
โดยพื้นฐานแล้วอียูเป็นพันธมิตรกับสหรัฐ ในอีกด้านอียูหวังค้าขายกับนานาชาติทั้งรัสเซีย จีน ฯลฯ โรคระบาดโควิด-19 สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจสังคมไม่น้อย ซ้ำเติมเศรษฐกิจบางประเทศที่อ่อนแออยู่แล้วให้อ่อนแอลงอีก บัดนี้เกิดสงครามในยุโรปและคาดว่าจะยืดเยื้อ ส่อว่ามีลักษณะเป็นสงครามเย็นใหม่ ยุโรปต้องซื้อใช้พลังงานแพงกว่าเดิมจากต้นทุนนำเข้าที่สูงขึ้น ต้องลงทุนสร้างท่าเรือที่รองรับเรือบรรทุกน้ำมัน สร้างคลังน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่ม ฯลฯ ต้นทุนพลังงานยุโรปแพงขึ้นทั้งระบบ ความสามารถการแข่งขันเชิงเศรษฐกิจลดลง การคว่ำบาตรรัสเซียมีผลกระทบกลับมาที่ยุโรปด้วย เหล่านี้กำลังบอกว่ายุโรปอ่อนแอลง มั่นคงน้อยกว่าเดิมใช่หรือไม่
ประการที่ 3 ไบเดนระบุจะไม่รบกับรัสเซียโดยตรง
แถลงการณ์ State of the Union 2022 ของไบเดนเมื่อมีนาคมระบุชัดว่าสหรัฐจะไม่ส่งทหารไปรบยูเครน จะไม่ปะทะกับรัสเซียโดยตรง แต่จะให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง
หากไบเดนคิดทำสงครามโดยตรง รัฐบาลเสรีประชาธิปไตยได้ถามพลเมืองของตนแล้วหรือยังว่าประเทศจะรบกับรัสเซีย ในทำนองเดียวกัน ชาติประชาธิปไตยอื่นๆ ควรถามพลเมืองของตนว่ายินดีให้ลูกระเบิดนิวเคลียร์หล่นใส่บ้านตัวเองหรือไม่ ยินดีให้ลูกหลานพินาศตามนโยบายจากรัฐบาลต่างชาติหรือไม่ โดยเฉพาะยุโรปที่เคยเป็นสมรภูมิสงครามโลกมาแล้ว 2 ครั้ง ต้องถามตัวเองซ้ำอีกรอบว่า อยากให้ประเทศของตนเป็นสมรภูมิสงครามโลกครั้งที่ 3 หรือไม่
ด้านรัสเซียจะเห็นว่ารัฐบาลปูตินพยายามเตือนไม่ให้ยูเครนโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย ทำการรบในเขตยูเครนเท่านั้น เป็นการจำกัดขอบเขตสงคราม ทั้งๆ ที่ภาพสงครามตัวแทนระหว่างนาโตกับรัสเซียชัดเจนยิ่งขึ้นทุกที ฝ่ายรัสเซียสูญเสียจากสงครามมากมาย การฟื้นฟูประเทศต้องใช้เวลาหลายปี คงไม่อยากขยายความสูญเสียให้มากกว่านี้
ประการที่ 4 สงครามไฮบริด
แนวคิดนี้ชี้ว่าทั้งคู่ตั้งใจทำศึกยืดเยื้อ การปะทะทางทหารในยูเครนเป็นเพียงส่วนหนึ่งของสงครามไฮบริดที่กำลังเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง สัมพันธ์กับการจัดระเบียบโลกที่อาจกินเวลาหลายปี
3 เดือนหลังเริ่มสงครามยูเครน ลอยด์ ออสติน (Lloyd Austin) รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐประกาศให้พันธมิตรเตรียมตัวทำศึกหลายปี ไม่กี่วันต่อมา เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต กล่าวขอให้เตรียมรับมือสงครามยูเครนแบบยาวๆ ค่อยๆ บั่นทอนข้าศึก (a war of attrition)
รวมความแล้วรัสเซียไม่เป็นภัยคุกคามร้ายแรงอย่างที่พูด แต่การวาดภาพให้น่ากลัวเป็นโฆษณาชวนเชื่อที่ทำกันเป็นปกติ หวังให้คนทั่วโลกร่วมต่อต้านรัสเซีย ในขณะเดียวกันต้องยอมรับว่าสงครามนั้นโหดร้าย ละเมิดมนุษยธรรมมากมายทั้งจากทหารรัสเซียกับยูเครน ทหารที่กำลังเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมักคิดถึงการเอาชนะกับการเอาตัวรอดมากกว่าสิทธิมนุษยชน หากรัฐบาลเซเลนสกีวางตัวเป็นกลาง ไม่สมัครเป็นสมาชิกนาโตที่รัสเซียถือว่าก้าวข้ามเส้นต้องห้าม (red-line) สงครามยูเครนจะไม่เกิด ยุโรปจะยังสงบ ภาวะเงินเฟ้อพุ่ง สินค้าขึ้นราคา แพงทั้งแผ่นดินจะไม่รุนแรงอย่างที่เป็นขณะนี้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นโยบายต่างประเทศจีน2024จากมุมมองสหรัฐ
เป้าหมายนโยบายต่างประเทศคือการฟื้นฟูชาติจีนครั้งยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะใช้มุมมองจีนหรือสหรัฐ ทั้งคู่มองว่าต่างเป็นคู่แข่งเชิงยุทธศาสตร์และน่าจะเป็นปรปักษ์ในที่สุด
ยุทธศาสตร์แห่งชาติจีน2024จากมุมมองสหรัฐ
กำหนดเป้าหมาย ‘มีกองทัพเข้มแข็งระดับโลก เป็นผู้นำทบทวนระเบียบโลก’ ในการนี้จีนต้องเผชิญหน้าสหรัฐผู้นำระเบียบโลกปัจจุบันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ปฐมบทอาหรับสปริงซีเรีย
ความไม่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจสังคมเป็นต้นเหตุสำคัญของอาหรับสปริงซีเรีย รัฐบาลต่างชาติที่หวังล้มอัสซาดพยายามอยู่นานหลายปี รอจนวาระและโอกาสเป็นใจ
จากฮาเฟซ อัลอัสซาดสู่จุดเริ่มอาหรับสปริงซีเรีย
อำนาจการปกครองเป็นของคนส่วนน้อย คนกลุ่มนี้แหละที่ได้รับประโยชน์ ทิ้งให้ประชาชนจำนวนมากอยู่ตามมีตามเกิด อำนาจนี้เปลี่ยนมือไปมาจนมาถึงระบอบอัสซาดที่อยู่ได้ 2 ชั่วคน คือพ่อกับลูก
จากสถาปนาประเทศซีเรียสู่พรรคบาธ
เรื่องราวของซีเรียเต็มไปด้วยการแข่งขันช่วงชิงทั้งภายในกับอำนาจนอกประเทศ ความขัดแย้งภายในหลายมิติ เป็นอีกบทเรียนแก่นานาประเทศ
2024สงครามกลางเมืองซีเรียระอุอีกครั้ง
สงครามกลางเมืองที่ดำเนินมาเกือบ 14 ปียังไม่จบ สาเหตุหนึ่งเพราะมีรัฐบาลต่างชาติสนับสนุนฝ่ายต่อต้านกับกลุ่มก่อการร้าย HTS เป็นปรากฏการณ์ล่าสุด