“ขุนพันธ์ 3” ยังฉายอยู่ในโรงนะ!
ถ้าเผื่อว่าง-มีเวลาก็ไปช่วยอุดหนุนหนังไทยกันหน่อย อาจจะมีรอบ-มีโรงที่น้อยจนน่าหงุดหงิด-รำคาญไปบ้าง ก็ให้คิด-เข้าใจเสียว่า..
“ธุรกิจ” ก็อย่างนี้แหละ ย่อมจะต้องมีการแข่งขัน-กีดกันกันเพื่อความได้เปรียบ-เสียเปรียบเป็นธรรมดา!
และจากกรณีของหนังขุนพันธ์ 3 นี้ ทำให้ “สมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย” ไม่อาจทนนิ่งเฉยอยู่ได้ จึงได้มีจดหมายเปิดผนึก เรื่อง “การจัดโรงและรอบฉายภาพยนตร์ไทย ที่ไม่เป็นธรรม” ออกมา
ความว่า.. “สืบเนื่องจากมีประเด็นการจัดโรงและรอบฉายภาพยนตร์ไทยหลายครั้ง ล่าสุดคือเรื่อง ขุนพันธ์ 3
โดยปัญหาการจัดโรงและรอบฉายที่ไม่เป็นธรรม ตัดโอกาสของภาพยนตร์ไทย เป็นปัญหาเรื้อรังที่เกิดขึ้นเรื่อยมา เป็นที่รับรู้กันอย่างกว้างขวางในหมู่คนทำงานในวงการภาพยนตร์ไทย
เมื่อการสร้างภาพยนตร์ไม่อาจเป็นหลักประกันได้ว่าภาพยนตร์เรื่องนั้นจะมีโรงและรอบฉายที่มากเหมาะสมสำหรับการสร้างรายได้ให้กับภาพยนตร์
จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ผู้สร้างจำนวนมากไม่กล้าลงทุนในภาพยนตร์คุณภาพที่มีเนื้อหาหลากหลาย
จนเป็นเหตุให้ผู้ชมจำนวนมากรู้สึกเสื่อมศรัทธากับภาพยนตร์ไทย เพราะมีเนื้อหาที่ซ้ำซาก ไร้การพัฒนา
แต่ในขณะเดียวกัน ภาพยนตร์ไทยหลายเรื่องที่มีเนื้อหาแปลกใหม่ มีคุณภาพ กลับได้รับการจัดโรงและรอบที่น้อยจนหมดโอกาสในการสร้างผู้ชมและรายได้
ทางสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย ในฐานะคนทำหนัง ขอแสดงจุดยืนในการปกป้องผู้กำกับภาพยนตร์และคนทำงานที่ควรได้รับโอกาสในการเผยแพร่ผลงานอย่างเป็นธรรม ดังนี้
1.ขอให้สมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยเข้ามาเป็นตัวกลางในการเจรจาต่อรองหรือจัดสรรรอบฉายของภาพยนตร์ไทยให้เกิดความเป็นธรรม
และเป็นไปเพื่อนำเสนอภาพยนตร์ไทยคุณภาพออกสู่สายตาผู้ชม สร้างความหลากหลายในการชมภาพยนตร์ เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ชมและส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาวงการภาพยนตร์ไทยในระยะยาว
2.ขอให้สื่อมวลชนนำเสนอประเด็นปัญหานี้ให้ผู้ชมได้รับรู้และเข้าใจถึงปัญหาในวงการภาพยนตร์ไทย อันจะนำไปสู่การสนับสนุนให้เกิดการแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด
สมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทยขอเรียกร้องให้หนังไทยทุกเรื่องมีพื้นที่ฉายอย่างสมศักดิ์ศรี และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเกิดการแก้ไขปัญหาเพื่อสร้างความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายในวิกฤตการณ์ครั้งนี้
ครับ..ในฐานะสื่อมวลชน ผมก็ได้นำจดหมายมาถ่ายทอดให้ผู้อ่าน-ผู้ชมได้รู้ ส่วนจะเข้าใจถึงปัญหาในวงการภาพยนตร์หรือไม่อย่างไร ผมเห็นว่าไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
แต่ที่สำคัญและน่าจะเป็นประเด็นหลัก สมาคมผู้กำกับฯ จะต้องเร่งรุกเอากับสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์ไทยฯ นั่นแหละถูกต้องแล้ว
เพราะนั่นเป็นองค์กรที่ตั้งขึ้นด้วยจุดประสงค์..เพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ในวงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยที่เกิดขึ้นในแต่ละสาขาอาชีพ
เพื่อเป็นศูนย์รวมของความคิดเห็น การพัฒนา การดำรงไว้ ซึ่งอุตสาหกรรมภาพยนตร์ และเพื่อร่วมกันสร้างสรรค์จรรโลงภาพยนตร์ให้มีการเติบโตมั่นคงสืบไป
ฉะนั้น จะทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ธุระไม่ใช่ไม่ได้ และว่ากันตามถูก-ตามควรแล้ว น่าจะได้แสดงท่าทีต่อประเด็น-ปัญหานี้เสียก่อนที่สมาคมผู้กำกับฯ จะมีจดหมายเปิดผนึกเสียด้วยซ้ำ
ว่าแต่..รู้ไหม “ประธานสมาพันธ์สมาคมฯ” ชื่อไร..หือ?.
สันต์ สะตอแมน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ขึ้นอยู่กับ“กรรม”แต่ละคน!
84 วันฝันร้าย! สุดท้าย คดีดิไอคอนกรุ๊ป อัยการฝ่ายคดีพิเศษมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง “บอสแซม” คุณยุรนันทร์ ภมรมนตรี กับ “บอสมิน” คุณพีชญา วัฒนามนตรี ทุกข้อหา..
อหังการ-ขี้โม้เป็นนิสัย
เกิดอะไรขึ้น? เพื่อนคนหนึ่งถามผมหลังเห็นข้อความที่ “เสก โลโซ” โพสต์.. “ประกาศจากพี่เสก โลโซ เรื่องลิขสิทธิ์เพลงที่นักดนตรีประจำสามารถนำเพลงไปร้องได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์
เก็บเชือกไว้ใช้เองเถอะ
“เส้นกูใหญ่.. ใครก็ทำกูไม่ได้ ใครก็เอากูไม่ลง เพราะกูใหญ่ ใหญ่ยิ่งกว่านายพล ใหญ่กว่านายกรัฐมนตรี ใหญ่กว่า... ใหญ่กว่าทั้งหมด กูแบ็กดี
คิดถึงนักรบลุง
กองเชียร์ กองหนุน กองรักลุงตู่.. มีใครพอจะทราบไหมว่า ตั้งแต่ปีเก่าจนลุเข้าปี 2568 บุคคล 2 ท่าน คุณแรมโบ้ คุณอ้น ทิพานัน ที่เคยร่วมรบเคียงบ่า-เคียงไหล่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หายหน้า-หายตาไปไหน?
เรื่องเล่าที่ชวนขนลุก
เห็นตัวเลขแล้วตาลาย.. งั้นสรุปเอาจากข่าวโปรย “ผู้จัดการออนไลน์” ก็แล้วกัน.. “ป.ป.ช.เปิดทรัพย์สิน ‘นายกฯ แพทองธาร’ พร้อมสามี มั่งคั่งแตะ 1.4 หมื่นล้าน หนี้ 4 พันกว่าล้าน มีกระเป๋า 217 ใบ รถ 23 คัน
นักการเมืองไม่ใช่อาชญากร?
ก่อนจะสิ้นปี.. นายทักษิณ ชินวัตร นักโทษคดีทุจริต บิดานายกรัฐมนตรีแพทองธาร ผู้นอบน้อมถ่อมตน (ยามอยู่ไกลบ้าน)..จะกลับมาเลี้ยงหลาน เลิกข้องแวะยุ่งเกี่ยวกับการเมือง..