เมื่อจีนตั้งเป้าโตปีนี้ 5 โลกจะปรับตัวขึ้นลงอย่างไร?

ติดตาม “2 ประชุมใหญ่” ของจีนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา จะได้เห็นภาพชัดเจนว่าปักกิ่งตั้งเป้าของเรื่องเศรษฐกิจและความมั่นคงอย่างไร

2 ประชุมใหญ่ที่ว่าคือ สภาประชาชนแห่งชาติ (National People’s Congress หรือ NPC ซึ่งมีสถานะเป็นสภานิติบัญญัติแห่งชาติของจีน)

และการประชุมสภาที่ปรึกษาทางการเมืองประชาชน หรือ Chinese People’s Political Consultative Conference (CPPCC)

นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง “ทิ้งทวน” ด้วยการส่งมอบรายงานการทำงานของรัฐบาลให้สภาประชาชนยาว 31 หน้า             (25 หน้าเป็นเรื่องของผลงานที่ผ่านมา และ 6 หน้าว่าด้วยแผนในอนาคต ซึ่งคงจะให้นายกฯ คนใหม่มาแถลงต่อเมื่อได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการในสัปดาห์นี้)

ไฮไลต์สำคัญจากรายงานของหลี่ เค่อเฉียง คือ

เป้าหมายหลักในปี 2566

- จีนตั้งเป้าการเติบโตของ GDP ในปี 2566 ที่ประมาณร้อยละ 5

- จีนตั้งเป้าอัตราเงินเฟ้อ หรือดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้นที่ประมาณร้อยละ 3 ในปี 2566

- อัตราส่วนการขาดดุลต่อจีดีพีของจีนคาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 3 ในปี 2566

- จีนตั้งเป้าสร้างงานในเมืองราว 12 ล้านตำแหน่ง ในปี 2566 และตั้งเป้าอัตราการว่างงานในเมืองที่สำรวจไว้ที่ราว 5.5 เปอร์เซ็นต์

- จีนตั้งเป้าที่จะรักษาปริมาณผลผลิตธัญพืชให้ได้มากกว่า 650 ล้านตัน ในปี 2566

การที่จีนตั้งเป้าหมายการเติบโตของ GDP ไว้ที่ประมาณ 5% ในปี 2566 สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของประเทศในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจทั่วประเทศ หลังจากที่อ้างว่าได้รับ “ชัยชนะอย่างเด็ดขาด” ต่อการแพร่ระบาดของโรค Covid-19

เมื่อตั้งเป้าไว้ที่ 5% ก็หมายความว่าจีนจะกลายเป็นหนึ่งในเศรษฐกิจที่สำคัญที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกอีกครั้ง

เพราะมีการคาดการณ์กันว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงอย่างรวดเร็วในปีนี้

และเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น สหรัฐฯ และยูโรโซนกำลังเผชิญกับความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ปีที่ผ่านมา GDP ของจีนโตเพียง 3% อันเกิดจากผลกระทบที่รุนแรงจากการแพร่ระบาดของโรคและการหยุดชะงักที่สำคัญในห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก

เป้าที่จีนตั้งสำหรับปีนี้ค่อนข้างจะไปในทิศทางที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ของสถาบันระหว่างประเทศหลายแห่ง

นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่ารัฐบาลจีนจะกำหนดเป้าหมายการเติบโตของ GDP ในปีนี้ที่ประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF เพิ่งออกคาดการณ์ว่าจะมีการเติบโตของ GDP 5.2% สำหรับจีนในปีนี้ และ 2.9% สำหรับการเติบโตทั่วโลก

นักเศรษฐศาสตร์มองว่าการตั้งเป้าเติบโตที่ 5% ของจีนปีนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของจีนในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นไปที่การดำเนิน “การพัฒนาคุณภาพสูงและการพัฒนาที่ยั่งยืน” ของปักกิ่งด้วย

สื่อทางการจีน Global Times อ้าง Cao Heping นักเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งว่า

 “ถ้าสงครามยูเครนไม่ขยายตัวหนักเกินไป GDP ของจีนอาจโตมากกว่าร้อยละ 6 ในปีนี้ด้วยซ้ำไป...”

เขาเห็นว่าทางการจีนกำหนดเป้าหมายการเติบโตของ GDP ต่ำกว่าระดับนั้นเล็กน้อย เพราะให้ความสำคัญต่อการพัฒนาที่มีคุณภาพสูงและการแสวงหารูปแบบการเติบโตที่ยั่งยืน”

นักเศรษฐศาสตร์คนนี้มองว่า เขาเชื่อว่าทางการจีนได้นำปัจจัยที่อาจจะเกิดขึ้นได้เหนือความคาดคิดมาพิจารณาด้วย

ปัจจัยที่ใหญ่ที่สุดของความไม่แน่นอนคือ การเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมภายนอก

เช่น เศรษฐกิจของประเทศที่พัฒนาบางแห่งอาจจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย

หากเป็นเช่นนั้นก็จะมีผลกระทบต่อการส่งออกของจีนได้

การตั้งเป้าเติบโตที่ 5% นั้นค่อนข้างจะสอดคล้องกับความคาดหวังการเติบโตที่สูงขึ้นจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องภายในประเทศของจีนเอง

ในระดับท้องถิ่น เกือบทุกจังหวัดของจีนตั้งเป้าหมายการเติบโตที่สูงกว่า 5.5%

 “แนวทางที่เห็นขณะนี้คือ จากรัฐบาลกลางสู่รัฐบาลท้องถิ่น เจ้าหน้าที่จีนมีแรงจูงใจที่แข็งแกร่งในการรักษา GDP ในปีนี้ด้วยอัตราเร่งที่ค่อนข้างจะคึกคัก แม้ว่าจะตระหนักว่าอาจต้องเผชิญกับลมแห่งความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นได้” Tian Yun ผู้สังเกตการณ์ทางเศรษฐกิจอิสระและอดีตนักเศรษฐศาสตร์ หน่วยงานวางแผนเศรษฐกิจของรัฐบอกกับสื่อทางการจีน

เพียงแค่ 2 เดือนแรกของปีนี้ เศรษฐกิจของจีนก็มีอัตราโตที่น่าพอใจ...ไม่ว่าจะเป็นด้านการท่องเที่ยวหรือความบันเทิงไปจนถึงการผลิต

เป็นทางเดียวกับการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจจีนเองหลังโควิด

สำนักจัดลำดับความน่าเชื่อถือ Moody's เพิ่งเพิ่มการคาดการณ์สำหรับการเติบโตของ GDP ที่แท้จริงของจีนเป็น 5 เปอร์เซ็นต์ สำหรับทั้งปีนี้และปีหน้า

เพิ่มขึ้นจากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ตั้งไว้ 4 %

สาเหตุสำคัญประการหนึ่งคือ การตัดสินใจของรัฐบาลจีนในการเพิ่มประสิทธิภาพการตอบสนองต่อโควิด

ซึ่งจะช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างชัดเจน

Goldman Sachs Group ยังปรับการคาดการณ์การเติบโตของ GDP ของจีนในปีนี้สูงขึ้นกว่าเดิม หลังได้รับสัญญาณการฟื้นตัวของจีน

นักเศรษฐศาสตร์ยังเน้นว่า จีนจะกลายเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกในปีนี้ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกจมอยู่กับความเสี่ยงที่ชะลอตัวลง

Moody’s คาดว่าการเติบโตของโลกจะยังคงชะลอตัวในปี นี้ เพราะแรงกดดันจากนโยบายการเงินที่เพิ่มขึ้นอย่างเข้มงวดที่โยงกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการจ้างงานในเศรษฐกิจที่สำคัญส่วนใหญ่ของโลก

โดยคาดการณ์ว่ากลุ่มการเติบโตทางเศรษฐกิจ 20 (G-20) จะลดลงเป็น 2% ในปีนี้ จาก 2.7 เปอร์เซ็นต์ในปีที่ผ่านมา

ฝู หลิงฮุ่ย โฆษกสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนระบุเมื่อปีที่แล้วว่า อัตราการเติบโตของศักยภาพของจีนจะหดตัวเรื่อยๆ ในอนาคต เพราะฐานรวมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น

แต่ช่วงการเติบโต 5.5-6.5% ยังคงอยู่ในระดับปานกลางถึงสูงที่ยังบรรลุเป้าหมายได้ไม่ยากเย็นนัก

สะท้อนว่าเศรษฐกิจของจีนยังคงมีศักยภาพในการเติบโตค่อนข้างแข็งแกร่ง

ต้องติดตามต่อครับว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่คือ “หลี่ เฉียง” จะนำเสนอแผนงานสำหรับปีนี้และอีก 4 ปีข้างหน้าอย่างไร

ภายใต้การนำของสี จิ้นผิง ที่ก้าวเข้าสู่วาระที่ 3 ด้วยอำนาจและบารมีล้นเหลือ

แต่ลมแห่งความผันผวนระดับโลกจะมากระทบเป้าหมายของจีนมากน้อยแค่ไหน ยังเป็นคำถามใหญ่ที่ต้องช่วยกันหาคำตอบให้ได้

เพราะเศรษฐกิจจีนเป็นอย่างไรก็มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยและทั้งโลกอย่างปฏิเสธไม่ได้จริงๆ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568

นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน

บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'

เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม

ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน

นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ

เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ

เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ