ลุ้น 3 เก้าอี้ดนตรี

เป็นอีกหนึ่งการตอบแทนการทำงานรับราชการตำรวจมาตลอดชีวิต สำหรับการแต่งตั้งวาระเดือนเมษายน เพื่อดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษา ตร. ยศ พล.ต.อ., ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ตร. ยศ พล.ต.ท. และ ผู้ทรงคุณวุฒิ ตร. ยศ  พล.ต.ต. ที่ปีนี้วงประชุม ก.ตร.เห็นชอบตาม ผบ.เด่น-พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.เสนอแต่งตั้งทั้งสิ้น 51 ตำแหน่ง แบ่งเป็น ที่ปรึกษา ตร. ยศ พล.ต.อ. 1  ราย คือ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ตร. ยศ พล.ต.ท. 20 ราย อาทิ พล.ต.ต.สรไกร พูลเพิ่ม รอง ผบช.สยศ.ตร. พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.พันธุ์พงษ์ สุขศิริมัช รอง  ผบช.ตชด. พล.ต.ต.วิบูลย์ สีสุข รอง ผบช.สกพ. พล.ต.ต.ดุษฎี ชูสังกิจ รอง ผบช.ภ.9  พล.ต.ต.นพดล ศรสำราญ  รอง ผบช.ปส. เป็นต้น

ส่วน ผู้ทรงคุณวุฒิ ตร. ยศ  พล.ต.ต. 30 ราย อาทิ พ.ต.อ.ศักดิ์ดา เหมือนโพธิ์ รอง  ผบก.ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.อ.สุรภัค รอดโพธิ์ทอง รอง ผบก.สพ. พ.ต.อ.สัมฤทธิ์ เกตุแย้ม รอง ผบก.น.5 พ.ต.อ.พัฒน์ปกรณ์ ชั้นประเสริฐ รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร พ.ต.อ.พรชัย งามทิพย์วัฒนา รอง ผบก.ยธ. พ.ต.อ.เอนก ศรีคำอ้าย รอง ผบก.สส.จชต. พ.ต.อ.ศักดา สังขนิตย์ รอง ผบก.ภ.จว.ตาก พ.ต.อ.ไชยา สงวนจีน รอง ผบก.อก.ภ.7 พ.ต.อ.หญิง บุญเอื้อ พิมลศิริ รอง ผบก.วพศ.รพ.ตร. พ.ต.อ.กันตพิชญ์ กฤตวงศ์วิมาน รอง ผบก.สสน. พ.ต.อ.มาโนชญ์ จิตรภักดี รอง ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี เป็นต้น

วงประชุม ก.ตร.นอกจากแต่งตั้ง นายพล ตำแหน่ง ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษต่างๆ แล้ว บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะประธาน ก.ตร.ยังไฟเขียวแต่งตั้ง ผู้บัญชาการประจำ สง.ผบ.ตร. แทนตำแหน่ง 1 แถว คือ บิ๊กกอล์ฟ-พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม.และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขึ้นเป็น ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. ติดยศ  พล.ต.ท., โยก พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา รอง จตร.(สบ7)  มาเป็น รอง ผบช.สตม. ขยับ พล.ต.ต.หญิง ฉันทิชา  กนิษฐานนท์ ผบก.กองยุทธศาสตร์ สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ เลื่อนเป็น รอง จตร.(สบ7) และ พ.ต.อ.ธนู พวงมณี รอง ผบก.ส.3 เลื่อนเป็น ผบก.กองยุทธศาสตร์ สำนักงานยุทธศาสตร์ แต่ที่น่าลุ้น น่าจับตา ในการแต่งตั้งตำแหน่งที่ว่างและสับเปลี่ยนหมุนเวียนเพื่อความเหมาะสมมีทั้งหมด 7 ราย ชื่อปรากฏมาแค่ 4 ราย เหลืออีก 3 ราย ที่มีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนเพื่อความเหมาะสม จะใช่ 3  เก้าอี้ ระดับ ผบช. ที่เคยมีข่าวเก้าอี้ดนตรีก่อนหน้านี้หรือไม่...ต้องลุ้นๆ ๐

เข้าสู่เดือน มี.ค. แวดวง สีกากี มี 2 ประเด็นใหญ่น่าติดตาม เรื่องแรกการแต่งตั้งตำรวจระดับ รอง สว.-ผบ.หมู่  วาระประจำปี 2565 แม้ ก.ตร.จะขยายเวลาการแต่งตั้งออกไปถึงวันที่ 31 มี.ค. แต่ บิ๊กกอล์ฟ-พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คาดว่าไม่เกิน 15  มี.ค.จะแล้วเสร็จ ส่วนเรื่องที่สองวันที่ 15 มี.ค.เป็นกำหนดวันเลือกตั้งผู้ทรงวุฒิ ก.ตร.ประเภท (ก.), (ข.) ประเภทละ  3 คน เริ่มเวลา 08.30-16.30 น. โดยการเลือกตั้งครั้งนี้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นผู้จัดการเลือกตั้ง  ในต่างจังหวัดอาจเป็นสำนักงาน กกต.จังหวัด หรือสถานที่ที่ กกต.กำหนด ส่วน กทม.น่าจะใช้สโมสรตำรวจ โดยผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ตั้งแต่รอง ผกก. หรือเทียบเท่าขึ้นไปมีจำนวนกว่า 13,000 คน กำหนดให้บัตร 1 ใบเลือกได้ 6 คน ส่วนผู้สมัครผู้ทรงวุฒิประเภท ก. มีผู้สมัคร 23 คน ต้องเลือกให้เหลือ 3 คน โดยรายชื่อทั้งหมดเคยลงไปก่อนหน้านี้แล้ว  ส่วนผู้ทรงคุณวุฒิประเภท ข. ผู้ได้รับการเสนอชื่อ 6 คน  เลือกได้ 3 คน มี 1.นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย 2.นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ อดีตรองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม 3.รศ.ประทิต สันติประภพ  อดีตรองอธิการบดีฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ 4.นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต  อดีตอธิบดีคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม 5.ศ.ศุภชัย ยาวะประภาษ นายกสภาการศึกษาโรงเรียนนายร้อยตำรวจ  และ 6.นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ๐

ในส่วนการไล่ออก ปลดออก ตำรวจ ที่ถูกดำเนินการทางวินัยในการประชุม ก.ตร.รอบนี้คณะอนุฯ ก.ตร.วินัย  อุทธรณ์ ร้องทุกข์ และบริหารทรัพยากรบุคคล ได้แจ้งสรุปยอดตำรวจที่กระทำผิดวินัยร้ายแรงประจำปี 2566 ต่อที่ประชุม ก.ตร. ที่มี บิ๊กตู่ เป็นประธาน มีการไล่ออกจากราชการในเดือน ม.ค.จำนวน 9 ราย เดือน ก.พ.จำนวน  13 ราย รวม 22 ราย มีการปลดออกจากราชการ เดือน  ม.ค.จำนวน 3 ราย เดือน ก.พ. 1 ราย รวม 4 ราย รวมทั้งสิ้น 2 เดือน 26 ราย ๐     

คณะรัฐมนตรีสัปดาห์ที่ผ่านมาอนุมัติเปลี่ยนแปลงลดวงเงินงบฯ งานโยธาโครงการถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ในเรื่องค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินจำนวน  1,322.43 ล้านบาท เพื่อไปเพิ่มเป็นรายการค่าก่อสร้างทดแทนหน่วยงานกองทัพบกที่ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้เมื่อต้องย้ายหน่วยไปอยู่พื้นที่ใหม่ที่ ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จะต้องย้ายกำลังพลและครอบครัวไปอยู่พื้นที่แห่งใหม่ทั้งหมด ซึ่งหากย้อนไปดูข้อมูลจะพบว่ากองทัพบกเคยมีแนวคิดที่จะย้ายหน่วยทหารบางส่วนออกไปอยู่แล้วตั้งแต่ช่วงที่ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท เป็นผู้บัญชาการทหารบก ๐

ขณะนั้นได้ให้ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ อดีตเสนาธิการทหารบก เป็นประธานดูในภาพรวมทั้งเรื่องปฏิรูปกองทัพ การปรับลดกำลังพล และการจัดระเบียบที่ตั้งหน่วยทหารให้สอดคล้องกับภารกิจที่ได้รับในกลุ่มเดียวกัน โดยจะมีการย้ายหน่วยบางหน่วยไปภายนอกเพื่อลดความคับคั่งในพื้นที่ ซึ่งการทำงานที่ผ่านมามีหน่วยที่มีรถยานเกราะ รถถังประจำการอยู่ เมื่อจะฝึกก็ต้องขนย้ายออกไปข้างนอกในพื้นที่ต่างจังหวัด เช่น สระบุรี ฯลฯ ซึ่งอาจทำให้คนแตกตื่นในช่วงสถานการณ์การเมืองไม่ค่อยปกติ  แต่เมื่อประจวบเหมาะกับโครงการรถไฟฟ้าที่อนุมัติพอดี  หน่วยที่ถูกกระทบจึงมีทั้งที่อยู่ในแผนเดิมและหน่วยที่เพิ่มเติมเข้ามา ได้แก่ กรมสรรพาวุธทหารบก, กองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน, กรมทหารม้าที่ 1  รักษาพระองค์ และ กองพันทหารม้าที่ 4 กองพลที่ 1  รักษาพระองค์ เป็นหน่วยทหารประวัติศาสตร์ที่เคยทำปฏิวัติและหน่วยที่ต้านปฏิวัติด้วย งานนี้จึงวิน-วิน เปิดแผนเดินหน้าย้ายหน่วยได้โดยพลัน ๐

โยกย้ายทหาร กลางปียังไม่มีอะไรในกอไผ่ แต่ที่ภาคใต้เมาธ์กันให้สนั่นเมือง หลังคณะรัฐมนตรีมีมติย้าย พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต.เข้ากรุ ก่อนที่จะครบวาระแค่ 2 เดือน เหตุผลเบื้องหน้าที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ให้สัมภาษณ์สื่อ คือมีเรื่องร้องเรียนเข้ามาหลายเรื่อง และใกล้ครบวาระ แต่เบื้องลึกเบื้องหลังที่คนในพื้นที่ยังลือกันให้แซ่ด คือปมของจังหวะเวลาที่กำลังเข้าสู่สนามการเลือกตั้งเต็มรูปแบบ เพราะต้องยอมรับว่า ศอ.บต.บริหารงานครอบคลุม ทั้งเงิน โครงการ  มวลชนในงานด้านการพัฒนา เอียงไปทางพรรคไหนก็ได้เปรียบแน่นอน จึงมีการโฟกัสไปว่ากว่าจะมีการตั้งเลขาฯ  ใหม่คงยืดเวลาไปเกือบสิ้นเดือน เม.ย. ดังนั้นตำแหน่งของรักษาการก็จะมาคุมแทน ทำให้ชื่อของ ชนธัญ แสงพุ่ม  หรือ ดร.เจ๋ง รองเลขาฯ ศอ.บต. ถูกจับตามองว่ามีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับใคร การปล่อยให้เก้าอี้เลขาฯ ศอ.บต.ว่างไว้ก่อนจึงเป็นกลยุทธ์ทางการเมืองในช่วงนี้ แต่ก็เชื่อว่าในที่สุดรัฐบาลต้องวางคนที่เป็นตำรวจหรือทหาร กลับมาคุมหน่วยงานระดับอำนวยการนี้อีกครั้ง มีการพูดถึงชื่อ  พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 เพื่อนเตรียมทหารรุ่น 25 ของ พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 คนปัจจุบัน หรืออาจจะเป็นนายตำรวจที่ส่งตรงจาก กทม.ตามสูตรสำเร็จของจากส่วนกลางที่วางไว้

ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของ พ.ต.ลิขิต  วิทยประภารัตน์ หัวหน้าชุดอีโอดี สังกัดพัน สพ.กระสุน  21 บชร.1 และครอบครัวของ จ.ส.อ.อิสระ เลิกนอก  พลขับ สังกัดพัน สบร.21 บชร.1 ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ลอบวางระเบิดรถยนต์ในคณะ พล.ต.ไพศาล  หนูสังข์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 เหตุเกิดบริเวณถนนบ้านไอร์กาแซ ม.6 ต.ศรีสาคร ซึ่งห่างจากฐานทหารประมาณ  800 เมตร นับเป็นเหตุระเบิดครั้งใหญ่หลังจาก พล.อ.ตันศรี ซุลกิฟลี ผู้อำนวยความสะดวกการพูดคุยสันติสุขของรัฐบาลมาเลเซีย เพิ่งเสร็จสิ้นการเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย เหมือนเป็นรื้อถอนทำลายคำสัญญาการหยุดยิงที่พูดคุยกันบนโต๊ะเจรจาโดยใช้เจ้าหน้าที่รัฐสังเวย ทำให้คิดถึงบางประโยคของคณะที่ชี้ไปว่า  บีอาร์เอ็นเป็นแค่ส่วนหนึ่งที่ร่วมเจรจา ไม่ได้มีอิทธิพลในการชี้ขาดสถานการณ์ในพื้นที่ ตอกย้ำการลดระดับความสำคัญขบวนการนี้ลงไปให้มากที่สุด จากนี้คงต้องติดตามดูต่อไปว่าสถานการณ์ไฟใต้จะเป็นอย่างไร เพราะนี่อาจเป็นแค่สัญญาณเตือนแรกเพื่อรุกคืบต่อไปในอนาคต.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นักการเมืองไม่ทำชั่ว...ไม่ต้องกลัวรัฐประหาร

นายกรัฐมนตรี 2 คนที่มาจากตระกูลชินวัตรต้องถูกยึดอำนาจจากการทำรัฐประหารในปี 2549 และ 2557 ทำให้นายใหญ่ของพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นหมายเลข 1 ของตระกูลชินวัตรมีความประหวั่นพรั่นพรึงการทำรัฐประหารของทหารเป็นอย่าง

'หิริ-โอตตัปปะ'คือวาระแห่งชาติ!!!

คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้เลยว่า...ไอ้สิ่งที่เรียกว่า ความอาย หรือจะเรียกภาษาพระ ภาษาบาลี ประมาณว่า หิริ-โอตตัปปะ ก็คงพอได้ นับวันมันชักเป็นอะไรที่ ขาดแคลน

'เห็นลิ้นไก่' แก้ กม.กลาโหม

ป่วนกันทั้ง "กรมปทุมวัน" หลังคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ หรือ ก.พ.ค.ตร. มีคำวินิจฉัยกรณีตำรวจยศ พ.ต.อ. ตำแหน่งนักบิน (สบ 5) รายหนึ่ง

ลัคนาธนูกับเค้าโครงชีวิตปี 2568

ยังอยู่ในช่วงเจ็ดปีของการเปลี่ยนแปลงใหญ่สุขภาพอนามัย-หนี้สิน-ลูกน้องบริวาร และเกือบตลอดปีผู้หลักผู้ใหญ่อวยสถานะ-ยศ-เงินทองให้ แต่มีช่วงซ้อมรับทุกข์และการได้ความผิดที่ไม่ได้ก่อ

'บิ๊กอ้อ' ลุยปราจีนฯ คุมสางคดีฆ่า 'สจ.โต้ง' มั่นใจหลักฐานพอ ไม่พึ่งวงจรปิด

'บิ๊กอ้อ' บินสางปมยิง 'สจ.โต้ง ปราจีน' เชื่อชนวนเหตุสังหารจากการเมืองท้องถิ่น มั่นใจหลักฐานเพียงพอ แม้วงจรปิดที่เกิดเหตุเสีย