'การเมืองไทย'กับ'การเมืองโลก'

ไม่รู้ว่าไปถึงไหน-ต่อถึงไหนกันมั่งแล้ว!!!...สำหรับ การเมืองไทย ที่ใกล้ๆ จะยุบสภา ใกล้เปิดหีบเลือกตั้งกันใหม่ในอีกไม่นาน-ไม่ช้า เห็นเพื่อนเก่า-เพื่อนแก่ อย่างคุณพี่ วิทยา แก้วภราดัย อดีตรัฐมนตรีสาธารณสุข ที่เคยทำ สวนส้มโอ อย่างสนุกสนาน เพลิดเพลิน เจริญใจ หันไปแสดงความคึกๆ คักๆ ในฐานะหัวหอกการรณรงค์เลือกตั้งภาคอีสาน ของพรรค รวมไทยสร้างชาติ อย่างชนิดเคร่งเครียด ซีเรียส เป็นอันมาก เลยไม่รู้ว่าควรจะดีใจ หรือสะทกสะท้อนใจ หรือไม่? ประการใด?ส่วนคุณพี่ องอาจ คล้ามไพบูลย์ แห่งพรรคประชาธิกัด...ที่เคยแวะมาเยี่ยมเยียน ถามไถ่ สารทุกข์-สุขดิบ คอยแสดงความเป็นห่วง-เป็นใย ต่อสุขภาพร่างกายของ อันตัวข้าพเจ้าเอง อย่างสม่ำเสมอมิได้ขาด 

มาถึงช่วงระหว่างนี้คงต้องหันไปมุ่งมั่น ทุ่มเท ความสนอก-สนใจ ต่อชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ โดยเฉพาะเมื่อพรรคประชาธิกัด ถูกใครต่อใคร ด้อยค่า ลงไปเป็นอันมาก อันเนื่องมาจากการนำพาพรรคการเมืองพรรคนี้ ภายใต้คุณพี่ อู๊ดด้า ณ นวลผ่องเสนาณรงค์ หรือเพราะด้วยเหตุผล กลใด ก็ตามที แต่สำหรับตัวคุณพี่ องอาจ โดยล้วนๆ แล้ว ต้องถือเป็นนักการเมืองที่แทบไม่ต้องเสียเวลาตั้งคำถาม ไม่ว่าในแง่จุดยืน ทัศนะ วิธีการ ตลอดไปจนความสม่ำเสมอ ความมีน้ำอด-น้ำทน ในการ รับใช้มวลชน อย่างไม่คิดจะปริปาก...

ด้วยเหตุนี้...เอาเป็นว่า ไม่ว่า การเมืองไทย มันจะขึ้นช้าง-ลงม้า ไปในแบบไหนต่อแบบไหน ใครแพ้-ใครชนะ ใครแลนด์สไลด์-ไม่แลนด์สไลด์ คงต้องขอ อนุโมทนา ไปด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าต่อผู้ชนะหรือผู้แพ้ก็ตามที ด้วยเหตุเพราะโดยส่วนใหญ่ต่างล้วนแล้วแต่เป็น เพื่อน-พ้อง-น้อง-พี่ ไม่ก็ถือเป็น เพื่อนร่วมวัฏสงสาร ไปด้วยกันทั้งสิ้น แต่สำหรับ การเมืองโลก นี่สิ!!! ไม่ว่าบ้านเราใครจะผงาดขึ้นมาเป็นรัฐบาล เป็นนายกรัฐมนตรี จะเป็น บิ๊กตู่ บิ๊กป้อม เป็นคุณหลาน อุ๊งอิ๊ง คุณหลาน พิธา หรือคุณพี่ เสี่ยหนู ฯลฯ ก็แล้วแต่จะว่ากันไป แต่โอกาสที่อาจต้องเจอกับฉากสถานการณ์โลกในระดับ นิวเคลียร์-ไม่นิวเคลียร์ ไม่ใช่แค่ สงครามโลก-ไม่สงครามโลก แต่เพียงเท่านั้น ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเลย...

คือมันชักจะไปไกล ไปแบบกู่ไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จนนายกรัฐมนตรีประเทศไทยรายใหม่ อาจไม่ต้องเสียเวลามายุ่งกับเรื่อง น้ำท่วม-น้ำแล้ง ที่วนเวียน สลับไป-สลับมา นับเป็นทศวรรษๆ อีกต่อไปแล้ว เพราะอาจต้องหันไปมั่วอยู่กับเรื่อง ฝุ่นนิวเคลียร์ ที่ว่ากันว่า...สามารถส่งผลกระทบให้พลโลกทั่วทั้งโลก ไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านคน มีสิทธิต้องเด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึง อย่างทั่วถึงกันโดยถ้วนหน้า เผลอๆ... สวนส้มโอ ที่เคยสร้างความเพลิดเพลิน เจริญใจ ให้กับคุณพี่ วิทยา แก้วภราดัย ยิ่งกว่าเรื่อง การเมือง เป็นไหนๆ มีสิทธิฉิบหาย วายวอด ตามไปด้วย ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย หรือทั้งๆ ที่ การเมืองไทย กับ การเมืองโลก มันเป็นคนละเรื่อง คนละม้วน ก็ตามที...

เพราะอย่างที่ว่าเอาไว้แล้วนั่นแหละว่า...ตราบใดที่ประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ไม่ได้มีที่ตั้งอยู่บนอวกาศ หรือในสุญญากาศ ยังต้องมี ปฏิสัมพันธ์ กับใครต่อใครที่อยู่ร่วมกันภายใต้แผนที่โลกใบนี้ ยังไงๆ...ย่อมต้องเจอกับ ผลกระทบ มากบ้าง-น้อยบ้างไปตามสภาพ และถ้าว่าไปแล้ว...ความผันผวน ปรวนแปร ของ การเมืองโลก นี่เอง ที่มันเคยก่อให้เกิดผลกระทบต่อ การเมืองไทย ชนิดสาหัส-สากรรจ์ มิใช่น้อย หรือถึงขั้นถือเป็นองค์ประกอบส่วนหลัก ส่วนสำคัญ อันนำไปสู่ การเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง จากระบอบ สมบูรณาญาสิทธิราชย์ กลายมาเป็น ระบอบประชาธิปไตย แบบมึงมั่ง-กูมั่ง จนตราบเท่าทุกวันนี้...

ด้วยเหตุนี้...ไม่ว่าใครจะแลนด์สไลด์-ไม่แลนด์สไลด์ นายกรัฐมนตรีจะเป็นไผ-ไม่เป็นไผ มันคงไม่ถึงกับก่อให้เกิดความกระดี๊กระด๊า มากมายซักเท่าไหร่ เพราะด้วยผลกระทบจาก การเมืองโลก ภายในอนาคตอันใกล้ มันออกจะหนักหนา-สาหัสเอาเรื่องอยู่พอสมควรทีเดียว โดยมันจะนำมาซึ่ง ความเปลี่ยนแปลง ในแบบไหน-ต่อแบบไหน ก็ยังยากที่จะสรุปได้โดยชัดเจนยังเป็นอะไรที่พร่าๆ-มัวๆ ไม่อาจฟันธงและฟันเฟิร์ม ได้แบบม้วนเดียวจบ โดยเฉพาะท่ามกลาง เงื่อนไข และ เหตุปัจจัย ภายใน อย่างประเภท ระบบราชการ เป็นต้น ฯลฯ ที่ทำให้แทบทั้งประเทศยังคงมีสภาพไม่ต่างไปจากพื้นที่ที่เต็มไปด้วย กองฟืนแห้งๆ ถูกวางกองสุมเอาไว้ โอกาสที่จะเจอ ไม้ขีดไฟ เพียงไม่กี่ก้าน จุดระเบิด จุดชนวน จนเกิด ประกายไฟไหม้ลามทุ่ง ไปทั่วทั้งประเทศ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเลย...

ดังนั้น...ก็เอาเป็นว่า ไม่ว่าใครแพ้-ใครชนะ ใครแลนด์สไลด์-ไม่แลนด์สไลด์ ก็ขอ อนุโมทนา เอาไว้ก่อนล่วงหน้าก็แล้วกัน แต่หลังจากนั้น...ไม่ว่าฝ่ายมึง-ฝ่ายกู ฝ่ายมันและฝ่ายเรา คงหนีไม่พ้นต้องหันมาหาทางรับมือกับ ผลกระทบ ของการเมืองโลกในอนาคต เอาไว้ให้เหมาะๆ ให้สอดคล้องกับสภาพ ข้อเท็จจริง ที่กำลังจะปรากฏในอีกไม่ใกล้-ไม่ไกล ก่อนที่ ความเปลี่ยนแปลง ใดๆ อาจส่งผลให้ประเทศไทยไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี กุสลาธัมมา-อกุสลาธัมมา เอาง่ายๆ...

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“ความจริง”เครื่องมือชิ้นสุดท้ายในห้วง“กลียุค”

นอกจากคนอินตะระเดียยุคโบร่ำโบราณ...ท่านจะแบ่งห้วงเวลาของแต่ละยุค ออกเป็น 4 ช่วง 4 ระยะ เริ่มจาก กฤตยายุค หรือ สัตตยายุค ที่บรรดาความดี-ความงาม-ความจริง ต่างมีอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์ไปทั้ง 4 ส่วน

มติ 'ก.พ.ค.ตร.'

มีสัญญาณให้จับตา ต้นเดือนสิงหาที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วัน ปมปัญหาเรื่องสถานะ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ภายหลังจากคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)

อริยสัจ 4...หลักการดีที่ควรใช้

ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีผู้คนนับถือศาสนาพุทธมากกว่า 92% และในคำสอนของศาสนาพุธก็มีอริยสัจ 4 เป็นหลักที่ใช้ในการแก้ปัญหาที่ยุ่งเหยิงไปสู่ความสงบ

โชคดี...ที่ตายก่อน!!!

เห็นข่าวคราวว่าด้วย หลานสาว ชาวไทยรายหนึ่ง...ซึ่งน่าจะเป็นปุถุชนคนธรรมดา ไม่ได้โดดเด่น โด่งดัง ใดๆ มาก่อนเลย แต่เมื่อเธอโพสต์คลิปวิดีโอ โดยตัวเธอเองนั่ง