กระทรวงสาธารณสุขเรียกคนไทย 7-8 ล้านคน ที่ยังไม่ฉีดวัคซีนว่าเป็น “ฮาร์ดคอร์” (hard-core)
ผมสงสัยว่าได้ข้อสรุปนั้นมาจากไหน
เพราะคำว่า “ฮาร์ดคอร์” หมายถึงคนที่มีความคิดเห็นสุดขั้ว คัดค้านและต่อต้านอย่างชัดเจน
ผมไม่เชื่อว่าคนไทย 7-8 ล้านที่ยังไม่ได้วัคซีนแม้แต่เข็มแรกนั้นจะเป็นเช่นนั้น
ตรงกันข้าม คนส่วนใหญ่ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนนั้นน่าจะมีเหตุผลที่แตกต่างกันไปหลายๆ ทาง
เช่น เข้าไม่ถึงวัคซีนเพราะอยู่ไกลปืนเที่ยง
หรือเข้าไม่ถึงข้อมูลของทางการจึงไม่สามารถลงทะเบียนขอบริการ
หรืออยู่ในสถานะที่ป่วยติดเตียง ไร้ญาติ ขาดคนช่วยเหลือให้รับวัคซีนได้
ส่วนที่ปฏิเสธวัคซีนด้วยความเชื่อว่าเป็นอันตรายหรือกลัวผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์นั้นก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง
ผมไม่เชื่อว่าในกรณีของประเทศไทยมีขบวนการต่อต้านการฉีดวัคซีนถึงขั้นที่จะออกมาประท้วงกันเหมือนในประเทศยุโรปและสหรัฐฯ
เพราะความคิดเรื่องการเมือง, เสรีภาพส่วนบุคคลและความรับผิดชอบของรัฐต่อสวัสดิการของประชาชนของฝรั่งกับไทยนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
จึงเป็นหน้าที่ของทางการที่จะต้องเข้าให้ถึงคนเหล่านี้เพื่อให้ได้รับวัคซีนเข็มแรก
หลักปฏิบัติไม่ควรจะเป็นว่าคนไทยที่ต้องการวัคซีนต้องมาหาที่ฉีด
แต่ต้องเปลี่ยนเป็นว่าวัคซีนจะไปหาคนเหล่านี้
ทราบว่ากระทรวงสาธารณสุขรับทราบถึงปัญหานี้และกำลังหาทางแก้ปัญหานี้อยู่
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข บอกนักข่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ขณะนี้มีแนวโน้มผู้ติดเชื้อยืนยันคงที่ ขณะที่ผู้ป่วยอาการหนักลดลง ผู้เสียชีวิตยังอยู่ในหลักสิบราย โดยจังหวัดที่มีแนวโน้มต้องจับตามองเป็นพิเศษมี 13 จังหวัด แบ่งเป็น
1) ติดเชื้อเฉลี่ยเกิน 100 รายต่อวัน และผลตรวจ ATK มากกว่า 5% มี 5 จังหวัด ได้แก่ สงขลา ตรัง สุราษฎร์ธานี กระบี่ และนครศรีธรรมราช
2) ติดเชื้อรายวันเฉลี่ยเกิน 100 รายต่อวัน และผลตรวจ ATK พบน้อยกว่า 5% มี 3 จังหวัด ได้แก่ ขอนแก่น สระแก้ว และนครราชสีมา
3) ติดเชื้อเฉลี่ย 50-100 รายต่อวัน มี 5 จังหวัด ได้แก่ สระบุรี อุบลราชธานี อุดรธานี กาญจนบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ทั้งนี้ ปัจจัยการติดเชื้อในช่วงนี้ส่วนใหญ่มาจากในชุมชน ครอบครัว กิจกรรมเสี่ยง ได้แก่ งานศพ งานบุญ งานเลี้ยงสังสรรค์ และสถานที่เสี่ยง ได้แก่ ตลาด แคมป์คนงาน โรงงาน เรือนจำ โรงเรียน ซึ่งหลายจังหวัดพบเป็นคลัสเตอร์ในสถานที่มีแรงงานต่างด้าว
ดังนั้นจึงต้องเฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว และจับตาดูแนวโน้มผู้ติดเชื้อหลังงานลอยกระทง จนถึงเดือนธันวาคม เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศจำนวนมากขึ้น โดยเฉพาะจากยุโรปซึ่งพบการติดเชื้อสูงขึ้น
นพ.เกียรติภูมิกล่าวต่อว่า สำหรับการเตรียมการเปิดประเทศให้ทุกจังหวัดจัดทำแผนปฏิบัติการ เน้นกำกับติดตามมาตรการ VUCA หลัก คือ
V : Vaccine นำประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะในกลุ่ม 608 โดยจัดบริการทั้งในและนอกสถานพยาบาล ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ จัดลงทะเบียน แรงงานต่างด้าว ในชุมชน รวมถึงให้ อสม.ช่วยค้นหาเชิงรุก
U : Universal Prevention ป้องกันตัวเองตลอดเวลา
C : Covid-Free Setting สถานที่บริการมีความพร้อม ผู้ให้บริการฉีดวัคซีนครบ
A : ATK เฝ้าระวังและตรวจหาเชื้อในกลุ่มเสี่ยง รวมถึงเฝ้าระวังชุมชนหนาแน่น และมีแรงงานต่างด้าว
ปลัด สธ. ยังบอกว่า ได้สั่งให้ทุกพื้นที่ช่วยสำรวจรวบรวมประเด็นและเหตุผลที่คนไม่ยอมฉีดวัคซีนเพื่อนำมาปรับกลยุทธ์
โดยจะมีการอบรมทีมเชิงรุกในการให้ข้อมูลจูงใจให้เข้ารับวัคซีนให้เป็นไปตามเป้าหมาย 100 ล้านโดส ก่อนวันที่ 5 ธันวาคมนี้
วันก่อน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ไปเล่าในการบรรยายพิเศษว่าด้วยผลการให้บริการวัคซีนโควิด-19 ตามเป้าหมาย ในการประชุมเชิงปฏิบัติการจัดทำแผนเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดประเทศ และการระบาดของโควิด-19 ประจำปีงบประมาณ 2565 ภาคเหนือว่า
จากตัวเลขที่เป็นทางการ รายงานว่าได้ฉีดวัคซีนไปทั้งหมด 88.9 ล้านโดส
และกำลังใส่ข้อมูลเพิ่มเติมอีกล้านกว่าคน รวมฉีดวัคซีนแล้วกว่า 90 ล้านโดส ตามที่นายกรัฐมนตรีต้องการเร่งให้ฉีดวัคซีนครบ 100 ล้านโดส คาดว่าไม่เกินวันที่ 5 ธันวาคม
โดยเชื่อว่าการเปิดประเทศอย่างปลอดภัย ไม่ควรมีผู้เสียชีวิต หรือเจ็บป่วยรุนแรงจนเกินขีดความสามารถของกระทรวงสาธารณสุข
ทั้งนี้ ที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิตจากการฉีดวัคซีนไม่ถึง 5 คน ที่เกิดจากวัคซีนจริงๆ แต่เป็น 5 ในร้อยล้านโดส
ส่วนการเสียชีวิตอื่นๆ ไม่พบว่าเกี่ยวกับวัคซีน หากแต่เป็นสาเหตุที่เกิดร่วมกัน
และย้ำว่าอาการไม่พึงประสงค์จากการฉีดวัคซีนไม่เท่ากับผลข้างเคียงหรือแพ้วัคซีน
"สำหรับประชาชนที่ยังไม่ได้เข้ารับวัคซีน กระทรวงสาธารณสุขจะเร่งปูพรมลงไปค้นหา โดยให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ไปเคาะประตูบ้าน รวมถึงคนที่ฉีดวัคซีนไปนานแล้ว ก็ต้องเข้ามารับบูสเตอร์ ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศแรกๆ ที่ประกาศฉีดบูสเตอร์ ตอนนี้น่าจะฉีดแล้ว 3-4 ล้านคน
“เพราะการระบาดเกิดจากภูมิที่ลดลงด้วยส่วนหนึ่ง ทางรัฐบาลได้เตรียมวัคซีนไว้ 120 ล้านโดส เข็ม 3 มีพอแน่นอน และเผื่อไปเข็ม 4 นอกจากนี้ ยังมีวัคซีนโมเดอร์นาอีก 1 ล้านโดส จะเข้ามาที่สนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 14.00 น. และจะมีการจัดสรรวัคซีนต่อไป ขอยืนยันว่าเรามีวัคซีนอย่างเพียงพอ"
ผมเชื่อว่าหากมีการปรับแผนให้ “วัคซีนไปหาคน” แทนที่จะต้องให้ “คนมาหาวัคซีน” ก็จะไม่มีคำว่า “ฮาร์ดคอร์ต่อต้านวัคซีนโควิด” อย่างแน่นอน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ