"จีโนมิกส์”ความหวังประเทศไทย

อุตสาหกรรมการแพทย์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ที่ภาครัฐคาดหวังว่าจะเป็นฟันเฟืองสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย และมุ่งหวังที่จะผลักดันไทยก้าวเข้าสู่ศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ หรือ Medical Hub อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่ง ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ระบุว่า การยกระดับและสนับสนุนด้านการแพทย์จีโนมิกส์จะช่วยหนุนไทยสู่เป้าหมายการเป็น Medical Hub และช่วยสร้างรายได้ให้ประเทศเพิ่มขึ้นเกือบ 6 หมื่นล้านบาทต่อปี ด้วยเพราะเป็นเทรนด์การแพทย์ระดับโลกที่จะเข้ามาพลิกโฉมวงการการแพทย์ในอนาคต แนะภาครัฐเร่งสนับสนุนการลงทุน วิจัย และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการแพทย์จีโนมิกส์ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ช่วยต่อยอดให้การแพทย์ไทยมีเทคโนโลยีการแพทย์ขั้นสูงไว้พร้อมให้บริการ

พชรพจน์ นันทรามาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ระบุว่า ท่ามกลางสถานการณ์การแข่งขันด้านการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจรของหลายประเทศทั่วโลก ทำให้ไทยจำเป็นต้องมีการอัปเกรด วิวัฒนาการใหม่ ทันโลก ทันสมัย โดยต้องมุ่งไปด้านจีโนมิกส์ เนื่องจากการแพทย์จีโนมิกส์ก่อให้เกิดการแพทย์มูลค่าสูง และยังเป็นหมุดหมายสำคัญที่จะผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านการแพทย์และสุขภาพมูลค่าสูงตามแผน BCG โมเดลอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมการแพทย์มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย ปัจจุบันมีมูลค่าประมาณกว่า 2 แสนล้านบาท การยกระดับและสนับสนุนด้านการแพทย์จีโนมิกส์ของไทยจะเสริมศักยภาพและความพร้อมด้านการบริการทางการแพทย์ ซึ่งเป็นจุดเด่นสำคัญและมีความพร้อมมากที่สุดที่จะช่วยส่งเสริมและเร่งสปีดให้ไทยก้าวขึ้นเป็น Medical Hub ในระดับโลกและแถวหน้าของเอเชียได้ไม่ยากนัก อีกทั้งสามารถช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดการแพทย์จีโนมิกส์ทั่วโลกที่คาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 1.12 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตเฉลี่ย 17.9% ต่อปีในช่วง 10 ปีข้างหน้า

ด้าน สุจิตรา อันโน นักวิเคราะห์ กล่าวว่า การแพทย์จีโนมิกส์เป็นนวัตกรรมการให้บริการทางการแพทย์ที่มีการประยุกต์ใช้ข้อมูลด้านพันธุกรรมร่วมกับข้อมูลสุขภาพอื่นๆ รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมและวิถีชีวิต และนำมาใช้ทำนายโอกาสการเกิดโรค การวินิจฉัย การรักษาที่มีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถรักษาผู้ป่วยได้ตรงจุด แม่นยำและเหมาะสม เฉพาะเจาะจงสำหรับผู้ป่วยแต่ละรายมากขึ้น

การแพทย์จีโนมิกส์เป็นเมกะเทรนด์ที่จะเข้ามาพลิกโฉมวงการการแพทย์ โดยหนึ่งตัวอย่างที่ทำให้เห็นภาพความสามารถของจีโนมิกส์ได้ชัดเจน นั่นก็คือ การหาสายพันธุ์เชื้อโควิด-19 และการพัฒนาวัคซีน โดยนักวิทยาศาสตร์ได้นำข้อมูลจากการทำ DNA Sequencing หรือการหาลำดับดีเอ็นเอ ไปต่อยอดสู่การผลิตวัคซีนโควิด-19 ชนิด mRNA หรือแม้กระทั่งการตรวจคัดกรองโครโมโซมทารกในครรภ์ (NIPT) ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน และในอนาคตการแพทย์จีโนมิกส์จะมีบทบาทในการรักษาผู้ป่วยโรคซับซ้อนและโรคหายากมากขึ้น

ทั้งนี้ จากการที่รัฐบาลได้เร่งผลักดันการแพทย์จีโนมิกส์อย่างเป็นรูปธรรมตามแผนปฏิบัติการบูรณาการจีโนมิกส์ประเทศไทย (พ.ศ.2563-2567) ภายใต้ โครงการจีโนมิกส์ประเทศไทย ซึ่งมุ่งพัฒนาการวิจัยด้านการแพทย์จีโนมิกส์ใน 5 กลุ่มโรค ได้แก่ กลุ่มโรคมะเร็ง โรคหายาก โรคติดเชื้อ โรคไม่ติดต่อ และกลุ่มผู้ป่วยแพ้ยา ผนวกกับการลงทุนของภาคเอกชนรายใหญ่ที่เป็นผู้นำด้านการบริการสุขภาพ คาดว่าจะส่งผลให้มูลค่าตลาดการแพทย์จีโนมิกส์ของไทยขึ้นไปแตะระดับ 1.70 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือเกือบ 6.0 หมื่นล้านบาทในปี 2573 เติบโตเฉลี่ยปีละ 16.4% เพิ่มขึ้นจากปี 2564 เกือบ 4 เท่า

ปัจจุบัน รัฐบาลหลายประเทศได้เล็งเห็นความสำคัญของการถอดรหัสพันธุกรรมและการยกระดับการแพทย์สู่การแพทย์จีโนมิกส์ โดยได้สนับสนุนด้านเงินลงทุนในการจ้างวิจัยถอดรหัสพันธุกรรมและจัดตั้งหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบด้านการบริหารจัดการแผนงานโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวกับการถอดรหัสพันธุกรรมมนุษย์

ดังนั้น เพื่อให้ประเทศไทยสามารถยกระดับอุตสาหกรรมการแพทย์ให้ทัดเทียมนานาชาติ จึงต้องเร่งสนับสนุนการแพทย์จีโนมิกส์ในประเทศตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ซึ่งนอกจากจะทำให้ภาคการบริการทางการแพทย์ของไทยมีเทคโนโลยีการแพทย์ขั้นสูงไว้ให้บริการ โดยเฉพาะการรักษาพยาบาลในกลุ่มผู้ป่วยโรคมะเร็ง กลุ่มผู้ป่วยโรคหายาก กลุ่มผู้ป่วยโรคติดเชื้อ กลุ่มผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อ และกลุ่มผู้ป่วยแพ้ยา ยังเป็นอีกหนึ่งความหวังของประชาชนคนไทยที่จะสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลด้วยการแพทย์จีโนมิกส์ได้ง่ายขึ้น เพื่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพที่ดีขึ้น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แห่ส่งเสริมนวัตกรรมพลิกโลก

เทคโนโลยีอินเตอร์เน็ต ออฟ ติงส์ หรือ IoT(ไอโอที) เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีสำคัญในยุคสมัยนี้ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคนในยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก เพราะเป็นนวัตกรรมที่ทำให้การสื่อสารระหว่างมนุษย์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไร้รอยต่อยิ่งขึ้น

OCAแก้วิกฤตพลังงานไทย

ปัจจุบันปริมาณสำรองก๊าซของไทยลดลงอย่างต่อเนื่องจนเข้าขั้นวิกฤต ส่งผลให้ต้องนำเข้าก๊าซ LNG ในราคาที่ผันผวนเพิ่มมากขึ้น มีผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นของประชาชนและรายได้งบประมาณของรัฐลดลง

แอ่วเหนือ...คนละครึ่งบูมเศรษฐกิจ

จากสถานการณ์อุทกภัยในช่วงที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ ทั้งในแง่ของการคมนาคม เดินทางเข้าสู่พื้นที่และความเสียหายต่อแหล่งท่องเที่ยว

ซึมยาวถึงกลางปีหน้า

ข้อมูลจากสถาบันยานยนต์จะพบว่า ในปี 2566 ตลาดยานยนต์ในไทยมีมูลค่ารวมกว่า 3 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 18% ของ GDP ประเทศ และจากการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ของภาครัฐที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์อันดับ 10 ของโลก อันดับ 5 ของเอเชีย และอันดับ 1 ของอาเซียน

ความท้าทายเศรษฐกิจโลก2025

ดูเหมือนว่าในปีหน้า 2568 การค้าโลกและเศรษฐกิจไทยยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายและโอกาส โดย finbiz by ttb ฉายภาพเศรษฐกิจภาพใหญ่ และเจาะความเคลื่อนไหวของเศรษฐกิจจีนที่ส่งผลต่อการค้าโลกและการค้าของไทยไว้ได้อย่างน่าสนใจ

ศก.รัฐบาลมาดามแพจะรอดไหม?

ผลสำรวจความคิดเห็นของนิด้าโพล เมื่อ 2 วันก่อนนี้ มีการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในหัวข้อ “รัฐบาลนายกฯ อุ๊งอิ๊ง ไปไหวไหม” พบว่ามีคนเชื่อว่ารัฐนาวาของ มาดามแพ จะยืนหยัดจนครบเทอมเพียงแค่ 41% เท่านั้น โดยมองเรื่องจุดชี้เป็นชี้ตาย ปัญหาปากท้อง จะเป็นตัวชี้ขาดว่ารัฐบาลจะอยู่รอดหรือไม่รอด