ประเทศไทยกับการพัฒนาประชาธิปไตยมากที่สุดในโลก

    เห็นข่าวแว่บๆ...เมื่อไม่กี่สัปดาห์นี่เอง ว่าองค์กรด้านการสำรวจวิจัยระดับโลกที่เรียกย่อๆ ว่า EIU หรือ The Economist Intelligence Unit ผู้ทำหน้าที่ติดตามความเคลื่อนไหวด้าน ความเป็นประชาธิปไตย ของประเทศต่างๆ ทั่วทั้งโลก หรือจาก 167 ประเทศด้วยกัน เขาได้จัดอันดับให้ประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ถือเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าด้านการ พัฒนาประชาธิปไตย มากที่สุดในโลกในช่วงปีที่ผ่านมา อันก่อให้เกิดความรู้สึกแบบ พูดไม่ออก-บอกไม่ถูก ว่าจะดีใจ-เสียใจ-เศร้าใจ หรือจะอะไรต่อมิอะไรกันแน่!!!

    คือถ้าว่ากันแบบ ผิวๆ หรือว่ากันไปตามน้ำ...มันก็ออกจะน่าสุรบถ หลีกภัย หรือ น่าปลื้ม อยู่พอสมควรนั่นแหละ คล้ายๆ กับการจัดอันดับ บอลโลก อะไรประมาณนั้น ถ้าหากอันดับทีม ช้างศึก ของประเทศไทย สามารถเขยิบขึ้นแซงเวียดนาม แซงพี่เบิ้มในเอเชียขึ้นมาได้เมื่อไหร่ ก็มีแต่ต้อง เฮรับ กันแบบอุจจาระแตก-อุจจาระแตนอยู่แล้วแน่ๆ แต่สำหรับสิ่งที่เรียกว่า ความเป็นประชาธิปไตย ที่มันออกจะแตกต่าง ออกจะสลับซับซ้อนกว่าเรื่องฟุตบอลอยู่พอสมควร แม้ตัวเลขการจัดอันดับของ EIU เขาจะเขยิบอันดับประเทศไทย จากลำดับที่ 72 เมื่อปี พ.ศ.2021 ขึ้นมาถึงอันดับที่ 55 หรือขึ้นมาเกือบ 20 อันดับในช่วงปีที่แล้ว โดยพิจารณาจากองค์ประกอบต่างๆ เช่น 1.กระบวนการเลือกตั้ง 2.การดำเนินงานของรัฐบาล 3.การมีส่วนร่วมทางการเมืองของผู้คน 4.วัฒนธรรมทางการเมือง และ 5.เสรีภาพของพลเมือง ที่ฟังดูออกจะมี น้ำหนัก รองรับมิใช่น้อย แต่มันก็คงเป็นไปตาม มาตรฐานตะวันตก หรือตามมาตรฐานของฝรั่งนั่นแหละเป็นหลัก ที่อาจไม่ถึงกับสอดคล้อง ต้องกัน กับอารมณ์-ความรู้สึก หรือกับ ความเป็นจริง มากมายซักเท่าไหร่นัก...

    เพราะถ้านำเอา มาตรฐานตะวันออก หรือมาตรฐานของผู้ที่ไม่ใช่ฝรั่งเข้าไปจับ บางประเทศที่น่าจะมีความก้าวหน้าไม่น้อยไปกว่าประเทศไทย อย่างเช่นประเทศ ภูฏาน เป็นต้น ที่หันมาเป็นประชาธิปไตยในลักษณะคล้ายๆ กัน คือแบบพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ แต่กลับหล่นไปอยู่ที่ลำดับ 84 ห่างชั้นประเทศไทยเกือบ 40 อันดับเอาเลยถึงขั้นนั้น ทั้งที่บรรดาผู้คน พลเมือง ของประเทศดังกล่าว น่าจะมี จุดลงตัว มีการค้นพบ ความสมดุล ภายในสังคมตัวเอง ได้อย่างน่าทึ่ง น่าประทับใจ เอามากๆ คือแทนที่จะนำเอา มาตรฐานตะวันตก มาใช้วัดความก้าวหน้า ก้าวไกล ของแต่ละประเทศ แต่ละสังคม ด้วยตัวเลขหลอกๆ ที่เรียกว่า GDP หรือ GNP (ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ-ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ) อะไรประมาณนั้น เขากลับหันมาประดิษฐ์ คิดค้น มาตรฐานตามแบบฉบับของตัวเอง ที่เรียกว่า GNH (Gross National Happiness) หรือ ความสุขมวลรวมประชาชาติ มาเป็นตัววัด ตัดสิน กันแทนที่...

    ดังนั้น...ความเป็นประชาธิปไตย-ไม่เป็นประชาธิปไตย มันเลยไม่ถึงกับมีความสำคัญเท่ากับ ความสุข ของผู้คน พลเมือง ที่ต้องอยู่ร่วมกันภายในสังคมแต่ละสังคม การเลื่อนชั้น เลื่อนอันดับ ของประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ตามมาตรฐานของ EIU มันจึงไม่ได้ถึงกับทำให้ต้องอุจจาระแตก-อุจจาระแตน มากมายซักเท่าไหร่นัก หรือไม่ได้ถือเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้า-ก้าวไกลอะไรมาก โดยเฉพาะถ้าลองหันไปมองถึงความเคลื่อนไหวของ การเมืองไทย ในช่วงระยะนี้ ที่ออกจะอุตลุด ชุลมุน วุ่นวาย เสียเหลือเกิน ไม่ว่าตั้งแต่เรื่อง บิ๊กตู่ไปต่อ-ไม่ไปต่อ เรื่อง การย้ายพรรค-ย้ายค่าย เรื่อง การดูด-การอม เรื่อง การแลนด์สไลด์-ไม่แลนด์สไลด์ ไปจนถึงเรื่อง การพาพ่อกลับบ้านได้-กลับไม่ได้ ฯลฯลฯ ที่น่าจะก่อให้เกิดความไม่อยู่เย็น-เป็นสุข หรือกระทั่งก่อให้เกิด ความทุกข์ ต่อผู้คน พลเมือง แต่ละระดับ มากบ้าง-น้อยบ้างไปตามสภาพ...

    อันนี้นี่แหละ...เลยทำให้ พูดไม่ออก-บอกไม่ถูก ว่าควรจะดีใจ-เสียใจ หรือเศร้าใจ กันแน่!!! ยิ่งถ้าหากนำไปเปรียบเทียบ ไปอุปมา-อุปไมยกับประเทศอันดับ 84 ของตาราง อย่างประเทศภูฏานด้วยแล้วล่ะก็ ความห่างชั้นถึงเกือบ 40 อันดับของประเทศเล็กๆ ที่องค์พระมหากษัตริย์ทรง ปฏิรูปตัวเอง ด้วยการพระราชทานรัฐธรรมนูญให้กับผู้คน พลเมือง ทรงยอมรับสภาพการดำรง คงอยู่ ภายใต้รัฐธรรมนูญ ไปพร้อมๆ กับการปรับตัว ปรับสภาพ ให้เข้ากับกระแสความเป็นไปของโลก โดยหวังที่จะเห็น ความสุข บังเกิดขึ้นมาภายในสังคมตัวเอง อย่างเป็นจริง-เป็นจัง เป็นเรื่อง-เป็นราว ไม่ใช่แบบหลอกๆ หรือแบบประเภท ลิงหลอกเจ้า ตามอุปนิสัยและสันดานของบรรดา นักการเมือง โดยทั่วๆ ไป จึงน่าจะเป็นอะไรที่ก้าวหน้า-ก้าวไกล น่ายึดถือเป็น มาตรฐาน กว่าการจัดอันดับของ EIU ไม่รู้กี่เท่า-ต่อกี่เท่า...

    ด้วยเหตุนี้...ไม่ว่าประเทศไทยจะถือเป็นประเทศที่มีการ พัฒนาประชาธิปไตย มากที่สุดในโลก หรือไม่? อย่างไร? ก็แล้วแต่ แต่ภายใต้ความร้อน หรือ ความไม่อยู่เย็น-เป็นสุข ของ การเมืองไทย ในช่วงระยะนี้ เล่นเอา อดีตนักการเมือง บางราย ที่เป็นพรรคพวกกันมานานเต็มที อย่างเช่นคุณ ปิยะณัฐ วัชราภรณ์ ที่ยังคงรับอาสาเป็นทนายว่าความให้ชาวบ้าน ชาวช่องมาโดยตลอด ไม่ว่าสุขภาพร่างกายจะเป็นไปในแบบไหนก็ตามที ถึงกับให้ข้อสรุปสั้นๆ ระหว่างพบปะสนทนาทางโทรศัพท์เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ว่าไม่หลงเหลือ แรงบันดาลใจ ใดๆ อีกต่อไปแล้ว สำหรับ การเมืองไทย นับแต่นี้ เอวัง...ก็เลยต้องมีด้วยประการฉะนี้...แล...

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“ความจริง”เครื่องมือชิ้นสุดท้ายในห้วง“กลียุค”

นอกจากคนอินตะระเดียยุคโบร่ำโบราณ...ท่านจะแบ่งห้วงเวลาของแต่ละยุค ออกเป็น 4 ช่วง 4 ระยะ เริ่มจาก กฤตยายุค หรือ สัตตยายุค ที่บรรดาความดี-ความงาม-ความจริง ต่างมีอยู่ครบถ้วนสมบูรณ์ไปทั้ง 4 ส่วน

มติ 'ก.พ.ค.ตร.'

มีสัญญาณให้จับตา ต้นเดือนสิงหาที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วัน ปมปัญหาเรื่องสถานะ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ภายหลังจากคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)

อริยสัจ 4...หลักการดีที่ควรใช้

ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีผู้คนนับถือศาสนาพุทธมากกว่า 92% และในคำสอนของศาสนาพุธก็มีอริยสัจ 4 เป็นหลักที่ใช้ในการแก้ปัญหาที่ยุ่งเหยิงไปสู่ความสงบ

โชคดี...ที่ตายก่อน!!!

เห็นข่าวคราวว่าด้วย หลานสาว ชาวไทยรายหนึ่ง...ซึ่งน่าจะเป็นปุถุชนคนธรรมดา ไม่ได้โดดเด่น โด่งดัง ใดๆ มาก่อนเลย แต่เมื่อเธอโพสต์คลิปวิดีโอ โดยตัวเธอเองนั่ง