พออินโดนีเซียรับไม้ต่อจากกัมพูชามาเป็นประธานอาเซียนหมุนเวียนปีนี้ก็ต้องหาวิธีการแก้ปัญหาเมียนมาใหม่ เพราะที่ผ่านมาสองปี, นายกฯฮุนเซนแห่งกัมพูชาพยายามเกือบทุกวิถีทางแล้วก็ไร้ผล
พม่ายังเป็น “เด็กเกเร” ของอาเซียน ไม่มีความคืบหน้าเรื่อง “ฉันทามติ 5 ข้อ” แม้แต่ข้อเดียว
มิหนำซ้ำ วันครบรอบ 2 ปีของรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รัฐบาลทหารพม่ายังประกาศขยายประกาศ “สถานการณ์ฉุกเฉิน” ไปอีก 6 เดือน
ทำให้มีการตีความว่านั่นอาจจะหมายความว่าการเลือกตั้งทั่วไปที่พลเอกมิน อ่อง หล่ายได้สัญญาเอาไว้ว่าจะจัดขึ้นในเดือนสิงหาคมนั้นอาจจะต้องเลื่อนออกไปอีก
โดยอ้าง “ความไม่แน่นอนในสถานการณ์ความมั่นคงของประเทศ”
ประธานาธิบดีโจโก วิโดโดหรือเรียกสั้น ๆ ว่า “โจโกวี” ให้สัมภาษณ์รอยเตอร์เมื่อวันครบรอบ 2 ปีของการยึดอำนาจจากฝ่ายทหารจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของอองซานซูจีว่าเขากำลังคิดจะส่งนายทหารอาวุโสอินโดฯไปพม่าเพื่อทำภารกิจสำคัญ
นั่นคือให้ไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเหล่าบรรดานายพลของพม่าว่าด้วยเรื่องการเปลี่ยนผ่านจากระบบบทหารมาเป็นการปกครองแบบประชาธิปไตย
เรื่องนี้แกบอกว่าอินโดนีเซียมีประสบการณ์มาก่อน และสามารถทำให้การเปลี่ยนผ่านจาก “เผด็จการทหาร” มาเป็น “ประชาธิปไตย” ค่อนข้างประสบความสำเร็จ
ดังนั้น อินโดนีเซียหวังว่าถ้าพลเอกมิน อ่อง หล่ายได้นั่งคุยแลกเปลี่ยนกับนายพลอินโดฯที่มีประสบการณ์ด้านการ “ปฏิรูปการเมือง” ก็น่าจะได้ประโยชน์
เป็นวิธีคิดที่น่าสนใจ แต่จะได้ผลหรือไม่อย่างไรยังไม่มีใครบอกได้
เพราะพอได้อ่านข่าวนี้ผมก็คิดต่อทันที่ว่ามิน อ่อง หล่ายจะยอมพบกับนาพลอินโดฯเกษียณอายุหรือเปล่า
และหากจะพบกัน บทสนทนาจะไปในทิศทางไหน
ผมก็จะไม่แปลกใจเลยหากว่ามิน อ่อง หล่ายจะกล่าวขอบคุณโจโกวีตั้งแต่ต้นว่าขอบคุณให้ความปรารถนาดีต่อพม่า แต่คงจะไม่ค่อยมีประโยชน์อะไร
มิน อ่อง หล่าย คงอ้างว่าสถานการณ์ของพม่ากับของอินโดฯและประเทศอื่น ๆ มีความแตกต่างกันทั้งในแง่ประวัติศาสตร์, วัฒนธรรมและเศรษฐกิจมาก
ดังนั้น พม่าอาจจะไม่สามารถเอารูปแบบของอินโดฯมาใช้ได้แต่อย่างไร
แต่ก็ไม่แน่ โจโกวีอาจจะสามารถน้าวโน้มนายพลพม่าให้หาทางลงอย่างมีศักดิ์ศรีแบบเดียวกับที่กองทัพอินโดฯสามารถเอาตัวเองออกจากวงจรอุบาทว์ทางการเมืองและการทหารได้โดยไม่เสียหาย
และกลับกู้ชื่อเสียงและสถานภาพของกองทัพให้เป็นที่ยอมรับของประชาชนในฐานะเป็น “ทหารอาชีพ” ที่กลับเข้ากรมกองและทำหน้าที่ป้องปกรักษาความมั่นคงของชาติอย่างน่าชื่นชมและชอบธรรม
โจโกวีบอกว่า “นี่เป็นเรื่องของแนวทาง อินโดนีเซียเรามีประสบการณ์ที่มีหลายส่วนคล้าย ๆ กับเมียนมา”
"ประสบการณ์นี้จะบอกได้ว่าเราผ่านอดีตมาอย่างไร และจะสร้างประชาธิปไตยอย่างยั่งยืนนั้น กองทัพจะต้องทำอะไร และส่วนอื่น ๆ ของสังคมจะต้องทำอย่างไรด้วย" โจโกวีบอก
วันนี้ถือได้ว่าอินโดนีเซียถือได้ว่าเป็นประเทศที่มีประชาธิปไตยใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก
เคยถูกปกครองโดยผู้นำทางทหารอย่างนายพลซูฮาร์โตมานานกว่า 30 ปี
ก่อนที่เขาจะก้าวลงจากตำแหน่งท่ามกลางการประท้วงครั้งใหญ่และวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2541 อันเป็นจังหวะเดียวกับที่ประเทศไทยเราเผชิญกับ “วิกฤตต้มยำกุ้ง”
ส่วนกองทัพพม่าที่นำโดยนายพลเนวินเข้ายึดอำนาจในปี 2505 ซึ่งนำไปสู่การโดดเดี่ยวประเทศและปราบปรามผู้เห็นต่างมานานหลายทศวรรษ จนกระทั่งมีการเปิดประเทศ ยอมให้ประชาชนเลือกผู้แทนของตนอย่างกว้างขวางอย่างเป็นทางการในปี 2554
แต่การทดลองกับประชาธิปไตย ซึ่งรวมถึงการเลือกตั้งที่พรรค NLD ที่นำโดยออง ซาน ซูจี เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพได้ยุติลงและเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เมื่อกองทัพขับไล่รัฐบาลของซูจี บังคับใช้กฎทหารที่เข้มงวดอีกครั้ง
และปราบปรามการประท้วงอย่างหนักหน่วงและรุนแรง
เมื่อเมียนมาถูกตะวันตกประณามและคว่ำบาตรอีกครั้ง อาเซียนได้จัดทำแผน 5 ประการที่เรียกว่า “ฉันทามติ 5 ข้อ” ได้แก่ การยุติความรุนแรง การเจรจา ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และการเยือนของทูตอาเซียนทุกด้าน
แต่บรรดานายพลของเมียนมายังคงดื้อรั้น ไม่ยอมนำมาปฏิบัติอย่างจริงจังแม้แต่เรื่องเดียว
แม้นายกฯฮุนเซนของกัมพูชาซึ่งเป็นประธานอาเซียนเมื่อปีที่แล้วพยายามจะแสดงตนเข้าใจนายพลมิน อ่อง หล่ายแต่ก็ไม่สามารถกดดันให้ผู้นำทหารพม่ายอมทำตามมติของอาเซียนได้แต่อย่างใด
โจโกวีใช้จังหวะครบรอบสองปีของการรัฐประหารของเมียนมายืนยันความมุ่งมั่นที่จะทำให้แผนการของอาเซียนเกิดขึ้นในความเป็นจริงให้ได้
และตอกย้ำว่าอาเซียนจะ "ไม่ตกเป็นตัวประกัน" ต่อความขัดแย้งในเมียนมา
ที่ผมคิดว่าเป็นคำมั่นสัญญาที่มีความเด็ดขาดและชัดเจนก็คือประโยคที่เขาย้ำว่าหากไม่มีความคืบหน้า ก็จะ "ดำเนินการอย่างเด็ดขาด"
แม้จะไม่ได้ลงรายละเอียดว่าจะทำอะไรเพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติก็ตาม
โจโกวีย้ำว่าเขาในฐานะประธานอาเซียนปีนี้จะทำให้อาเซียนเป็น 'ศูนย์กลางแห่งการเติบโต'
นั่นหมายถึงการต้องแก้ปัญหาคาราคาซังเกี่ยวกับพม่าอย่างชัดเจน
เขาไม่ได้ปิดประตูที่จะไปเยือนพม่าด้วยตนเองหากจำเป็นแต่ยอมรับว่าการเจรจาน่าจะ "ง่ายขึ้น" ระหว่างเจ้าหน้าที่ที่มาจากภูมิหลังเดียวกัน
หมายความว่านายทหารคุยกับนายทหารก็น่าจะพูดเปิดอกกันได้ดีกว่า
โจโกวีไม่เปิดเผยว่าจะส่งนายทหารคนไหนไปหามิน อ่อง หล่ายแต่ย้ำว่าจะส่งไปให้ "เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"
แต่ก็บอกใบ้ว่านายทหารอินโดฯที่จะรับภารกิจนี้จะเป็นบุคคลที่เกี่ยวกับการปฏิรูปของอินโดนีเซีย
เป็นที่รู้กันว่าเหล่าบรรดาสมาชิกอาเซียนอีก 9 ประเทศนั้นมีความเห็นแตกต่างกันว่าด้วยการจัดการกับปัญหาเมียนมา
สมาชิกบางกลุ่ม เช่น ไทย ต้องการใช้วิธีนิ่มนวล พยายามหว่านล้อมโดยไม่กดดันอย่างเปิดเผยมากเกินไป
เช่นไทยมีการประชุมอย่างไม่เป็นทางการของรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนที่กรุงเทพฯที่เชิญรัฐมนตรีต่างประเทศรัฐบาลทหารพม่ามาเมื่อเดือนธันวาคม
แต่ก็ถูกสมาชิกครึ่งหนึ่งของอาเซียนขอตัวไม่มาร่วมสังฆกรรมกับรัฐมนตรีจากพม่า
สมาชิกอาเซียนอื่นๆ ดูเหมือนจะผิดหวังมากขึ้นกับกองทัพเมียนมา
และได้แสดงความกระตือรือร้นที่จะคงคำสั่งห้ามเจ้าหน้าที่ระดับสูงเข้าร่วมการประชุมอาเซียนเพื่อแสดงถึงความไม่พอใจของอาเซียนต่อรัฐบาลทหารพม่าที่ไม่ให้ความร่วมมือกับอาเซียนในภาพรวม
ในฐานะประธานกลุ่ม G-20 เมื่อปีที่แล้ว อินโดนีเซียวางตำแหน่งตัวเองเป็นสะพานเชื่อมทางการทูตในวิกฤตระหว่างรัสเซียและยูเครน และจัดการเพื่อให้ได้แถลงการณ์ร่วมในการประชุมสุดยอดผู้นำที่บาหลีเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
เขายอมรับหน้าชื่นตาบานว่า "สถานการณ์ไม่ง่าย"
ผมจะคอยดูว่าเมื่อโจโกวีส่งนายทหารไปจับเข่าคุยกับมิน อ่อง หล่าย จะเกิดความเข้าใจมากกว่าส่งนักการทูตอาเซียนไปหรือเปล่า
นี่คือคือความท้าทายใหม่สำหรับอาเซียนอีกรอบหนึ่ง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ