ต้องบอกว่าปี่กลองทางการเมืองเชิดฉิ่งกันแบบไม่มีกั๊กแล้ว หลังจากกฎหมายลูก 2 ฉบับประกาศใช้ไปเมื่อช่วงปลายเดือนมกราคม ซึ่งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดย “อิทธิพร บุญประคอง” ประธาน กกต.ก็ไวปานกามนิตหนุ่ม เมื่อใช้เวลาช่วงค่ำวันที่ 31 ม.ค.ต่อเช้าวันที่ 1 ก.พ. ออกประกาศ กกต.มา 2 ฉบับแล้ว ซึ่งประกอบไปด้วย ประกาศ กกต.เรื่อง การแบ่งเขตเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2566 และประกาศ กกต. เรื่อง จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งและเขตเลือกตั้งของแต่ละจังหวัดสำหรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปครั้งแรกภายหลังประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 1) ...๐
แต่ที่น่าสนใจคือ ทำไม “อิทธิพร” หรือแม้แต่ “แสวง บุญมี” เลขาธิการ กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองไม่ลงมาชี้แจงแถลงไขในเรื่องขั้นตอนการทำงาน รวมถึงการออกเอกสารข่าวอรรถาธิบายไทมไลน์เอง แต่ ดันส่ง “ปกรณ์ มหรรณพ” กกต. มาทำหน้าที่แทน หรือกลัวถูกขยี้ถูกบี้ในเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้ง 400 เขต รวมถึงการตั้งข้อสังเกตของ “สมชัย ศรีสุทธิยากร” ว่าด้วยการนับผู้ที่ไม่มีสัญชาติไทยเป็นราษฎรในการคำนวณเขตเลือกตั้งก็ไม่ทราบได้ ...๐
แม้ “ปกรณ์” จะให้เหตุผลว่า “การคิดจำนวนราษฎรต้องคิดรวมทั้งหมดไม่ว่าผู้นั้นจะมีสัญชาติไทยหรือไม่ หรือมีสิทธิเลือกตั้งหรือไม่ เพราะคนที่มีสัญชาติไทยก็ไม่ได้เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกคน” และในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ก็ใช้มาแล้ว แต่ข้อท้วงติงของ “สมชัย” ก็มีนัยให้ตีความถกเถียงเช่นกันที่ระบุว่า “แม้ก่อนหน้านี้เคยทำแบบนี้กันมา แต่แบบเดิมก็อาจจะผิดพลาดก็ได้ เพราะไม่เคยมีใครออกมาทักท้วงว่าถูกหรือผิดอย่างไร” พร้อมทั้งทิ้งทุ่นให้น่าปริวิตกว่า “หากการเลือกตั้งเสร็จแล้ว และมีคนไปยื่นร้องภายหลังว่า กกต.ตีความหมายของคำว่าราษฎรผิด และแบ่งเขตเลือกตั้งผิด อาจส่งผลทำให้การเลือกตั้งเกิดปัญหาขึ้นได้ โดยเฉพาะจังหวัดที่มี ส.ส.เกิน และจังหวัดที่มี ส.ส.ขาด” ...๐
ทั้งนี้จังหวัดที่สุ่มเสี่ยงในกรณีดังกล่าวจากการนับราษฎร โดยรวมผู้ไม่มีสัญชาติไทยจะมี 6 จังหวัดที่จะได้รับผลกระทบ โดยจังหวัดที่มี ส.ส.เกิน คือ เชียงใหม่, ตาก และเชียงราย ส่วนจังหวัดที่มี ส.ส.ขาด คือ อุดรธานี, ลพบุรี และปัตตานี ที่ควรได้ ส.ส.เพิ่มอีกจังหวัดละ 1 คน …๐
พักเรื่องกฎหมายและการตีความไว้ก่อน หันมาดูการเมืองว่าด้วยความเคลื่อนไหวของ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหมกันบ้าง เพราะเล่นเอาเซอร์ไพรส์กันเลยทีเดียว เมื่อเจ้าตัวไปโผล่แฮปปี้เบิร์ธเดย์ให้ช่อง “ท็อปนิวส์” ของเจ๊ปอง-อัญชะลี ไพรีรัตน์ และกนก รัตน์วงศ์สกุล เป็นพิธีกรขาใหญ่ครบรอบ 2 ปี ซึ่งเจ้าตัวก็พูดเปิดใจว่ารัฐบาลมีผลงานจำนวนมาก และตั้งใจทำงานตลอดเวลา ไม่ใช่มาเร่งปั๊มผลงานในปีเลือกตั้ง แหม! แต่ชาวบ้านเขาก็ไม่เคยเห็น “ลุงตู่” ไปแฮปปี้เบิร์ธเดย์วันเกิดสื่อชนิดไหนเลยนี่จ๊ะ ...๐
ส่วนด้าน “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ นั้นก็ลงพื้นที่ถี่ยิบแบบไม่เกรงใจสังขารเลย โดยล่าสุดก็ลงพื้นที่ “นครปฐม” และ “ราชบุรี” โดยเฉพาะที่นครปฐม ถ้าไม่บอกเห็นแค่ภาพอย่างเดียวใครก็คงคิดว่าเป็นนายกฯ แน่นอน เพราะมีทั้งคนเฒ่าคนแก่กราบตักเอย หอมแก้ม กอดรัดฟัดเหวี่ยง ในขณะที่ “ราชบุรี” นั้น ขาใหญ่อย่าง “ปารีณา ไกรคุปต์” ก็ประกาศแล้วว่าจะรอต้อนรับ เพราะลุงป้อมเป็นที่รักในสามโลก แหม! เรียกว่าราศีผู้นำประเทศคนที่ 30 เริ่มฉายแววพอๆ กับน้องรักบูรพาพยัคฆ์แล้ว ...๐
หันมาดูการทำงานของสภา 3 วันหนี 4 วันล่มกันบ้าง ล่าสุดเรียกว่ายังไปได้ดี เพราะพรรคฝ่ายค้านเสนอญัตติด่วนด้วยวาจาว่าด้วยกรณี “ทานตะวัน ตัวตุลานนท์” หรือตะวัน และ “อรวรรณ ภู่พงศ์ หรือแบม” ผู้ต้องคดีมาตรา 112 ที่อดอาหารประท้วง ซึ่งองค์ประชุมยังอยู่กันครบไม่ล่มเหมือนกรณีการพิจารณากฎหมายเพื่อชาติบ้านเมืองแต่ประการใด ...๐
ต้องเรียกว่าแปลกแต่จริง พอ เรื่องการทำตัวห้อย-โหนขึ้นมา ทั่นผู้ทรงเกียรติก็อยู่กันหน้าสลอน แต่พอเรื่องทำเพื่อประโยชน์ของคนในชาติในการออกกฎบัตรกฎหมายกลับหายหัว หรือบางคนอยู่แต่ทำตัวเป็นเงาหรือแมลงสาบที่ไม่แสดงตน แต่ที่ขำไม่ออกอย่างยิ่งคือ “ชลน่าน ศรีแก้ว” ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และยังสวมหมวกผู้นำฝ่ายค้านในสภาที่อภิปรายเป็นวรรคเป็นเวรพร้อมว่าเป็นเกมการสืบทอดอำนาจ! โดยมีคนชักใยอยู่เบื้องหลัง เพื่อให้เหตุการณ์นี้บานปลาย โดยไม่ยอมทำอะไรเลย ถือว่าอำมหิตมาก เอาชีวิตเด็กมาแลกกับการสืบทอดอำนาจต่อไป พิโธ่! คนชักใย คนปั่นหัวเด็กให้ทำผิดกฎหมาย ถ้า “หมอชลน่าน” หันซ้ายหันขวาก็น่าจะรู้มิใช่เหรอว่าใครที่ไหน หรือพอสวมหัวโขนผู้นำฝ่ายค้านในสภาเลยเกิดอาการเมาน้ำลาย บ้าไมค์จนลืมข้อเท็จจริง หรือจงใจลืมเพื่อหลอกด่ารัฐบาลและกระทบชิ่งใครต่อใคร ...๐
ท.ศักดิ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
ยกมือเห็นด้วยกับฝ่ายค้านว่า แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ควรไปปรามบิดา “ทักษิณ ชินวัตร” เสียบ้าง หลังออกมาโชว์กร่างพรรคร่วมรัฐบาล ผ่านการสัมมนาพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
บันทึกหน้า 4
วันนี้เห็นข่าว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ดีอกดีใจกับ อันดับที่ 29 สตรีผู้ทรงอิทธิพลโลก จากจำนวน 100 คนทั่วโลก ของนิตยสาร Forbes ก็ให้รู้สึกอึนๆ มึนๆ เหมือนอากาศขมุกขมัวสลัวในกรุงเทพมหานคร ก็เพราะไม่แน่ใจว่า ในฐานะพลเมืองไทยแล้ว ควรจะจำนนกับสถานการณ์ ณ ปัจจุบันแล้วยินดีปรีดา หรือว่าปลงๆ เสียเถิดจะเกิดผล!!
บันทึกหน้า 4
ถึงกับว้าว! "อิ๊งค์" ทอล์กโชว์ อลังการงานสร้าง เวทีใหญ่สวยงาม จัดเต็มแสงสีเสียง ยกเว้นเรื่องเดียว "สาระ" เนื้อหาผลงาน 90 วัน รัฐบาลแพทองธาร
บันทึกหน้า 4
ต้องเรียกว่าตีปี๊บกันอย่างยิ่งกับการแถลงผลงาน 90 วัน พร้อมสานฝันอนาคตในธีม “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง” ที่ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีจะเป็นคีย์แมนหลัก โดยถ่ายทอดสดผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) ในวันพฤหัสบดีที่ 12 ธ.ค.นี้
บันทึกหน้า 4
วันอังคารที่ 10 ธันวาคม ตรงกับ วันรัฐธรรมนูญ เป็นวันหยุดราชการ การประชุม ครม.จึงเลื่อนไปเป็นวันพุธ หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2475 ถึงปัจจุบัน มีรัฐธรรมนูญแล้ว 20 ฉบับ มีรัฐประหารถึง 13 ครั้ง
บันทึกหน้า 4
” จับตาว่า ม็อบจะจุดติดหรือไม่ หลัง สนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรฯ ยื่นหนังสือถึงนายกฯ จำนวน 6 ข้อ เพื่อยกเลิกเอ็มโอยู 44 รวมถึงยังยื่นข้อเรียกร้องดังกล่าวต่อสมาชิกรัฐสภา