อาร์เจนตินาและฟลาเมงโก

    กาชาซาออกฤทธิ์หลังตื่นนอนแค่นิดหน่อย และพออาบน้ำสระผมแล้วอาการคั่งค้างจากเมื่อคืนก็หมดไป ไม่แน่ อากาศเย็นๆ อาจมีส่วนช่วย รีโอเดจาเนโรช่วงกลางเดือนสิงหาคมหนาวกำลังดี แต่ที่ไม่ดีคือฟ้ามีเมฆมาก บนภูเขามีหมอกหนา

    ชายหาดโคปาคาบานาอยู่ห่างจากที่พักประมาณ 500 เมตร ผมเดินไปหาตำแหน่งสำหรับมองย้อนกลับมายังภูเขา “กอร์โกวาดู” เพื่อมอง “พระเยซูมหาไถ่” Christ the Redeemer (ภาษาโปรตุเกสใช้ Cristo Redentor อ่านว่า “กริซตู เรเดงโตร์”) ประติมากรรมพระเยซูกางพระหัตถ์อันเลื่องชื่อลือนามจนได้รับการโหวตให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ ผมเดินหาจนพบจุดที่มองเห็นพระเยซู ทว่าฟ้าปิด มองเห็นเพียงรางๆ วันนี้จึงต้องพับแผนขึ้นไปเยี่ยมชม

    เวลาประมาณ 11 โมงแล้ว แต่ร้านอาหารกึ่งบาร์บริเวณริมหาดโคปาคาบานาหลายร้านยังไม่เปิดให้บริการ ในจำนวนไม่กี่ร้านที่เปิดมีร้านหนึ่งสะดุดตาเป็นพิเศษ เสาต้นหนึ่งมีภาพเขียนของ “ลิโอเนล เมสซี” พอผมเข้าไปนั่งมองจากมุมในร้านออกมานอกร้าน อีกฝั่งของเสาต้นเดียวกันเป็นภาพ “ดิเอโก มาราโดนา” ผมมองดูจนครบทุกด้าน อีก 2 ด้านที่เหลือคือภาพเสาโอเบลิสโกกลางกรุงบัวโนสไอเรส และภาพ Façade หรือด้านหน้าของอาคารในลักษณะที่เรียกว่า Ochava เห็นหน้าตึก 3 ด้าน นี่คือรูปแบบอาคารที่พบได้ทั่วไปในกรุงบัวโนสไอเรส

ร้านของคนอาร์เจนตินาที่ชายหาดโคปาคาบานา ประเทศบราซิล

    ผมน่าจะเป็นลูกค้าคนแรกๆ ของร้าน โต๊ะหลายตัวยังไม่ได้เช็ดทำความสะอาด พนักงานชายผิวสี 2 คน ตัวใหญ่ยักษ์เปิดเพลงเต้นกันอย่างอรชรอ้อนแอ้น ทำให้งานยิ่งช้า แต่ที่นี่บราซิล เมื่อนึกอย่างเต้น ใครๆ เขาก็เต้นกัน

เปิดเผยกันชัดๆ ว่าเป็นร้านของคนอาร์เจนตินา

    หลังจ่ายเงินค่าอาหารแล้วผมเดินไปคุยกับพนักงานหญิงของร้านที่ยืนสูบบุหรี่อยู่บนทางเท้า ถามเธอว่าทำไมในร้านมีรูปเมสซีและมาราโดนา เธอตอบว่าเจ้าของร้านเป็นคนอาร์เจนตินา และเธอเองก็เป็นคนอาร์เจนตินา ผมถามต่อว่าแล้วคนบราซิลไม่ว่าอะไรหรือ เธอว่า “เมสซีเก่งที่สุดในโลก พวกเขาต้องยอมรับ” ตอบไม่ตรงคำถาม แต่ผมก็เลิกเซ้าซี้ในประเด็นนี้

ถนน Rua Siqueira Campos ย่ายโคปาคาบานา นครรีโอเดจาเนโร

    บ้านเกิดของเธออยู่ที่เมืองลานุส รัฐบัวโนสไอเรส เมืองเดียวกับบ้านเกิดมาราโดนา อายุคงราวๆ 40 ปีหรือน้อยกว่า แต่เธอมีใบหน้าของคนสูบบุหรี่จัดแบบมวนต่อมวน ถ้าไม่นำส่วนนี้ไปคำนวณก็จะทายออกมามากกว่าอายุจริง

    ผมถามเธอว่าทำไมพูดภาษาอังกฤษได้ดี เธอตอบว่าย้ายมาอยู่บราซิลได้ 3 ปีแล้วจึงพอพูดได้ ทั้งหมดมาฝึกเอาที่นี่ แต่พูดได้เฉพาะที่เกี่ยวข้องกับงานและชีวิตประจำวัน หากจะให้พูดในหัวข้อที่เธอไม่คุ้นเคยก็พูดไม่ได้ พอเธอรู้ว่าผมอยู่อาร์เจนตินามา 3 เดือนก็พูดสเปนใส่เป็นชุด ผมตอบโต้ไม่ได้เลย เธอย้อนว่าอยู่ตั้ง 3 เดือนน่าจะพูดได้ ผมบอกไปว่าพูดได้แค่สั่งกาแฟและสั่งเบียร์

หลังสถานีรถไฟฟ้า Maracana บ้านเรือนปลูกสลับซับซ้อนบนเนินเขาอันเป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไปในบราซิล

 

    ในร้านไม่มีลูกค้า เราเลยยืนคุยกันอยู่นาน ระหว่างนี้เธอก็สูบบุหรี่ไปเรื่อยๆ ผมถามว่า “คุณคิดถึงอาร์เจนตินาไหม?” เธอตอบว่า “ไม่เท่าไหร่ แต่ฉันคิดถึงเนื้อวัว ที่นี่ได้กินเนื้อเหมือนกัน แต่เนื้อออกแข็งๆ ไม่นุ่มเหมือนเนื้ออาร์เจนตินา”

    ผมไม่ใช่คอเนื้อและนานๆ ทีถึงจะกินสักครั้ง แต่ชื่อเสียงของเนื้ออาร์เจนตินานั้นต้องยอมรับว่าเด่นดังกว่าใครในโลกจริงๆ เพราะลักษณะภูมิประเทศที่เป็นทุ่งหญ้าแปมปัสอันกว้างใหญ่ เหมาะแก่การเลี้ยงวัวเนื้อเป็นอย่างยิ่ง ส่วนเนื้อบราซิลก็มีชื่ออยู่ในระดับหนึ่งเหมือนกัน และอาหารที่ขึ้นชื่อมากก็คือเนื้อชิ้นใหญ่สามสี่ชิ้นเสียบเหล็กแหลมย่างบาร์บีคิว เรียกว่า Churrasco (อ่านว่า “ชูฮาสกู) พันธุ์เนื้อวัวเด่นๆ ในโปรตุเกสนั้นมีอยู่มาก น่าจะถูกขนลงเรือมาในยุคอาณานิคมเพื่อกระจายพันธุ์ในบราซิลที่มีพื้นที่กว้างขวางเป็นครึ่งหนึ่งของทวีปอเมริกาใต้ และบราซิลคือประเทศที่ส่งออกเนื้อวัวมากที่สุดในโลก 

    เธอสูบบุหรี่ไปหลายมวน สุดท้ายถามผมว่าต้องการอะไรในร้านอีกไหม เธอต้องกลับเข้าไปในเคาน์เตอร์บาร์แล้ว ผมถามถึงกาแฟ แต่ในร้านไม่มีขาย เธอแนะนำร้านบนฝั่งให้ร้านหนึ่ง ถัดจาก Avenida Atlantica ถนนเลียบหาดโคปาคาบานาขึ้นไปเพียงบล็อกเดียว ผมเดินไปตามลายแทงนั้น

แฟนบอลสโมสรฟลาเมงโกถ่ายรูปกับสนามมาราคานา

    ร้านแบบท้องถิ่นชื่อ La Copa เป็นร้านเบเกอรี่และขนมปังหลากหลายชนิดที่มีกาแฟขาย ลูกค้านั่งดื่มกาแฟอยู่ไม่กี่โต๊ะ ที่มาซื้อขนมห่อไปกินที่อื่นมีมากกว่า ผมกินมื้อเช้ามาแล้วจึงสั่งเฉพาะกาแฟ พนักงานสาวนำแก้วใสใบหนาไปกดกาแฟดำจากถังที่ต้มไว้ แล้วยื่นให้จากในเคาน์เตอร์ ถามว่า “อะซูการ์?” ผมตอบ “เนา โอบริกาโด” ถามอีก “เลชชี?" ผมก็ยังตอบ “เนา โอบริกาโด” ผมดื่มหมดก็ไม่รู้สึกอะไรมากนัก เห็นมีเครื่องทำกาแฟอยู่ด้วยจึงสั่งเอสเปรสโซเพิ่ม เธอเสิร์ฟมาในถ้วย คราวนี้ไม่ถามอะไร เพราะรู้แล้วว่าผมไม่ใส่ทั้งน้ำตาลและนม ดื่มหมดแก้วนี้เห็นผลทันทีว่ากาเฟอีนถึงดีกรีแล้ว 

    ระหว่างเดินกลับที่พัก ตามร้านอาหารกึ่งบาร์เริ่มมีลูกค้านั่งกันแล้ว ขนาดเป็นวันอังคารแท้ๆ เห็นใส่เสื้อทีมฟลาเมงโกกันหลายคน นี่คือสโมสรที่มีแฟนบอลมากกว่า 40 ล้านคน มากที่สุดในบราซิล (จากประชากรทั้งประเทศราว 216 ล้านคน)

ทัวร์สนามมาราคานาปิดเร็วกว่าปกติเพราะมีแมตช์ใหญ่ในช่วงค่ำ

    ผมกินมื้อเที่ยงง่ายๆ ที่ซื้อไปจากซูเปอร์มาร์เก็ตแล้วออกจากที่พักเพื่อเดินทางไปยังสนามฟุตบอล “มาราคานา” หวังจะไปซื้อตั๋วทัวร์สนาม นั่งรถไฟใต้ดินสายสีส้มจากสถานี Siqueira Campos/Copacabana ไปไม่กี่สถานี เปลี่ยนเป็นสายสีเขียวที่สถานี Flamengo แล้วนั่งยาวไปจนถึงสถานี Maracana ภายในรถไฟฟ้ามีคนสวมหน้ากากประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น หรืออาจจะน้อยกว่า ผิดกับที่เซาเปาโล เจ้าหน้าที่บังคับให้สวมก่อนเข้าสถานี แม้ว่าประมาณครึ่งหนึ่งจะถอดเก็บเมื่ออยู่ในรถไฟ

    ออกจากสถานีรถไฟ Maracana ยิ่งเห็นคนสวมเสื้อฟลาเมงโกจำนวนมากขึ้นไปอีก จากสถานีรถไฟใต้ดินถึงตัวสนามมาราคานามีทางเชื่อมโค้งๆ ยาวประมาณ 200 เมตร ถึงป้ายที่เขียนว่า Tour Maracana-Buy Your Ticket Here ตอนประมาณบ่าย 3 ครึ่ง เจ้าหน้าที่ รปภ.ปล่อยคนออกมาจากข้างใน ทำสัญลักษณ์กากบาทด้วยแขน 2 ข้าง ผมถามเป็นภาษาสเปนว่า “เซอราโด?” เขาก็ตอบ “เซอราโด” แปลว่าปิดแล้ว

    ผมอ่านมาก่อนหน้านี้ทราบว่าเวลาปิดให้เข้าทัวร์มาราคานาคือ 5 โมงเย็น และให้ออกจากสนามตอน 6 โมงเย็น จึงสันนิษฐานว่าวันนี้มีการแข่งขัน และภาพคนสวมเสื้อฟลาเมงโกตั้งแต่ยังไม่เที่ยงวันยิ่งเพิ่มความมั่นใจ ข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตระบุไว้ว่าจะปิดก่อนเกมการแข่งขัน 5 ชั่วโมง ทำให้วันนี้ผมอดทั้งขึ้นไปกราบพระเยซูและทัวร์สนามมาราคานา

    ภาษาโปรตุเกสใช้ Estádio do Maracanã อ่านว่า “อิสตาโจ ดู มารากานัง” เป็นสนามที่แฟนฟุตบอลทั่วโลกเคยได้ยินชื่อ สร้างขึ้นเพื่อรองรับการแข่งขันฟุตบอลโลกปี ค.ศ.1950 ที่บราซิลเป็นเจ้าภาพ ในนัดชิงครั้งนั้นทีมชาติบราซิลพบกับทีมชาติอุรุกวัย ด้วยโครงสร้างสนามในอดีตที่ไม่มีเก้าอี้นั่ง ทำให้มีผู้ชมเฮโลกันเข้าไปในสนามมากกว่า 173,850 คน นี่คือตัวเลขอย่างเป็นทางการ ในความเป็นจริงว่ากันว่าน่าจะเกิน 200,000 คนด้วยซ้ำไป (มีถึง 26 นัดที่ยอดผู้ชมทะลุ 150,000 คน) ผลการแข่งขันอุรุกวัยเอาชนะบราซิลไป 2-1 คว้าแชมป์โลกสมัยที่ 2

ข้อความบนป้ายแปลได้ว่า “บนฟ้าของพญาแร้ง นกเหยี่ยวไม่กล้าบิน” ซึ่งพญาแร้งคือฉายาของทีมฟลาเมงโก

    สนามมาราคานาตั้งตามชื่อย่านมาราคานาซึ่งมาจากชื่อแม่น้ำอีกทอดหนึ่ง เจ้าของสนามคือรัฐบาลของรัฐรีโอเดจาเนโร แต่ให้ทีมฟลาเมงโกและทีมฟลูมิเนนเซบริหาร และเป็นสนามเหย้าของทั้ง 2 ทีม ก่อนการแข่งขันฟุตบอลโลกปี ค.ศ.2014 ที่บราซิลกลับมาเป็นเจ้าภาพอีกครั้ง สนามถูกปรับปรุงครั้งใหญ่โดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ มีการใส่เก้าอี้จนครบ ทำให้ความจุลดลงเหลือ 78,838 ที่นั่ง แต่ก็ยังเป็นสนามที่ใหญ่สุดของประเทศอยู่ดี 

ทางเดินโค้งเชื่อมสถานีรถไฟฟ้ามาราคานาและสนามฟุตบอลมาราคานา

 

    เมื่อไม่ได้ทัวร์สนาม แต่กลับมีโอกาสที่ดีกว่าคือได้ดูฟลาเมงโกเตะในสนามเหย้า เปิดมือถือดูข้อมูล ฟลาเมงโกจะพบกับคอรินเทียนส์ ในศึกโคปาลิเบอร์ตาดเรส เวลา 3 ทุ่มครึ่ง แสดงว่าการทัวร์สนามปิดก่อนถึง 6 ชั่วโมง กฎคงถูกยกเว้นเพราะนี่คือแมตช์ใหญ่ และไม่ใช่การแข่งขันถ้วยภายในประเทศ หากแต่เป็นถ้วยประจำทวีปเลยทีเดียว เทียบเท่ากับยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกของยุโรป เพียงแต่ว่า 2 ยักษ์ใหญ่ของบราซิลโคจรมาพบกันเอง (บราซิลได้สิทธิ์ปีละ 7 ทีม อาร์เจนตินา 6 ทีม ชาติอื่นๆ จำนวนทีมลดหลั่นกันไป) 

    ผมเดินไปตามทิศทางที่คิดว่าเป็นห้องจำหน่ายตั๋วหน้าสนาม เห็นเจ้าหน้าที่ในชุดเขียวจำนวนมากกำลังเตรียมความพร้อมและซักซ้อมรับมือกับกองเชียร์ของทั้ง 2 ฝ่าย นี่คือดาร์บีแมตช์ระหว่างรัฐของบราซิล ทั้ง 2 ทีมคว้าถ้วยแชมป์ของประเทศ (Campeonato Brasileiro Serie A เริ่มจัดแข่งขันเมื่อ ค.ศ.1960) เท่ากันที่ 7 สมัย (มีทีมปัลเมรัสและซานโตสที่ได้แชมป์มากกว่า) โดยบราซิลมีอยู่ 26 รัฐ แต่ละรัฐมีฟุตบอลลีกภายในรัฐ ใหญ่สุด 4 รัฐ ได้แก่ รีโอเดจาเนโร เซาเปาโล ปอร์โตอเลกรี และมีนัสเจไรส์ นอกจากแข่งลีกภายในรัฐแล้ว ทีมใหญ่ๆ จากทั่วประเทศ 20 ทีมก็แข่งลีกซีรีส์เอของประเทศด้วย (มีเลื่อนชั้น-ตกชั้น)    

    วันนี้เป็นเลกที่ 2 โดยนัดแรกที่พบกันที่บ้านของคอรินเทียนส์ ฟลาเมงโกบุกไปเอาชนะได้ 2-0 มีชายคนหนึ่งเดินมาใกล้ๆ ผมถามเขาว่าพูดภาษาอังกฤษได้ไหม เขาตอบ “โน” ผมจึงพิมพ์ข้อความลงในแอปแปลภาษา ถามเขาว่า “คุณรู้ไหมว่าจะหาซื้อตั๋วนัดนี้ได้ที่ไหน” เขาชี้ที่ตัวเขาเอง ผมถามเป็นภาษาสเปนว่า “กวนโต?” เขาพิมพ์ตอบในมือถือของเขา “300 เรียล” ผมพูดสเปนอีก “มุย กาโร” แปลว่าแพงไป แล้วพิมพ์ว่า “จะขอคิดดู” เขาก็เดินจากไป ไม่มีคะยั้นคะยอ 

    มีกลุ่มวัยรุ่นหลายคนยืนรวมตัวกันอยู่ ผมเดินเข้าไปถามหนึ่งในนั้นว่าพูดภาษาอังกฤษได้ไหม เขาชี้ไปที่เพื่อนๆ มีคนเข้ามาคุยกับผม 3 คน พวกเขาเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย มารับจ๊อบแจกสินค้าตัวอย่างให้กับแฟนบอล

    ทราบจากทั้ง 3 คนว่าตั๋วนัดนี้ถูกขายหมดไปหลายวันแล้ว ตั๋วผีพอหาได้ในราคาใบละ 200-300 เรียล จากปกติ 150 เรียล แต่ต้องระวังตำรวจที่เดินลาดตระเวนไปทั่ว ผมถามว่าถ้าตำรวจเห็นจะถูกจับไหม ได้รับคำตอบว่าไม่ถึงขั้นถูกจับไปโรงพัก แต่จะถูกไล่

    ผมมีเงินสดอยู่แค่ 190 เรียล ถ้าจะดูบอลคู่นี้ก็ต้องกดเอทีเอ็มมาจ่ายค่าตั๋วผี คิดอยู่หลายตลบ แต่เริ่มมีอาการน้ำมูกไหลและจาม ฤทธิ์ของกาชาซาไม่หมดไปเสียทีเดียว ถ้าต้องรอถึง 3 ทุ่มครึ่งไม่รู้อาการจะแย่ไปกว่าเดิมมากน้อยแค่ไหน ตัดสินใจไม่ดูที่สนาม กลับไปดูที่ห้องพัก ฟลาเมงโกเอาชนะคอรินเทียนส์ 1-0 และสุดท้ายฟลาเมงโกทะลุเข้าไปชิงกับ “แอตเลติโก ปารานาเอนซี” สโมสรที่มาจากบราซิลเช่นกัน 

     ท้ายสุดฟลาเมงโกได้แชมป์อเมริกาใต้เป็นครั้งที่ 3 ของประวัติศาสตร์สโมสร.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข้าอยากได้อะไร...ข้าต้องได้

เราคนไทยมักจะอ้างว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐ มีการบริหารกิจการต่างๆ ภายในประเทศตามหลักการของนิติธรรม แต่สถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเวลานี้ หลายคนเริ่มตั้งข้อสงสัยว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐจริงหรือ

เมื่อ 'ธรรมชาติ' กำลังแก้แค้น-เอาคืน!!!

เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กรมอุตุนิยมวิทยาของบ้านเรา...ท่านเคยคาดๆ ไว้ว่า ฤดูหนาว ปีนี้น่าจะมาถึงประมาณปลายสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนตุลาคม

จ่ายเงินซื้อเก้าอี้!

ไม่รู้ว่าหมายถึง "กรมปทุมวัน" ยุคใด สมัยใคร จ่ายเงินซื้อเก้าอี้ ซื้อตำแหน่ง ในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ตามที่ "ทักษิณ ชินวัตร" สทร.แห่งพรรคเพื่อไทย ประกาศเสียงดังฟังชัดในระหว่างขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก

ไม่สนใจใครจะต่อว่า เสียงนกเสียงกา...ข้าไม่สนใจ

ถ้าหากเราจะบอกว่านายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 ของประเทศไทย เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีเสียงตำหนิ มีการนำเอาการพูดและการกระทำที่ไม่ถูกไม่ต้อง ไม่เหมาะไม่ควร

จาก 'น้ำตา' ถึง 'รอยยิ้ม' พระราชินี

ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา...ได้อ่านข่าวพระราชาและพระราชินีสเปน เสด็จฯ ทรงเยี่ยมเยียนผู้คนที่ประสบภัยน้ำท่วมในเมืองปอร์ตา แคว้นบาเลนเซีย