อ่านน้ำพระราชหฤหัยรัชกาลที่ 1 ในดวงเมือง(ตอนที่ 1)

ดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์ที่ถือกำเนิดจากพระราชพิธีพระนครฐาน หรือพิธีวางเสาหลักเมืองที่ ลัคนาสถิตราศีเมษธาตุไฟตามรูปนั้น คนศึกษาโหราศาสตร์สามารถอ่าน-ตีความพื้นดวงชะตาเดิมได้หลายประเด็น ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกมองแง่มุมที่จะสะกัดออกมาแบบไหน

                  โดยการสร้างเมือง-วางเสาเสาหลักเมืองนี้ย่อมหนีไม่พ้นที่จะผูกพัน-เกี่ยวข้องกับพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระผู้สถาปนาเมืองและราชวงศ์จักรีตั้งแต่เมืองถือกำเนิดไปจนกว่าจะไม่มีเมืองหรือถ้าเปรียบเทียบกับคนคือเมืองตายไป

                  เรื่องที่ทราบและเผยแพร่กันทั่วไปที่จะหยิบยกมาเขียนถึงพระองค์ท่านคือทางเลือกสองทางของดวงเมืองที่ปรากฎเผยแพร่ในโลกออนไลน์ในหัวข้อเรื่องที่ชื่อ”ตำนานเสาหลักเมือง” โดยขอสรุปตัดตอนว่า

                   เมื่อเริ่มสร้างเมืองรัตนโกสินทร์นั้นทรงให้คณะโหร-ชี-พราหม์หาฤกษ์ที่วางเสาหลักเมือง ซึ่งฤกษ์นี้เมื่อหาได้และทำตามพระราชพิธีพระนครฐานหรือวางเสาหลักเมืองแล้วถือเป็นวินาทีแรกที่เมืองจะอยู่ไปจนกว่าเมืองจะตายหรือไม่มีเมืองรัตนโกสินทร์ในโลกนี้แล้ว ซึ่งทางโหรเรียกว่าดวงกำเนิดของเมือง

                    หากเปรียบเทียบกับคนคือก็วินาทีที่อุแว๊แรกลืมตาดูโลกแล้ว สามารถนำวัน-เดือน-ปี-จังหวัด-ประเทศ-เวลาเกิดซึ่งสำคัญมากมาผูกดวงชะตา เป็นดวงชะตาเดิมหรือแผนที่ชีวิตอันจะบอกบอกลีลา-บุญ-กรรมตั้งแต่เกิดจนตายของเจ้าชะตาได้  (ขึ้นอยู่กับความรู้ของโหรแต่ละท่านที่จะอ่าน-ตีความ)

                   ตัวอย่างที่คลาสสิคที่สุดที่เล่าเป็นตำนานกันมาคือ พระยาโหราธิบดี หรือเจ้ากรมโหรสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งท่านนี้เป็นบิดาศรีปราชญ์ กวีเอกของกรุงศรีอยุธยา(พระยาโหราธิบดีมีหลายท่าน) เมื่อรู้เวลาเกิด หรือเวลาตกฝากของลูกชาย นำมาผูก-อ่านดวงชะตาแล้วท่านรู้ว่าแม้ลูกชายจะโด่งดังคับกรุงศรีฯ แต่จะตายไม่ดี

โหราศาสตร์
ภาพแสดงดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์-องศาของลัคนาและพระอาทิตย์ดวงเดิมดวงเมือง(๑)-และวิถีที่ดวงดาวโคจรตามวิถีปกติยกเว้นราหูและเกตุ

                   ในฐานะพ่อท่านได้พยายามหาทางป้องกันไว้ให้โดยขอสมเด็จพระนารายณ์มหาราชไว้ถ้าศรีปราชญ์ทำผิดขอทรงให้เนรเทศเว้นโทษประหาร แต่ในที่สุดลูกของท่านที่ถูกเนรเทศจากกรุงศรีฯก็ถูกตัดคอโดยเจ้าพระยานครฯจนได้หนีเคราะห์กรรมที่ท่านอ่านไว้ไม่พ้น

                    กลับมาที่การหาฤกษ์เกิด-กำเนิดเมืองรัตนโกสินทร์ ตำนานเสาหลักเมืองบอกว่า คณะผู้หาฤกษ์ ได้กราบบังคมแนวทางให้ร.1ทรงเลือกสองทางคือ

                     ทางที่หนึ่ง เมืองจะมีทุกข์-สุขเป็นธรรมดา แต่จะออกแนวสงบสุข เพียงแต่จะมีบางช่วงที่เมืองจะตกเป็นเมืองขึ้นต่างชาติ

                     ทางที่สอง เมืองมักจะวุ่นวาย-ทะเลาะเบาะแว้งกัน อยู่ดีๆก็จะเรื่องร้าย แต่สุดท้ายจะรอดและเมืองจะไม่เป็นเมืองขึ้นต่างชาติ

                      ย้อนกลับไปขณะที่กำลังสร้างบ้านแปงเมืองรัตนโกสินทร์นั้น คนไทยยังเพิ่งผ่านการเสียกรุงศรีอยุทธยาครั้งที่สองและเกิดความแตกแยกกันมากจากการปราบดาภิเษก อีกทั้งศึกพระเจ้าปดุง หรือสงครามเก้าทัพกำลังก่อตัว ตำนานเสาหลักเมืองบอกว่า ล้นเกส้าฯรัชกาลที่1ทรงเห็นว่าจะมีประโยชน์อะไรที่สยามจะตกเป็นเมืองขึ้นต่างชาติ จึงทรงเลือกแนวทางที่สอง คือทรงเลือกฤกษ์วางเสาหลักเมืองวันอาทิตย์ที่21 เมษายน 2325 เวลารุ่งเช้าแล้วเก้าบาทหรือ06.54. ลัคนาสถิตราศีเมษ ธาตุไฟ(ดังรูป)

                   สำหรับท่านที่ไม่เชื่อตำนานนี้อาจจะมองว่าเหลวไหล แต่ที่ผ่านมาอาถรรพ์ดวงเมืองก็แสดงให้เห็นตลอดเมื่อเหตุการณ์ใหญ่ๆคือสงครามเก้าทัพซึ่งกำลังข้าศึกมากกว่าสยามเท่าตัวแต่เมื่อคนไทยสู้เต็มที่แล้วพระเจ้าปดุงยกทัพกลับเองเพราะมีปัญหาภายใน

                        ต่อมาสมัยฝรั่งชาติตะวันตกล่าเมืองขึ้น สยามจำแขนขาดเสียดินแดน แต่ไม่เป็นเมืองขึ้นของใครเป็นชาติเดียวในภูมิภาคนี้

                       ขณะเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง ส่วนของสงครามมหาเอเชียบูรพากองทัพญี่ปุ่นบุกหลายประเทศแถบนี้สู้กันตายและเสียหายมาก ไทยยินยอมให้ผ่านทางประเทศไทย และจำต้องเข้าข้างญี่ปุ่น แต่ครั้นญี่ปุ่นแพ้สงคราม ไทยกลับชนะ

                      หลังไซ่ง่อน-เวียงจันทน์-พนมเปญแตกเป็นคอมมิวนิสต์ กองทัพเวียดนามซึ่งขณะนั้นเป็นมหาอำนาจอันดับสามของโลกประชิดชายแดนไทยเตรียมบุกถึงกรุงเทพฯเมืองเข้าที่คับขันอีกครั้ง  ครั้นต่อมาวันที่15กุมภาพันธ์2522จีนทำสงครามสั่งสอนเวียดนาม ทำให้ไทยรอดจากการถูกรุกราน เพราะเวียดนามต้องถอนกำลังจากชายแดนไทยเพื่อไปสู้รบกับจีน

                       นี่คือตัวอย่างที่พิสูจน์ทางเลือกที่ล้นเกล้าฯรัชกาลที่1ทรงเลือกแต่ต้องแลกด้วยความวุ่นวายชวนทะเลาะเบาะแว้งในภายใน แต่หากมีศัตรูก็ช่วยกันสู้แล้วกลับมาทะเลาะกันต่อ

                        ซึ่งเกณฑ์นี้อธิบายง่ายๆคือดวงเมืองรัตนโกสินทร์ถูกออกแบบให้เป็นแบบกรรไกรคลายออกหลังจากบีบเข้าหากันแล้ว พูดง่ายๆว่าวาสนาของเมืองคือหากเกิดวิกฤติคราวใดจะคลี่คลายในที่สุดและมีโอกาสดีตามมา เฉกเช่นหลังสงครามเก้าทัพราชอาณาจักรสยามแผ่ขยายไปใหญ่โตมากกว่าปัจจุบันมากมาย แต่หากเมืองนิ่งๆนานๆระวังเรื่องร้ายเกิดบีบให้ต้องสู้ต่อ

                       ตอนต่อไปจะอ่านน้ำพระราชหฤหัยของร.1ในดวงเมืองส่วนที่ว่า”พระราชสายโลหิตของพระองค์จะรับเคราะห์ร้ายก่อนเมือง”

(ยังมีต่อ)

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พรปีใหม่ 2569

จะปีนั้น-ปีนี้...ใช่ปีใหม่ แค่ เวลา เลื่อนไหลไปตามวิถี ไม่ว่า ใหม่ หรือ เก่า ก็เท่านี้ เท่าที่ สิ่งนี้-สิ่งนี้ ...จะเป็นไป

สดุดี 'ทหาร-ตำรวจ'

สัปดาห์สุดท้ายปลายปี 2568 และกำลังจะก้าวเข้าสู่ "ปีใหม่" พุทธศักราช 2569 แวดวง "กากีกะสีเขียว" ตลอดปีที่ผ่านมา มีเรื่องราวมากมายหลากหลาย โดยเฉพาะสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา

ประเทศไทยในโลกแห่งความเปลี่ยนแปลง!!!

จากที่เคยเรียกๆ กันว่า คุณพ่ออเมริกา อันเนื่องมาจากความยิ่งใหญ่ เกรียงไกร ระดับสามารถ สั่งหันซ้าย-หันขวา ใครต่อใครมาทั่วทั้งโลก แม้แต่ประเทศไทยแลนด์

ถึงคิว 'ปอยเปต'

สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)