ตัวถ่วงน่ารำคาญ

ดูเหมือนไม่มีอะไร

แต่ช่วงเวลาสองสามวันมานี้ มีความเคลื่อนไหวด้านความมั่นคงระหว่างประเทศในไทย และความเคลื่อนไหวทางการเมืองไทย คึกคักทีเดียว

๑๙ พฤศจิกายน "เดวิด เอส. โคเฮน" รองผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลาง สหรัฐอเมริกา (CIA) เข้าพบ นายกฯ ประยุทธ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล

ใช้เวลาคุยกัน ๔๕ นาที

จบแล้วไม่มีการแถลงข่าว ไม่มีใครรู้ว่า ข้อหารือคืออะไร

พวกเหม็นขี้หน้าลุงตู่ เอาไปด่าในโซเชียลกันยกใหญ่

ว่ามีพิรุธ

วิเคราะห์กันไปไกลถึงขั้นว่า "เดวิด เอส. โคเฮน" เบอร์ใหญ่ อนาคตเป็น ผอ.ซีไอเอแหงๆ เดินทางมาถกเรื่องลับ ที่รัฐบาลไทยต้องการปกปิดชาวโลก

นั่งทางในแล้วสรุปว่า เป็นความลับที่รัฐบาลไทยทำให้ประชาชนเสียประโยชน์ ฉะนั้นในเมื่อประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดิน จะต้องได้รับรู้ด้วย

ครับ...ซีไอเอ เขามีหน้าที่ รวบรวม ประมวล และวิเคราะห์ข้อมูลข่าวสารด้านความมั่นคงแห่งชาติจากทั่วโลก ส่งไปให้รัฐบาลกลางสหรัฐฯ

ระดับรอง ผอ.ซีไอเอ เข้าพบนายกฯ ไทย ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยตัวสถานที่ ถือว่าเป็นการพบปะพูดคุยอย่างเป็นทางการ ไม่ได้ปกปิดไปแอบคุยกันในที่ลับตาคน

การไม่แถลงข้อหารือ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

เพราะชื่อ "ซีไอเอ" ก็บอกอยู่แล้วว่า ไปไหนมาไหน ไม่จำเป็นต้องประกาศให้คนทั้งโลกได้รับรู้

และข้อหารือของ "ซีไอเอ" โดยส่วนใหญ่ แทบไม่มีการแถลงข่าว   

โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับความมั่นคงในภูมิภาคด้วยแล้ว หารือเสร็จคือเหยียบ เพราะพูดไปมีแต่กระทบกับรัฐบาลประเทศอื่น

ปากสว่างไป ได้ไม่คุ้มเสีย

"เดวิด เอส. โคเฮน" เคยดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง สหรัฐฯ รับผิดชอบการต่อต้านแหล่งเงินทุนกลุ่มก่อการร้าย ยุครัฐบาล ประธานาธิบดี บารัค โอบามา

ถ้าวิเคราะห์ตามความเชี่ยวชาญ ก็มีความเป็นไปได้ว่า อาจมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านก่อการร้ายข้ามชาติระหว่างกัน

แต่ถึงแม้ไม่มีการแถลงข่าวจากทั้ง ลุงตู่ และ รอง ผอ.ซีไอเอ ก็มีรายงานข่าวถึงผลการหารือให้ทราบเป็นน้ำจิ้มเช่นกัน

 เป็นการหารือถึงประเด็นเสถียรภาพในภูมิภาค

การเชื่อมโยงกันในด้านเศรษฐกิจ

ความร่วมมือทางการทหาร และความมั่นคง

รวมถึงสถานการณ์ในเมียนมา เกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือในด้านมนุษยธรรม เนื่องจากไทยและเมียนมามีชายแดนติดต่อกัน

มันก็เชื่อมโยงจากการเดินทางไปเมียนมาของ "ดอน ปรมัตถ์วินัย"  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๔  พฤศจิกายน ที่ผ่านมา

เป็นการเข้าพบหารือกับ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง ลาย

พร้อมกับนำความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เป็นสิ่งของ ๑๗ ตัน

แต่ดูเหมือนขบวนการจับผิด จับแพะชนแกะ ทำขาวให้เป็นดำได้ทุกเรื่อง

ก่อนอื่นต้องเข้าใจนะครับว่า สัปดาห์ที่แล้ว ไม่ใช่ไทยประเทศเดียวที่พยายามหาทางคุยกับเมียนมา

จีนส่ง "ซุ่น กั๊วะเซียง" ทูตพิเศษด้านกิจการอาเซียน โดยไม่มีการแจ้งต่อสื่อมวลชน

และเป็นการเดินทางมาเมียนมาเป็นครั้งที่ ๒ ของ "ซุ่น" นับตั้งแต่พลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย ก่อรัฐประหารยึดอำนาจเมื่อ ๑ กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

นักวิเคราะห์การเมืองระหว่างประเทศเขาไปวิแคะแกะเกา ได้ประเด็นมาว่า น่าจะเป็นการเรียกร้องให้รัฐบาลทหารเมียนมาทำตามฉันทามติ ๕ ประการ ที่อาเซียนได้ร่วมกันยื่นข้อเสนอหาทางออกสถานการณ์ความรุนแรงในเมียนมา

ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นส่ง "โยเฮอิ ซาซาคาวะ" ทูตพิเศษเพื่อความปรองดองในเมียนมา เข้าพบพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย

ข้อหารือคือ กระบวนการสันติภาพในเมียนมา และการให้ความช่วยเหลือของญี่ปุ่นต่อเมียนมา

แต่มีอดีตทูตไทย ได้ดียุครัฐบาลโกงเมือง มโนเอาแล้วด่าเป็นฉากๆ  รัฐบาลลุงตู่ทำลับๆ ล่อๆ ใช้คนระดับรัฐมนตรีไปเจรจากับเมียนมา แถมยังเอาวัคซีนโควิด-๑๙ ไปให้ด้วย

เป็นที่รู้กันครับ เมียนมาปกปิดจำนวนผู้ป่วยโควิด-๑๙ ขณะเดียวกันสถานการณ์วัคซีนในไทย เราพอมีของเจียดไปให้เมียนมาได้

โควิด-๑๙ ไม่มีพรมแดน

แรงงานเมียนมาทะลักเข้าไทยแบบผิดกฎหมายแทบทุกวัน

การบริจาควัคซีนให้เมียนมาในช่วงนี้ จึงเป็นเรื่องสมเหตุสมผล

ที่สำคัญไทยมีความจำเป็นต้องเข้าหาเมียนมา มากกว่าประเทศอื่นในอาเซียน เพราะเรามีพรมแดนติดกับเมียนมาถึง ๒,๔๐๑ กิโลเมตร

อะไรที่เกิดในเมียนมาจึงกระทบกับไทยเร็วกว่า มากกว่า

ฉะนั้นเลิกเถอะครับ เห็นใบไม้ไหว ตะโกนร้องว่าผีหลอก แล้ววิ่งหนีชนกันหัวร้างข้างแตก

"ดอน ปรมัตถ์วินัย" เข้าพบ "พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย"         แล้ว รอง ผอ.ซีไอเอเข้าพบ "ลุงตู่" ล้วนมีความสัมพันธ์กัน  

รวมทั้งเป็นธรรมเนียมหลังเปลี่ยนตัวประธานาธิบดี ระดับบิ๊กในซีไอเอของรัฐบาลใหม่สหรัฐฯ ต้องเข้าพบผู้นำไทย

เจตนาของคนเหม็นขี้หน้าลุงตู่ ผ่านสื่อสำนักโอ๊กอ๊าก จึงมีอยู่เรื่องเดียวคือ จงใจดิสเครดิตรัฐบาลทุกเรื่องโดยไม่สนใจข้อเท็จจริง

พูดถึง โอ๊กอ๊าก พานนึกย้อนไปปี ๒๕๔๗ ตอนที่ "เด๋อ ดอกสะเดา" สร้างหนังตั้งชื่อเรื่อง "ยอดชายนายโอ๊กอ๊าก" 

"สายัณห์ ดอกสะเดา" รับบทเป็น "โอ๊กอ๊าก" ลูกชายของ "เจ้าสัวรักสิน"

มีดาราหน้าเหมือน เป็นนักการเมืองจากรายการสภาโจ๊ก ร่วมแสดงด้วย

ผลปรากฏว่า "ทักษิณ" ตอนนั้นเป็นนายกฯ อำนาจล้นฟ้า เพราะรัฐธรรมนูญ ๒๕๔๐ สร้างขึ้นมาแล้วตรวจสอบไม่ได้ เกิดความไม่พอใจอย่างแรง

สื่อตีข่าวกันครึกโครมว่า "ทักษิณ" ไม่พอใจ กับชื่อหนัง เพราะเหมือนล้อเลียน "โอ๊ค" พานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน

ผู้บังคับการตำรวจสันติบาลในขณะนั้้นเก้าอี้ร้อน จนต้องบี้ "เด๋อ  ดอกสะเดา" ถ้าอยากฉาย ให้ตัดบางฉากของหนังออกไป

ที่สำคัญต้องเปลี่ยนชื่อหนังด้วย

จาก "ยอดชายนายโอ๊กอ๊าก" 

กลายเป็น "โว๊กว๊าก"

นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในรัฐบาล ที่พรรคเพื่อไทยบอกว่า เป็นฝ่ายประชาธิปไตย

พาคุยเพลิน จากรอง ผอ.ซีไอเอ มาลงที่ "โอ๊กอ๊าก" ซะงั้น

ครับ...หน่วยข่าวกรองสองสลึงให้จับตา หลังจากนี้จะมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากอเมริกามาไทยอีก เพราะช่วงนี้ไทยเริ่มเนื้อหอม จากการเป็นหัวหมู่ทะลวงฟันพาชาติอาเซียนเปิดประเทศ

เริ่มสตาร์ทเศรษฐกิจหลังพิษโควิด ใครเข้ามาก่อนคนนั้นได้เปรียบ

โลกไปไกลแล้วครับ การเมืองที่เล่นกันแบบเด็กเล่นขายของก็ควรเพลาๆ ลงบ้าง

เพราะมันเป็นตัวถ่วง น่ารำคาญ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทลายทุนผูกขาด

ชื่นใจ... ชื่นใจในความรวยของเศรษฐีไทยครับ วารสารการเงินธนาคาร ร่วมกับ อาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยติดต่อกันปีนี้เป็นปีที่ ๓๑ แล้วครับ

นายกฯ ฝึกงาน

ขยี้ตาสิบที... แถลงผลงานในรอบ ๓ เดือนแน่นะ "อิ๊งค์" ไปดูอีกทีกับการแถลงข่าววานนี้ (๑๒ ธันวาคม)

ชะตากรรม 'นายกฯ ชินวัตร'

วันนี้ (๑๒ ธันวาคม) นายกฯ อิ๊งค์ แถลงผลงาน อยากรู้ว่าผลงานมีอะไรบ้าง เชิญเฝ้าหน้าจอสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที หรือช่อง ๑๑ นั่นแหละครับ

ง่ายๆ แค่เลิกโกง

อาจถึงขั้นเปลี่ยนขั้วตั้งรัฐบาลกันเลยทีเดียวครับ... หากพรรคเพื่อไทย จะเอาให้ได้ กับร่างแก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ด้วยการจับยัดเข้าสภาฯ ก็สามารถยึดอำนาจกองทัพได้สำเร็จครับ