หลักประกันแห่งอนาคต!!!

ไปยืนตากลม ชมดอกไม้ แถวๆ ชายทะเลจังหวัดกระบี่ แบบสีหน้า-สีตาผ่องใส มีน้ำ-มีนวลเอามากๆ คล้ายๆ คนที่เห็นทางโล่ง ทางโปร่ง ทางที่จะไหลลื่นไปสู่อนาคตเบื้องหน้า ชนิดแทบไม่ได้มีอุปสรรค ขัดขวางใดๆ ต่อไปอีกแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ยาวว์ว์ว์ต่อไปให้ครบเทอม ครบ 2 ปี หรือจะลากถูลู่ถูกังต่อไปอีก 4 ปี เป็น 6 ปี ไปจนถึงยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีเอาเลยก็ไม่แน่!!!

                                                                  --------------------------------------------

แต่ก็นั่นแหละ...โดย กฎเหล็ก หรือ กฎเกณฑ์แห่งธรรมชาติ ที่ไม่มีข้อยกเว้นต่อผู้หนึ่ง-ผู้ใด สรรพสิ่งหนึ่ง-สรรพสิ่งใด ก็ได้ระบุไว้อย่างชัดเจน ว่าอะไรก็ตามที่ เกิดขึ้น และ ตั้งอยู่ ย่อมต้องมีอัน ดับไป หรือเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพ ดังนั้นการที่สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก องค์ปัจจุบัน ท่านทรงนำมาถอดความ แปลความ แล้วถ่ายทอดเป็น สติ ให้กับคณะรัฐมนตรีตั้งแต่เริ่มแรก ประมาณว่า... มีลาภ-เสื่อมลาภ, มียศ-เสื่อมยศ ฯลฯ อะไรทำนองนั้น จึงถือเป็นเรื่องที่สาธุชน วิญญูชน พึงต้อง เข้าถึง-เข้าใจ เอาไว้แต่แรก ต้องปรับตัว ปรับใจ และ ทำใจ ต่อการขึ้นๆ-ลงๆ การเกิด-การดับ เพื่อให้เกิดความสอดคล้อง เหมาะสม กับความเป็นไปทางธรรมชาติ อันเป็นสิ่งที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้เลย...

                                                                  --------------------------------------------------

แต่อะไรคือความสอดคล้อง เหมาะสม คือความไม่ขัดแย้งกับความเป็นไปทางธรรมชาตินี่สิ!!! มันออกจะเป็นอะไรที่ตอบยาก หาคำจำกัดความยากซ์ซ์ซ์เอามากๆ จะหมายถึงอีก 2 ปี 6 ปี หรืออีก 20 ปีข้างหน้า ค่อนข้างพูดลำบาก...เพราะไม่ว่าจะแก่แสนแก่ แต่ถ้าหากยังคงมีไฟอยู่ซะอย่าง โอกาสที่จะนำไปสู่ลักษณะอาการแบบ ผม...พอแล้ว คงเป็นไปได้น้อยเอามากๆ มีแต่ต้องเร่งหันมา ลงพื้นที่ จัดทัพ จัดขบวนพยุหยาตรา วางหมาก วางเกม วางเส้น วางสาย เอาไว้รองรับสิ่งใดๆ ก็ตาม ที่คาดว่าอาจอุบัติขึ้นมาภายในอนาคตเบื้องหน้า....

                                                                      -------------------------------------------------

โดยถ้าหากสิ่งที่คาดๆ เดาๆ เอาไว้ก่อนล่วงหน้า...มันเป็นไปตามนั้น แบบนั้น ไม่ได้หนีไปจากสิ่งที่ฟันธง ฟันเฟิร์ม ไว้แล้วมากมายเกินไปนัก ก็ต้องถือว่า...สบายไป!!! เพราะย่อมอยู่ในวิสัยที่จะเด้งเชือก ฉากหลบ มุดจั๊กกะแร้ฝ่ายตรงกันข้าม ออกมาเต้นย็อกๆ แย็กๆ กลางเวทีได้เช่นเดิม เหมียนเดิมม์ม์ม์ แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ...อะไรก็ตามที่จะอุบัติขึ้นมาในวันหน้า ในวันพรุ่งนี้ มะรืนนี้ โดยส่วนใหญ่แล้ว...ย่อมเป็นอะไรที่ยากจะสรุปให้ชัดเจนไปในทุกเรื่อง ทุกๆ กรณีไป พูดๆ ง่ายว่า...แทบไม่มีใครในโลกนี้ หรือองค์กรใดๆ ในโลกนี้ ที่จะสามารถทำนาย ทายทัก สิ่งที่จะอุบัติขึ้นมาในวันหน้า วันใหม่ ได้อย่างถูกต้องแบบเป๊ะๆๆ ในทุกๆ นาที ทุกๆ วินาที แม้แต่ระดับ หมอลักษณ์ ฟันธง ก็เถอะ...

                                                                     ---------------------------------------------------

ดังนั้น...โอกาสพลาด โอกาสพลั้ง แบบประเภทสี่ตีนยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง ชนิดไม่ว่าใครก็ตามที่มีแค่สองตีนโด่เด่แบบปุถุชนคนธรรมดาโดยทั่วไป โอกาสที่จะ ตกม้าตาย หรือ ไม้จิ้มฟันแทงเหงือกดันเสือกตาย ก็ใช่ว่าจะไม่มีเอาเสียเลย เพียงแต่เมื่อไหร่? ตอนไหน?? และอย่างไร??? เท่านั้นเอง การอยู่ยาวว์ว์ว์ในแต่ละวัน แต่ละเดือน แต่ละปี หรืออีกกี่ปีต่อกี่ปีก็แล้วแต่ ก็จึงไม่ต่างไปจากการช่วยเพิ่มจำนวนและปริมาณแห่ง ความเป็นไปได้ ในการตกม้าตาย ไม้จิ้มฟันแทงเหงือกดันเสือกตาย รวมไปถึงการตายในลักษณะต่างๆ ให้สูงขึ้นๆ หรือเป็นไปได้เพิ่มขึ้นและเพิ่มขึ้น นั่นเอง...

                                                                         ------------------------------------------------

และอย่างที่ว่าเอาไว้แล้วว่า...การ ตาย ของท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ไม่ว่าจะในลักษณะไหนก็เถอะ มันออกจะเกี่ยวพัน พัวพันเชื่อมโยง กับความเป็น-ความตาย ของชาติบ้านเมือง อย่างแยกออกจากกันและกันได้ยากลำบากยิ่งเข้าไปทุกที หรือมันถูกทำให้นุงนัง นัวเนีย ยิ่งกว่าหนวดแขกพันกับฝอยขัดหม้อยิ่งขึ้นเรื่อยๆ อันนี้นี่แหละ...ที่มันเลยน่าห่วง น่าโหวงเหวง ไปจนถึงน่าหวังเหวิด อย่างมิอาจปฏิเสธได้เลย โดยเฉพาะเมื่อมองถึงความเป็นไปของโลก ของธรรมชาติ ที่ออกจะซับซ้อน พิสดาร ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นอะไรที่แทบคาดเดาไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นสภาพการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ไปจนแม้แต่สภาพอากาศเอาเลยก็ตาม...

                                                                           -------------------------------------------------

ด้วยเหตุนี้....คงไม่น่าจะถูกเรื่องมากมายซักเท่าไหร่ ถ้ายังมัวแต่ไปคิดมาก คิดเล็ก-คิดน้อย ต่อการอยู่-การไปของ บิ๊กตู่ ว่าจะยาวว์ว์ว์ไปถึงขั้นไหน หรือสั้นจุ๊ดจู๋ไปถึงระดับไหน สู้หันมาทำใจ ปรับตัว ปรับใจ หาทางร่วมกันสร้างสิ่งที่พอก่อให้เกิด หลักประกัน ยิ่งไปกว่านั้น โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยตัวบุคคล ปัจเจกบุคคล อันเป็นสิ่งที่ยากจะหาความสมบูรณ์แบบได้ครบถ้วนเอาจริงๆ โดยเฉพาะสิ่งที่เรียกๆ กันว่า เครือข่ายป้องกันทางสังคม นั่นแล ที่ยังคงชำแรก แทรกซึม อยู่ในพื้นฐานทางวัฒนธรรม ประเพณี ค่านิยมทางสังคม ไปจนถึง ศาสนา อันนี้นี่แหละ...ที่ชัวร์กว่า มั่นใจได้มากกว่า แถมไม่ต้องเสียเวลาครั่นเนื้อ ครั่นตัว เวลาเห็น บิ๊กตู่ โพสท่า ฮัลโล ไม่ว่าวันใดต่อวันใดก็ตามที...

                                                                              ---------------------------------------------

ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้จาก Madeleine L’ Engle... “Truth is eternal, knowledge is changeable. It is disastrous to confuse them. – ความจริงเป็นนิรันดร์ ส่วนความรู้นั้นเปลี่ยนแปลงได้ ความสับสนในสองเรื่องนี้เป็นบ่อเกิดแห่งหายนะ...”.

                                                                               --------------------------------------------------