ไฮไลต์สำคัญทางการเมืองของวันจันทร์ที่ 9 มกราคม ก็คือการที่พรรครวมไทยสร้างชาติจะทำการเปิดตัวต้อนรับ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในการสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างที่ห้อง Exhibition Hall 1 ชั้น G ภายใต้ชื่องาน “รวมใจ รวมไทยสร้างชาติ”พบว่า ทางพรรคให้การจัดงานออกมาในช่วงเย็น หลังเวลาราชการ เพื่อที่จะได้ทำให้ ไม่เกิดปัญหาขึ้นในภายหลังในเรื่องการจะไปมีคนไปร้องเรียนต่อกกต.ว่า ใช้เวลราชการไปทำกิจกรรมหาเสียงทางการเมือง เบื้องต้นงานวันจันทร์ที่ 9 มกราคม จะมีปฏิทินการเมืองดังนี้ 16.50-17.15 น. จะมีการเสวนา "ภาษาไตรรงค์" โดยไตรรงค์ สุวรรณคีรี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี จากนั้นเวลา 17.30 น. จะเริ่มเข้าสู่ช่วงไฮไลต์ของงาน มีการเปิดวีดิทัศน์ของพรรค พร้อมกับการเปิดตัวสมาชิกพรรค คนรุ่นใหม่ คนรุ่นใหญ่ และพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค จะได้กล่าวถึงแนวคิดและจุดยืนของพรรค ส่วน "บิ๊กตู่” จะขึ้นเวทีในเวลา 18.00 น. เพื่อกล่าวถึง Mission และทิศทางก้าวต่อไปเพื่อคนไทยทั้งชาติ Kick off Moment รวมใจ รวมไทยสร้างชาติ โดยผู้บริหารพรรค ก่อนถ่ายภาพร่วมกันทางการเมือง... ...
อย่างไรก็ตาม ก็มีกระแสข่าวทางการเมืองว่า ให้จับตากันในช่วงก่อนการเลือกตั้ง ที่กลุ่มการเมือง-นักการเมืองต่างๆ จะไปร่วมงานกับพรรค รวมไทยสร้างชาติ เพราะข่าวว่า อย่างกลุ่ม ส.ส.พลังประชารัฐ ที่จะไปที่ รทสช.ก็ต้องการผลักดันให้ “สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน” ที่จะไปเป็นกำลังหลักให้บิ๊กตู่ที่รวมไทยสร้างชาติ ได้มีตำแหน่งการเมืองสำคัญในพรรคคือ "เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ” แต่มีข่าวว่าแกนนำพรรค รทสช.สายก่อตั้งพรรค ยังต้องการให้ ขิง-เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ นั่งเป็นเลขาธิการพรรคต่อไป ส่วนการปรับเปลี่ยน ควรทำหลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้งจะดีกว่า และอาจเสนอให้สุชาติเป็นรองหัวหน้าพรรค รทสช.ในการประชุมใหญ่พรรคก่อนการเลือกตั้ง ควบคู่กับตำแหน่ง ผอ.เลือกตั้งพรรค รทสช. หรือประธานคณะกรรมการเตรียมการเลือกตั้งของพรรค รทสช. หรือประธานคณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค รทสช. ที่กลุ่มพีระพันธุ์ ดังนั้นก็ต้องดูกันว่า ผลจะออกมาเป็นอย่างไร แต่คาดว่าสุชาติ ที่ตอนนี้ถือว่าเติบโตขึ้นมาเป็นรุ่นใหญ่ทางการเมืองอย่างรวดเร็ว คงไม่คิดเรื่องตำแหน่งในพรรคอะไรมาก เพราะงานหลักที่ออกมาร่วมหัวจมท้ายกับ รทสช. ก็คือการทำให้พรรคได้ ส.ส.เข้าสภามากที่สุด และทำให้พรรคมีโอกาสเป็นพรรคร่วมรัฐบาล แค่นี้สุชาติก็น่าจะพอใจแล้ว และยิ่งหากหลังเลือกตั้งบิ๊กตู่มีโอกาสกลับมาคั่วเก้าอี้นายกฯ อีกรอบ และตัวสุชาติได้เป็นรัฐมนตรี ก็ถือว่าทุกอย่างเข้าเป้าแล้วสำหรับเสี่ยเฮ้ง-สุชาติ ชมกลิ่น นักการเมืองสไตล์ใจถึงพึ่งได้.....
ขณะเดียวกันระหว่างที่พรรคการเมือง-นักเลือกตั้งทั้งหลายกำลังเตรียมเข้าสู่สนามเลือกตั้ง แต่สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ จุดสำคัญคือ ต้องมีการโปรดเกล้าฯ พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส.และ พ.ร.บ.พรรคการเมือง ออกมาก่อน รวมถึงต้องให้ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประกาศ "แบ่งเขตเลือกตั้ง” ทั่วประเทศ 400 เขต ออกมาอย่างเป็นทางการ หลังเมื่อต้นปีที่ผ่านมา กระทรวงมหาดไทยได้ส่งตัวเลข จำนวนประชากรทั่วประเทศ สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 ไปให้ กกต.เรียบร้อยแล้ว โดยปรากฏว่าเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการเผยแพร่เอกสารตารางคำนวณ ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติ่ม (ฉบับที่ 1) พ.ศ.2565 เรียงตามเศษราษฎรที่มากสุด ข้อมูลราษฎร ณ วันที่ 31 ธ.ค.2565 โดยอ้างว่าเอกสารดังกล่าวมาจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยมีการแบ่งจำนวน ส.ส. 400 เขต จากฐานประชากร 66,090,475 คน จำนวนประชากรเฉลี่ย 165,226 คน ต่อ ส.ส. 1 ที่นั่ง
...เบื้องต้นการแบ่งเขตเลือกตั้งตามฐานจำนวนประชากรออกมาดังนี้ กทม. ประชากร 5,494,932 คน ส.ส. 33 ที่นั่ง โดยเพิ่มจากตอนเลือกตั้งปี 2562 มา 3 เก้าอี้ ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบด้วย จ.นครราชสีมา ประชากร 2,630,058 คน ส.ส. 16 ที่นั่ง จ.ขอนแก่น มีประชากร 1,784,641 คน ส.ส. 11 ที่นั่ง จ.อุบลราชธานี มีประชากร 1,869,806 คน ส.ส. 11 ที่นั่ง จ.บุรีรัมย์ มีประชากร 1,576,915 คน ส.ส.10 ที่นั่ง จ.ศรีสะเกษ ประชากร 1,454,730 คน ส.ส. 9 ที่นั่ง จ.อุดรธานี ประชากร 1,563,048 คน ส.ส. 9 ที่นั่ง ส่วนภาคเหนือ ประกอบด้วย จ.เชียงใหม่ มีประชากร 1,792,474 คน ส.ส.11 ที่นั่ง จ.เชียงราย ประชากร 1,299,636 คน ส.ส. 8 ที่นั่ง จ.ลำปาง ประชากร 718,790 คน ส.ส. 4 ที่นั่ง จ.ตาก ประชากร 684,140 คน ส.ส. 4 ที่นั่ง จ.น่าน ประชากร 474,539 คน ส.ส. 3 ที่นั่ง เป็นต้น ...จับสัญญาณได้ว่า กกต.พร้อมเต็มอัตราศึกสำหรับเลือกตั้ง ท่ามกลางกระแสข่าวน่าจะมีการยุบสภาเกิดขึ้นช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้.
หินกลิ้ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
ยกมือเห็นด้วยกับฝ่ายค้านว่า แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ควรไปปรามบิดา “ทักษิณ ชินวัตร” เสียบ้าง หลังออกมาโชว์กร่างพรรคร่วมรัฐบาล ผ่านการสัมมนาพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
บันทึกหน้า 4
วันนี้เห็นข่าว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ดีอกดีใจกับ อันดับที่ 29 สตรีผู้ทรงอิทธิพลโลก จากจำนวน 100 คนทั่วโลก ของนิตยสาร Forbes ก็ให้รู้สึกอึนๆ มึนๆ เหมือนอากาศขมุกขมัวสลัวในกรุงเทพมหานคร ก็เพราะไม่แน่ใจว่า ในฐานะพลเมืองไทยแล้ว ควรจะจำนนกับสถานการณ์ ณ ปัจจุบันแล้วยินดีปรีดา หรือว่าปลงๆ เสียเถิดจะเกิดผล!!
บันทึกหน้า 4
ถึงกับว้าว! "อิ๊งค์" ทอล์กโชว์ อลังการงานสร้าง เวทีใหญ่สวยงาม จัดเต็มแสงสีเสียง ยกเว้นเรื่องเดียว "สาระ" เนื้อหาผลงาน 90 วัน รัฐบาลแพทองธาร
บันทึกหน้า 4
ต้องเรียกว่าตีปี๊บกันอย่างยิ่งกับการแถลงผลงาน 90 วัน พร้อมสานฝันอนาคตในธีม “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง” ที่ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีจะเป็นคีย์แมนหลัก โดยถ่ายทอดสดผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) ในวันพฤหัสบดีที่ 12 ธ.ค.นี้
บันทึกหน้า 4
วันอังคารที่ 10 ธันวาคม ตรงกับ วันรัฐธรรมนูญ เป็นวันหยุดราชการ การประชุม ครม.จึงเลื่อนไปเป็นวันพุธ หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2475 ถึงปัจจุบัน มีรัฐธรรมนูญแล้ว 20 ฉบับ มีรัฐประหารถึง 13 ครั้ง
บันทึกหน้า 4
” จับตาว่า ม็อบจะจุดติดหรือไม่ หลัง สนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรฯ ยื่นหนังสือถึงนายกฯ จำนวน 6 ข้อ เพื่อยกเลิกเอ็มโอยู 44 รวมถึงยังยื่นข้อเรียกร้องดังกล่าวต่อสมาชิกรัฐสภา