ถนนของชาวเซาเปาโล

São Paulo มีคนไทยบางคนออกเสียงเพี้ยนเป็น “เซ้า เปาโล” การออกเสียงที่ถูกต้องในภาษาโปรตุเกสคือ “ซัง เปาลู” แต่คนที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักจะออกเสียง “เซา เปาโล” ในที่นี้ผมขอใช้ “เซาเปาโล”

เซาเปาโลตั้งตามชื่อของ “นับบุญเปาโลอัครทูต” เป็นทั้งชื่อรัฐและชื่อเมืองหลวงของรัฐ เซาเปาโลเป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดในบราซิล ประมาณ 46 ล้านคน และเมืองหลวงคือ “นครเซาเปาโล” มีประมาณ 22 ล้านคน ถือเป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 4 ของโลก เป็นรองอันดับ 1 โตเกียว อันดับ 2 เดลี และอันดับ 3 เซี่ยงไฮ้ แต่เมืองหลวงของบราซิลกลับเป็น “กรุงบราซิเลีย” และเมืองที่มีชื่อเสียงและนักท่องเที่ยวไปเยือนมากที่สุดคือ “นครรีโอเดจาเนโร” ทว่าเซาเปาโลก็ยังเป็นเมืองที่มีขนาดเศรษฐกิจหรือจีดีพีใหญ่สุดในบราซิล

Avenida Paulista ถนนสายสำคัญที่สุดของนครเซาเปาโล

            “เปาลิสตาโน” (Paulistano) คือชื่อเรียกชาวนครเซาเปาโล และ “เปาลิสตา” (Paulista) คือนามเรียกขานของพลเมืองทั้งรัฐเซาเปาโล อย่างไรก็ตามถนนสายที่สำคัญที่สุดของนครเซาเปาโลเป็นชื่อเดียวกับผู้คนประจำรัฐ นั่นก็คือ “ถนนเปาลิสตา” (Avenida Paulista) ทอดยาว 2.8 กิโลเมตรในทิศทางตะวันตกเฉียงเหนือ-ตะวันออกเฉียงใต้ เป็นถนนของย่านธุรกิจ องค์กรทางวัฒนธรรม สถานศึกษาที่มีชื่อเสียง เวทีการประท้วง การเคลื่อนไหวทางการเมือง และช่วงเดือนมิถุนายนของทุกปีจะถูกใช้เป็นสถานที่จัดพาเหรดเกย์ไพรด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีผู้เข้าร่วมงานระหว่าง 3 – 5 ล้านคน  

หนึ่งในมุมโชว์ความสามารถบนถนนเปาลิสตา

            ผมเดินจากตรอกมนุษย์ค้างคาว (Beco do Batman) ในย่าน Vila Madalena ไปนั่งรถไฟใต้ดินสายสีเขียวจากต้นสายฝั่งตะวันตกที่สถานี Vila Madalena โดยสารไป 4 สถานี ถึงสถานี Trinom-MASP โผล่ขึ้นจากใต้ดินสู่ถนนเปาลิสตา ถนนมีฝั่งละ 4 ช่องจราจร แถวแนวของตึกสูงขนาบทั้งสองฝั่ง วันอาทิตย์เวลาบ่ายเช่นนี้ห้ามรถราวิ่ง มีแต่จักรยานและคนเดิน

คาวบอยระบำในสไตล์ Country Line Dance มีอาคารโรงละคร Gazeta เป็นแบ็กกราวน์

            เสียงเพลงของศิลปินดูโอ Os Barões da Pisadinha ดังมาให้ได้ยินทันที แต่เป็นเสียงของนักร้องออกแนวๆ ศิลปินเปิดหมวกแต่ไม่เห็นมีหมวกหรือภาชนะใดสำหรับรับเงินบริจาค เจ้าของเสียงร้องมีบุคลิกและหน้าตาดี เขาใช้ไมโครโฟนเสียบเครื่องขยายเสียง ร้องโดยมีเสียงดนตรีแบ็คกิงแทรค ร้องไปด้วยเต้นไปด้วย ไม่เฉพาะนักร้อง คนดูบางคนนอกจากใช้มือถือถ่ายวีดิโอแล้วก็เต้นไปด้วยเช่นกัน สร้างบรรยากาศครื้นเครงคึกคักให้กับโซนนี้ของถนนเปาลิสตา ชายคนหนึ่งน่าจะเป็นคนไร้บ้าน สวมเสื้อผ้ามอซอ แต่มีเบียร์ดื่มและออกสเต็ปได้สนุกสนานกว่าใคร

วณิพกหนุ่มร้องเพลงของ Os Barões da Pisadinha หลายเพลงติดต่อกัน เขาคงนิยมชมชอบวงของพี่น้องตระกูล Barão คือ Rodrigo Barão และ Felipe Barão เป็นพิเศษ หรือไม่ก็คงเพราะว่าเป็นศิลปินเพลงที่กำลังฮิตที่สุดในบราซิลยามนี้ ว่ากันว่าโด่งดังเป็นพลุแตกก็เพราะ “เนย์มาร์ จูเนียร์” ยอดนักเตะทีมชาติบราซิลเต้นเพลง Tá Rocheda ของศิลปินกลุ่มนี้แล้วโพสต์ลงอินสตาแกรม ซึ่งปัจจุบันเนย์มาร์มียอดผู้ติดตามทางอินสตาแกรมถึง 200 ล้านคน  

คาวบอยและคาวเกิร์ลแห่งนครเซาเปาโลรวมตัวทำกิจกรรมที่เรียกคนดูได้มากกว่ากลุ่มใดๆ

ผมเคยเล่าไปครั้งหนึ่งตอนที่ล่องเรือโดยสารในแม่น้ำแอมะซอนเป็นเวลา 4 วัน 3 คืนว่าได้ยินเพลงของ Os Barões da Pisadinha นับครั้งไม่ถ้วนจนเรียกได้ว่าเอียน แต่เวลาผ่านไป 3 เดือน พอกลับมาบราซิลและได้ยินเพลงของพวกเขาอีกครั้งตั้งแต่เมื่อคืนก่อนในบาร์ย่าน Faria Lima รู้สึกว่าดนตรีมีเสน่ห์และเพราะขึ้นอย่างน่าประหลาด และบ่ายวันนี้ก็ฟังไพเราะขึ้นไปอีก กลายเป็นชอบไปเสียอย่างนั้น และจากนี้ไปก็คงต้องหามาฟัง นานๆ ครั้ง ไม่ถี่ยิบเหมือนตอนอยู่บนเรือโดยสารเส้นทางตาบาติงกา-มาเนาส์  

เอกชนของมีส่วนร่วมในการปิดถนนเพื่อนันทนาการ

จากลานดนตรีขนาดย่อมนี้ผมเดินต่อไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ มีลานเล็กๆ อีกหลายจุดบนผิวจราจร ตั้งแต่ลานแสดงมายากลไปจนถึงลานดนตรีของกลุ่มความหลากหลายทางเพศสภาพ ต้องไม่ลืมว่าเซาเปาโลคือเมืองหลวง LGBTQ2S+ ของบราซิล ส่วนร้านค้าชั่วคราวส่วนใหญ่อยู่บนบาทวิถี ขายของหลากหลายตั้งแต่เสื้อผ้า เครื่องประดับ ต้นไม้ แผ่นเสียง ไปจนถึงเบียร์คราฟต์

มุมสนุกของเด็กๆ ก็มีนะ

ชายจรจัดคนหนึ่งถือถุงใบใหญ่ หยิบขวดน้ำพลาสติกจากถังขยะ เห็นมีน้ำเหลืออยู่ก็ดื่มจนหมด บีบขวดแล้วยัดใส่ถุง จากนั้นเดินไปประจำการที่หน้าร้านสะดวกซื้อ ผมนึกขึ้นได้ว่ามีกล้วย 2 ใบอยู่ในเป้ เดินตามชายคนนี้ไปแล้วยื่นกล้วยให้ เขารับไว้แล้วยกมือไหว้ สาบานว่ายกมือไหว้จริงๆ ผมรู้จักคำในภาษาโปรตุเกสไม่เกิน 10 คำ จึงกล่าวออกไปเป็นภาษาสเปนว่า Suerte หมายถึง “โชคดี” หวังว่าเขาจะเข้าใจ

เดินต่อไปอีกหน่อยได้ยินเสียงเพลงคันทรีแว่วมา พอเดินไปใกล้ๆ เห็นกลุ่มคนแต่งกายแบบคาวบอยกำลังเต้นรำกันบนถนนอย่างเป็นระบบระเบียบ ท่าเต้นผ่านการออกแบบและคงฝึกซ้อมกันมาสักระยะ หมดทีมหนึ่ง อีกทีมก็เข้าประจำที่พร้อมเพลงใหม่ที่ดังขึ้นโดยการเปิดของดีเจบนทางเท้า เป็นการเต้นในไสตล์ Country Line Dance แต่คนไม่คุ้นเคยกับการเห็นคาวบอยเต้นเหมือนแดนเซอร์บนเวทีคอนเสิร์ต ก็รู้สึกแปลกๆ อึ้งๆ และขำๆ เพราะมองว่าไม่สะท้อนบุคลิกท่าทางของคาวบอย เสียมาดหนุ่มชาวไร่ชาวนา ผู้ขี่ม้าเลี้ยงวัว

อาคาร Museu de Arte de São Paulo (MASP) พิพิธภัณฑ์ศิลปะเซาเปาโล พระเอกตัวจริงบน Av.

ผมดูคาวบอยและคาวเกิร์ลวาดลวดลายอยู่นานหลายนาที คนมุงดูกันหนาแน่น ที่ขยับแข้งขาพยายามออกลีลาตามต้นแบบก็มี สตรีผู้หนึ่งอายุคงสามสิบกว่าๆ สวมชุดปั่นจักรยาน เห็นผมกำลังถ่ายวีดิโออย่างตั้งใจ พอผมลดกล้องลงมา หันไปเห็นเธอมองอยู่ เธอทำท่าเอียงศีรษะและเลิกคิ้ว ความหมายคือ “มันแปลกดีนะ” เธอก็คงไม่เคยเห็นระบำคาวบอยมาก่อนเช่นกัน ผมชั่งใจอยู่ว่าจะทักทายเธออย่างไรดี ประโยค “Do you speak English? ” น่าจะเหมาะสม แต่พอหันไปอีกทีเธอก็เดินออกไปแล้ว  

บ่ายนี้ผมยังไม่ได้ดื่มกาแฟ เดินเข้าห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ ชื่อ Top Centre Shopping ได้ร้านที่ขึ้นชื่อเรื่องบิสกิต แต่ผมสั่งเฉพาะกาแฟเอสเปรสโซ ร้านก็ยังแถมบิสกิตมาให้ 1 ชิ้น ดื่มไปได้ครึ่งหนึ่งได้สินเสียงกลุ่มคนดังอยู่ใกล้ๆ หันไปเห็นคณะคาวบอยแดนซ์กลุ่มหนึ่งกำลังกอดคอถ่ายรูปหมู่ ผมแอบถ่ายรูปแก๊งคาวบอยส่งไปให้เพื่อนชาวสก็อต เขาตอบกลับมาทันทีว่านึกถึงภาพยนตร์เรื่อง Midnight Cowboy เรื่องราวของหนุ่มบ้านนอกเข้านครนิวยอร์กไปทำมาหากินในชุดคาวบอยเต็มยศ การหากินของเขาคือความพยายามที่จะเป็น “จิ๊กกะโล่” ขายบริการแก่สตรีสูงวัยที่ดูมีเงิน ผมบอกเพื่อนกลับไปว่าแต่คาวบอยของผมเต้นรำนะ เขาถึงกับอึ้งไปเช่นกัน

ไม่ซื้อก็แวะดูได้

ตอนผมเดินออกจากห้างเลยเวลา 4 โมงเย็นมาแล้ว รถรากลับมาวิ่งบนถนน คณะคันทรีแดนซ์ย้ายจากผิวจราจรสู่บาทวิถี ไม่มีทีท่าว่าจะเลิกราไปง่ายๆ ผมเดินถ่ายรูปอาคารบนถนนเปาลิสตาย้อนกลับไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ผ่านคาเฟ่และบาร์แบบเทอเรซ สำหรับ People Watching หลายร้าน ให้คนนั่งดื่มกาแฟ-ดื่มเบียร์ทัศนารถราและผู้คน ผมอยากแวะแต่ไม่ชอบดื่มเบียร์ก่อนตะวันตกดิน ส่วนกาแฟก็กำลังออกฤทธิ์ได้ดี  

มีตลาดนัดย่อยๆ อีกหลายตลาดเรียงกันบนบาทวิถีและริมสวนสาธารณะกว่าผมจะเดินถึงสถานีรถไฟใต้ดิน Consolação ขายทั้งของกิน ของโบราณ งานฝีมือ ของตกแต่งบ้าน เสื้อผ้า แผ่นเสียง โปสเตอร์ ผืนผ้า “โบลโซนาโร” และ “ลูลา” คู่ชิงชัยประธานาธิบดีบราซิล เครื่องเล่นผาดโดนของเด็กๆ ซุ้มนวดตัวคลายเมื่อย ฯลฯ

จากสถานี Consolação ของสายสีเขียวมีทางเชื่อมใต้ดินต่อไปยังสถานี Paulista ของสายสีเหลือง ระยะทางหลายร้อยเมตร ซึ่งวันนี้ทั้งวันผมคงเดินไปแล้วไม่น้อยกว่า 10 กิโลเมตร

จากสถานี Paulista ผมนั่งไปทางซ้ายมือของแผนที่ 1 สถานี โผล่จากใต้ดินที่สถานี Oscar Freire ฟ้ามืดไปได้สักพักแล้ว แวะที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตที่ขายสินค้าเน้นคุณภาพ มีแผนกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใหญ่โต ผมเลือกเบียร์ขวดใหญ่ยี่ห้อ Praya ชื่อมีความหมายดีๆ หากเป็นภาษาไทย ฉลากเป็นรูปนางเงือก ราคาขวดละ 13.95 เรียล คิดเป็นเงินไทยประมาณ 100 บาท

เดินต่อไปอีกหน่อยแวะซุปเปอร์มาร์เก็ตหน้าปากซอยทางเข้าที่พัก ซื้ออาหารเย็นง่ายๆ กลับเกสต์เฮาส์ อาบน้ำในห้องน้ำรวมของเกสต์เฮาส์ เป็นอีกครั้งที่เสี่ยงโควิดชนิดหลีกเลี่ยงไม่ได้ กินมื้อเย็นกับเบียร์ Praya ที่ทดลองแล้วก็ถือว่าเลือกมาไม่พลาด เป็นเบียร์ทำจากข้าวสาลีสไตล์เยอรมัน

หมดเบียร์ขวดนี้ก็ต่อด้วยไวน์องุ่นมัลเบ็คของอาร์เจนตินาที่เหลืออยู่ครึ่งขวดตั้งแต่เมื่อคืนก่อน ระหว่างนี้ก็จองตั๋วรถบัสสำหรับเดินทางในเช้าวันพรุ่งนี้

ไวน์จากเมนโดซาจะไม่เหลือไปถึงรีโอเดจาเนโร.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หมดปัญญา...เทวดาต้องรอด

เวลานี้ มีคนบางคนทำผิดกฎหมาย ไม่ให้ค่ารัฐธรรมนูญ บดขยี้กระบวนการยุติธรรมจนป่นปี้ แล้วปรากฏว่าเขาไม่มีความผิดใดๆ ไม่มีหน่วยงานใด ไม่มีกฎหมายมาตราใดจะเอาโทษเขาได้

ว่าด้วยความสำคัญของ 'จังหวะ' และ 'โอกาส'

อาทิตย์นี้...ก็ 22 ธันวา.เข้าไปแล้ว อีกแค่ไม่กี่วันก็ถึงช่วงจังหวะ คริสต์มาส ที่คงมีโอกาสได้ยิน ได้ฟัง บทเพลงอันสุดจะซาบซึ้ง ตรึงใจ ไม่ว่าประเภท จงกระเบน-จงกระเบน (Jingle Bells)

ตั้ง'นายพล'ไปต่อ

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งต่างๆ จำนวน 41 นาย ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา ที่เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี

นักการเมืองไม่ทำชั่ว...ไม่ต้องกลัวรัฐประหาร

นายกรัฐมนตรี 2 คนที่มาจากตระกูลชินวัตรต้องถูกยึดอำนาจจากการทำรัฐประหารในปี 2549 และ 2557 ทำให้นายใหญ่ของพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นหมายเลข 1 ของตระกูลชินวัตรมีความประหวั่นพรั่นพรึงการทำรัฐประหารของทหารเป็นอย่าง

'หิริ-โอตตัปปะ'คือวาระแห่งชาติ!!!

คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้เลยว่า...ไอ้สิ่งที่เรียกว่า ความอาย หรือจะเรียกภาษาพระ ภาษาบาลี ประมาณว่า หิริ-โอตตัปปะ ก็คงพอได้ นับวันมันชักเป็นอะไรที่ ขาดแคลน

'เห็นลิ้นไก่' แก้ กม.กลาโหม

ป่วนกันทั้ง "กรมปทุมวัน" หลังคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ หรือ ก.พ.ค.ตร. มีคำวินิจฉัยกรณีตำรวจยศ พ.ต.อ. ตำแหน่งนักบิน (สบ 5) รายหนึ่ง