วันนี้เป็นวันดี เป็นวันเริ่มต้นปีใหม่ เป็นวันแห่งความหวังสำหรับตลอดทั้งปีที่อยู่ข้างหน้า เป็นวันแรกที่เราจะต้องหัดเขียนพุทธศักราชใหม่ จาก 2565 (หรือ 2022) เป็น 2566 (หรือ 2023) เวลาจะเซ็นเอกสารหรือเซ็นเช็คก็ตาม ซึ่งน่าจะหลายอาทิตย์ (หรือเดือน) กว่าเราจะเขียน 2566 (2023) แบบอัตโนมัติได้
สำหรับตัวผมเอง วิธีการฉลองวันปีใหม่มันบ่งบอกถึงวุฒิภาวะและอายุของผมเป็นช่วงๆ
ถ้าเป็นสมัยวัยรุ่น จะออกไปทานข้าวกับคุณพ่อคุณแม่ กลับบ้าน และรอเวลาออกไปเที่ยว เพราะผมจะไม่ค่อยไปช่วง Countdown เนื่องจากตามที่ต่างๆ จะแน่นเกิน แล้วผมกลัวจะต้องนั่งต้อนรับปีใหม่คนเดียวในรถระหว่างหาที่จอด หรือต้อนรับปีใหม่คนเดียวระหว่างเดินหาเพื่อนฝ่าฝูงชน
หรือแย่ไปกว่านั้นคือ ครั้งหนึ่ง (น่าจะเป็นครั้งเกือบสุดท้าย) ที่ผมไป Countdown ในผับแห่งหนึ่งที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พอใกล้เที่ยงคืน ทางวงดนตรีที่กำลังเล่นอยู่บอกว่าจะไปพัก และจะกลับมาในอีก 20 นาที เพื่อ Countdown และต้อนรับปีใหม่พร้อมๆ กัน
ผมก็เลยถือโอกาสเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย เพราะมีเวลาเหลือเฟือ ผมจะได้ไม่ต้องต้อนรับปีใหม่ระหว่างใช้ห้องน้ำหรือรอเข้าห้องน้ำ พอกลับมาที่โต๊ะเหลือเวลาไม่นานที่พวกเราจะต้อนรับปีใหม่ด้วยกัน ระหว่างนั้นทางดีเจเปิดเพลงไปเรื่อยๆ ทุกอย่างปกติดี
พอเหลือ 5 นาทีจะต้อนรับปีใหม่นั้น วงยังไม่ออกมา แล้วดีเจเปิดเพลงสนุกๆ อยู่ ผมก็ไม่คิดอะไรเพราะคิดว่าเขาคงวางแผนเตรียมอะไรที่สนุกๆ....เหลือ 3 นาทีก็ยังไม่มีวงดนตรี.... เหลือ 2 นาทีไม่มีวี่แววดีเจจะหยุดเปิดเพลง (พวกเราเริ่ม มองนาฬิกาตัวเอง และสงสัยว่าเวลาตรงหรือไม่)....เหลือ 1 นาที ทุกอย่างยังเหมือนเดิม....
ผมก็คิดในใจว่า “โอ้...ตอนเที่ยงคืน ทุกอย่างต้องหยุดนิ่ง และจะมีการตะโกน HAPPY NEW YEAR!!!! พร้อมๆ กัน” แต่ปรากฏว่า 00.00 ก็แล้ว 00.01 ก็แล้ว 00.05 ก็แล้ว และ 00.10 ก็แล้ว ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง วงดนตรีก็ยังไม่ขึ้นเวที แล้วดีเจยังเปิดเพลงของเขาอยู่ โดยคนเที่ยวส่วนใหญ่ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่โต๊ะผมกับโต๊ะรอบๆ มองนาฬิกาแล้วมองนาฬิกาอีก ด้วยความงง และด้วยความไม่แน่ใจว่านาฬิกาพวกเราตายพร้อมๆ กัน หรือพวกเรามาผิดวัน
ปรากฏว่า 00.15 วงดนตรีขึ้นเวทีแล้วพูดขึ้นมาว่า “สวัสดีปีใหม่กันครับ!!! เราสนุกกันต่อ!!!” แล้วร้องเพลง พวกโต๊ะผม กับโต๊ะรอบๆ ต่างคนต่างมองหน้ากันแบบงงๆ ไม่รู้จะทำอย่างไรกัน ได้แต่ชนแก้วกันเอง กับโต๊ะรอบๆ ที่งงด้วยกันและเช็กบิลกลับบ้าน
อีกครั้งหนึ่งตอนเรียนปริญญาโทที่เมืองนอก ปกติทุกปีผมจะกลับไทยช่วงปิดเทอม แต่ปีนั้นผมกับแฟนผม (สมัยนั้น) วางแผนจะไปหาเพื่อนผมที่แคลิฟอร์เนียในคืน 31 ธันวา. เราจะไปเที่ยวเธคที่มีชื่อเสียงที่ซานฟราน (สำหรับพวกขาเที่ยวในยุคก่อน ที่ตอนนี้เกษียณตัวเองจากการเป็นขาเที่ยวแล้ว ขอกระซิบบอกนิดนึงว่า เด็กเที่ยวสมัยนี้ ไม่มีใครเที่ยว “เธค” แล้วครับ ถ้าคุณเผลอพูดคำว่า “เธค” สมัยนี้ คุณจะไม่ต่างกับมนุษย์ยุคหินในพิพิธภัณฑ์ครับ)
พออีก 30 นาทีเที่ยงคืน ใน “เธค” แห่งนี้ อยู่ๆ แฟนผมบอกว่าอยากกินป๊อปคอร์นขึ้นมา ผมกับเพื่อนเลยต้องฝ่าฝูงชนเพื่อต่อคิวซื้อป๊อปคอร์น ซึ่งผมกับเพื่อนคิดว่า 30 นาทีน่าจะเป็นเวลาเหลือเฟือ ปรากฏว่าคิวยาวเหยียดและช้า สงสัยเวลานั้นเป็นเวลาที่ผู้หญิงทุกคนที่นั่นอยากกินป๊อปคอร์นพร้อมกัน
เหลือเวลาเพียงไม่กี่นาทีก็จะ Countdown ในที่สุดเราได้ป๊อปคอร์นกันตามคำสั่งแฟนพวกเรา แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า พอยิ่งใกล้เวลา Countdown คนยิ่งแห่เข้าไปศูนย์กลางมากขึ้น เลยทำให้การเดินยากและช้า รู้ตัวอีกทีก็คือ นับถอยหลัง “10, 9, 8, 7, 6, 5, 4, 3, 2.....1!!!! HAPPY NEW YEAR!!!” ถามผมกับเพื่อนรักผมสำหรับปีนั้นว่าสิ่งสุดท้ายของปีทำอะไร? ก็คือ....ถือป๊อปคอร์น สิ่งแรกในปีใหม่นั้นทำอะไร? ก็คือ...ถือป๊อปคอร์น
อย่างไรก็ตามครับ สำหรับปีใหม่ไม่ว่าจะปีไหนก็ตาม ไม่ว่าคุณจะเป็นคนคลานเข้าบ้านเช้าวันปีใหม่ หลังไป Countdown ตามผับ บาร์ หรือเธค(!) หรือเป็นคนสวดมนต์ข้ามปี เป็นคนตื่นเช้าตรู่เพื่อใส่บาตร และร่วมทำกิจกรรมทางศาสนาต้อนรับปีใหม่ หรือเป็นคนฉลองปีใหม่ในบ้าน กับเพื่อนฝูงญาติมิตรสหาย จะฉลองอย่างไรหรือที่ไหนก็แล้วแต่ ขอให้แฟนคอลัมน์ทุกท่านมีความสุข สนุกสนาน ปลอดภัยและมีสุขภาพแข็งแรง
ผมขอให้แฟนคอลัมน์ทุกท่านมีความสุขและความสนุก กับหน้าที่การงานและชีวิตโดยรวม เหมือนคนส่งหนังสือพิมพ์บ้านผมครับ
ผมเลิกอ่านหนังสือพิมพ์ที่เป็นกระดาษมาเป็นเวลาหลายปี เพราะผมจะอ่านเป็น Digital มากกว่า ดังนั้นคนส่งหนังสือพิมพ์ที่ผมเคยคุ้นเคยตั้งแต่สมัยผมวัยรุ่น ผมก็ไม่ได้สังเกตว่าเขายังส่งหนังสือพิมพ์ตามบ้านหรือไม่ แต่จากการออกกำลังกายตอนเช้า (เพราะสถานะของผมเปลี่ยนจากวัยรุ่น มาเป็นวัยกลางคน) ผมก็ยังเห็นบ้านบางหลังเสียบหนังสือพิมพ์อยู่
เช้าวันหนึ่ง ในช่วงที่ผมเดินออกกำลังกาย ผมได้ยินเสียงคนร้องเพลง ซึ่งตอนแรกผมนึกว่าคนร้องในบ้าน แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ ผมยิ่งเดินเสียงร้องยิ่งมาใกล้ จนกระทั่งผมเห็นคนขี่มอเตอร์ไซค์ส่งหนังสือพิมพ์ (คนเดิม) เป็นคนร้องอยู่ ซึ่งคำว่า “ร้อง” ไม่สามารถบรรยายได้หมดครับ ผมต้องใช้คำขยายว่า “แหกปาก” หน้าคำว่า “ร้อง” ถึงจะบรรยายให้ถูก
เขาสวนผม แต่ก็ไม่หยุดแหกปากร้องครับ แหกปากเต็มที่ แหกปากไป ส่งหนังสือพิมพ์ไป ระหว่างนั้น ขี่สะวี้ดสะว้าดไปมาด้วยความสนุก (แต่ไม่ใช่ในทางซ่า หรือกวนครับ)
จากนั้นขึ้นมาผมจะสังเกตว่า เกือบทุกเช้า เวลาเขาส่งหนังสือพิมพ์เขาจะแหกปากร้องเพลงไปเรื่อยๆ ครั้งที่ผมเดินสวนกับเขาเขาแหกปากร้องเพลง “คาใจ” ของเจ เจตริน (“...ที่ต้องการเพียงจะลามองหน้าเธออีกครั้ง...”) (สำหรับใครที่รู้จักเพลงนี้ จะรู้เลยว่าเป็นเพลงที่ต้องแหกปากร้อง) บางวันจะเป็นเพลงของอัสนี-วสันต์ (“...ได้แต่ร้องเพลงปลอบใจตัวเราเขามาเปลี่ยนไปหัวใจ...”) (ซึ่งเหมาะกับแหกปากร้องเช่นเดียวกัน)
เท่าที่ผมเข้าใจไม่มีใครว่าอะไรเขา เพราะแถวบ้านผม (หรืออย่างน้อยในซอยผม) มีแต่คนตื่นเช้า และสำหรับใครที่ยังนอนอยู่เขาจะอยู่ในห้องแอร์ไม่ได้ยินอะไรอยู่ดี เวลาสวนกับเขาผมก็จะพยักหน้าทักเขา แล้วเขาก็จะพยักหน้าทักผม แล้วต่างคนต่างไปต่อ
ผมยอมรับว่า วันไหนที่รู้สึกเบื่อหน่าย รู้สึกเหนื่อย รู้สึกท้อ ผมนึกถึงคนคนนี้ครับ นึกถึงความสุขกับความสนุกของเขาเวลาทำงานแล้วต้องยิ้มให้ตัวเอง ถือว่าคนคนนี้เป็นฮีโร่ของผมคนหนึ่งทีเดียว
สุขสันต์วันปีใหม่ทุกท่านครับ ขอให้ทุกท่านมีความสุขและความสนุกกับชีวิต พร้อมจะแหกปากร้องเพลง...เหมือนคนส่งหนังสือพิมพ์บ้านผมครับ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
President Biden….You’re a Good Dad
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมามีสารพัดเรื่องที่น่าสนใจและน่าเขียนถึง เรื่องแรกต้องเป็นเรื่องประกาศกฎอัยการศึกในเกาหลีใต้ เพราะเป็นเรื่องไม่มีวี่แววว่าจะเกิดขึ้น และถือว่าเป็นการประกาศฟ้าผ่าทีเดียว
คุยเรื่อง…ที่ไม่ใช่เรื่อง
เผลอแป๊บเดียว วันนี้เราเข้าเดือนสุดท้ายของปีแล้ว ถือว่าเราเข้าฤดูกาลซื้อของขวัญสำหรับคริสต์มาสและปีใหม่อย่างเป็นทางการ ถึงแม้ตามห้างต่างๆ
'ศาลอาญาระหว่างประเทศ….มีไว้ทำไม?'
เมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา ศาลอาญาระหว่างประเทศ (International Criminal Court หรือ ICC) ได้ออกหมายจับนายกรัฐมนตรีอิสราเอล Benjamin Netanyahu
'BRO!!!!!'
เกือบ 2 สัปดาห์กับผลการเลือกตั้งในสหรัฐ ที่สร้างความประหลาดใจให้กับคนทั่วไป เว้นบรรดานักวิเคราะห์แม่นๆ….หลังผลออกมา พวกนี้ยังพูดเต็มปากเต็มคำว่า
“ถ้าไม่เลือกเรา...เขามาแน่”...ทำให้เขาชนะขาดลอย
ผมไม่แน่ใจว่ากว่าแฟนคอลัมน์จะได้อ่านบทความนี้ เรื่องที่ผมจะเขียนนั้นมันแห้งเกินไปหรือเปล่า เพราะกว่าจะถึงวันที่ได้อ่านบทความนี้ เรื่องนี้อาจจะเก่าไปแล้วก็ได้
ผมจะไม่แปลกใจถ้าTrumpชนะ….แต่ผมจะแปลกใจถ้าHarrisแพ้
อีกไม่กี่วันข้างหน้าจะได้รู้กันว่าใครจะเป็นผู้นำ “The Free World” ระหว่างอดีตประธานาธิบดี กับอดีตรองประธานาธิบดี