แต่ไหนแต่ไรมา เราเคยได้ยินผู้ใหญ่ให้ความหวังกับเราว่าประเทศชาติของเราต้องเดินหน้าพัฒนาได้ โดยจะมีคนไทยที่เป็นคนเก่งคนดีมาเป็นผู้บริหารบ้านเมือง ด้วยวลีที่ว่า “กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี” น่าจะมาจากการที่เราต้องรบพุ่งกับข้าศึกหลายครั้งหลายครา แต่เราจะต้องกอบกู้บ้านเมืองกลับคืนมาได้ เพราะเรายังมีคนดีมาเป็นผู้นำ แต่บัดนี้ประเทศไทยเราติดกับดักของความขัดแย้งที่เกิดจากปัจจัยหลายๆ อย่าง ถ้าหากจะมองไปที่กลุ่มบุคคล เราก็จะพบว่าต้นตอความขัดแย้งนั้นมีผู้เกี่ยวข้องมากมาย ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองที่ขัดแข้งขัดขาแย่งชิงอำนาจกัน จนเกิดความขัดแย้งแบบเดินไปในทิศทางเดียวกันไม่ได้ นักวิชาการ ครูบาอาจารย์ทั้งในโรงเรียน วิทยาลัยและมหาวิทยาลัย
ก็มีความขัดแย้ง เนื้อหาวิชาการที่สอนให้ผู้เรียนก็ไปกันคนละทิศคนละทาง แม้แต่นักบวชก็ยังร่วมขบวนการของความขัดแย้งด้วย และที่ชัดเจนก็คือ การสื่อสาร ทั้งสื่อสารมวลชนที่เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารแบบ offline และมือคีย์บอร์ดทั้งหลายที่สื่อสารบนพื้นที่ social media หลายคนก็มีส่วนร่วมด้วย
สำหรับสื่อมวลชนบางคน บางสำนัก บางกลุ่มนั้น ตกอยู่ในอาการชมคนไม่เป็น มองเห็นแต่ข้อบกพร่องและความไม่ดีต่างๆ มีทั้งที่จริงและมีทั้งที่เท็จ บางครั้งก็เป็นการนำเสนอข่าวแบบที่ทำให้คนทะเลาะกัน จะบอกว่าเป็นสื่อเสี้ยมก็น่าจะใช่ ตรงกับตำราว่าด้วยการสื่อสารมวลชนที่เขียนเอาไว้ว่า Media love wars หมายความว่าสื่อมวลชนชอบที่จะให้เกิดการต่อสู้ (ไม่จำเป็นต้องเป็นสงครามอาวุธที่เข่นฆ่ากัน แต่รวมถึงสงครามทางความคิด สงครามน้ำลาย) หลายรายจะมีความสะใจที่สร้างความขัดแย้งได้สำเร็จ หลายคนตั้งหน้าตั้งตาที่จะด้อยค่าคนที่อยู่ในตำแหน่งสูง ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เจ้าสัว บางคนก็เหิมเกริมไปถึงจุดที่ด้อยค่าสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำตัวเป็นกระบอกเสียงของมวลชนสามกีบที่มีทัศนะและพฤติกรรมที่เป็นปรปักษ์กับสถาบันพระมหากษัตริย์ ถ้าหากการด้อยค่าเรื่องราวต่างๆ เหล่านี้เป็นเรื่องจริงก็เป็นเรื่องที่น่าสนับสนุน แต่หากเรื่องที่เขาเผยแพร่เพื่อด้อยค่าคนที่มีตำแหน่งสูงในภาคส่วนต่างๆ ที่เป็นเรื่องเท็จ มันก็เป็นเรื่องที่น่าประณามความเป็นสื่อที่ไร้จรรยาบรรณ ทำหน้าที่โดยขาดความรับผิดชอบต่อสังคม
การตั้งฉายาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นฉายาของนายกรัฐมนตรี และฉายาของรัฐสภา เห็นได้ชัดว่าเป็นฉายาที่เอียงไปเชิงลบแทบทั้งสิ้น แม้แต่ตำแหน่งคนดีศรีสภาพวกเขาก็ยังหาไม่ได้ บอกว่าไม่มี ฉายาที่พวกเขาตั้งให้แก่บุคคลต่างๆ นั้นส่วนใหญ่แล้วเป็นการด้อยค่าคนที่ได้รับฉายาทั้งสิ้น ถ้าจะพูดตามภาษาไซเบอร์ในยุคนี้ก็อาจจะพูดได้ว่า ฉายาที่พวกเขาตั้งนั้นเป็นการ Bully คนที่เขาตั้งฉายาให้ทั้งนั้น เป็นฉายาที่ฝ่ายตรงกันข้ามรัฐบาลได้รู้แล้วจะรู้สึกสะใจ เพราะพวกเขาเองก็พร้อมที่จะด้อยค่ารัฐบาลอยู่แล้ว เมื่อเรารับรู้ฉายาที่พวกเขาตั้งมานั้น ถ้าหากเราเชื่อตามนั้นเราคงจะรู้สึกว่าประเทศไทยนี้แย่แล้ว จะเดินหน้าต่อไปสู่การพัฒนาได้อย่างไร หรือว่าเรากำลังเดินสู่ความหายนะ ประเทศไทยเราได้นายกรัฐมนตรีที่แย่มากๆ ได้รัฐมนตรีที่ไม่เอาไหนทั้งนั้นหรือ ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริงประเทศชาติเรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร เราน่าจะพังพินาศไปแล้ว
⦁ วิกฤตของการระบาดของไวรัสโควิด-19 ถ้าหากเราไม่มีคนเก่งคนดีมาบริหารประเทศ พวกเราคงจะตายกันเป็นเบือ จำนวนคนป่วยไข้น่าจะมากเกินกว่าระบบสาธารณสุขของเราจะรองรับได้ ไม่ว่าจะเป็นจำนวนเตียง เครื่องมือแพทย์ ยาที่จะต้องใช้ในการรักษา บุคลากรที่ต้องใช้ในการดูแล แต่ในความเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น Global COVID Index มีการสำรวจและให้คะแนนกัน ปรากฏว่าประเทศไทยเป็นที่ 1 ในการจัดการได้ดี และมีโอกาสฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้รวดเร็ว องค์การอนามัยโลกก็ให้การยกย่อง และเชิญชวนให้ประเทศอื่นๆ เรียนรู้จากประสบการณ์ของประเทศไทย
⦁ เศรษฐกิจของเรารุดหน้าไปด้วยดี มีตัวเลขที่หน่วยงานต่างประเทศรายงานออกมา ประเทศไทยอยู่ในอันดับต้นๆ ในหลากหลายมิติของเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่ GDP จะเป็นบวกในปีหน้า ประเทศที่มีเงินเฟ้อต่ำ ประเทศที่มีทุนสำรองสูง ประเทศที่มีการลงทุนจากต่างประเทศในระดับสูง มีการเติบโตด้านการท่องเที่ยวจนทำให้ประเทศไทยได้รับรางวัลด้านการท่องเที่ยวอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก
⦁ ระบบ Logistics ของไทย ทั้งทางบก ไม่ว่าจะเป็นล้อหรือราง ทางน้ำ และทางอากาศจะเจริญก้าวหน้าผิดหูผิดตาได้ขนาดนี้หรือ ถ้าจะพูดว่าการพัฒนาด้าน Logistics สมัยนี้เกิดขึ้นมากกว่าสมัยใดๆ และเกิดขึ้นทั้งในกรุงเทพฯ ในต่างจังหวัดสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของชาติ ส่งเสริมการคมนาคมขนส่ง ดีต่อการเดินทางของผู้คน ดีต่อระบบเศรษฐกิจด้านการขนส่งวัตถุดิบและสินค้า ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่งเสริมการท่องเที่ยว ขยายฐานการท่องเที่ยวไปสู่เมืองรอง
⦁ การพัฒนาที่อยู่อาศัย ทั้งการแก้ไขปรับปรุงของเก่าให้มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น และการสร้างใหม่เพื่อให้ประชาชนได้มีบ้านอยู่ ใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพทั้งทางด้านสาธารณสุข สิ่งแวดล้อม และความปลอดภัย ให้คนที่อยู่ในฐานะผู้บุกรุกที่ผิดกฎหมาย ได้เป็นผู้ที่ได้อยู่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ได้รับการบริการด้านสาธารณูปโภคอย่างถูกต้องครบครัน
ถ้าหากหูไม่หนวก ตาไม่บอด ก็จะเห็นการพัฒนาและการแก้ปัญหาที่ทำให้ประเทศชาติก้าวหน้า และประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ปรากฏการณ์เหล่านี้คงจะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าหากนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทั้งหลายเป็นคนที่แย่ ไม่ว่าด้านเป็นคนดีหรือเป็นคนเก่ง ประเทศไทยเราคงไม่มาถึงจุดนี้ได้ จุดที่มีทั้งการแก้ปัญหาและการพัฒนาไปพร้อมๆ กัน สื่อที่ตั้งฉายาเชิงลบให้คณะรัฐมนตรีและสภานั้น ลองไปอ่านดูฉายาที่ประชาชนตั้งให้สื่อบ้าง แล้วถามใจตัวเองว่ารู้สึกอย่างไร (หรือไม่รู้สึกอะไรเลย) คนเราถ้าทำดีแล้วคนไม่เห็นยังไม่น่ากลัวเท่าทำดีแล้วมีคนมองเป็นความไม่ดี เพราะมันก็ทำให้ท้อได้เหมือนกัน ปีใหม่แล้วคิดจะปรับทัศนคติและพฤติกรรมกันบ้างหรือเปล่านะ ประเทศไทยไม่ได้สิ้นคนดีที่จะมานำการพัฒนาประเทศ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ลัคนาธนูกับเค้าโครงชีวิตปี 2568
ยังอยู่ในช่วงเจ็ดปีของการเปลี่ยนแปลงใหญ่สุขภาพอนามัย-หนี้สิน-ลูกน้องบริวาร และเกือบตลอดปีผู้หลักผู้ใหญ่อวยสถานะ-ยศ-เงินทองให้ แต่มีช่วงซ้อมรับทุกข์และการได้ความผิดที่ไม่ได้ก่อ
ดร.เสรี ลั่นรังเกียจ วาทกรรมแซะสถาบัน
ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสารโพสต์เฟซบุ๊กว่า เกิดวาทกรรมใหม่ "ใบอนุญาตที่ 2"
เด็กฝึกงาน...ไม่ผ่านโปร
ฉากทัศน์ทางการเมืองของประเทศไทยหลังจากรู้ผลของการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 เป็นภาพที่สร้างความกังวลให้กับคนไทยจำนวนมากที่ไม่ได้เลือกพรรคส้มหรือพรรคแดง
'ความเป็นไทย' กับกรณีน้ำท่วมภาคเหนือ-ภาคใต้
ถึงแม้จะก่อเกิด ถือกำเนิด ที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี...แต่ด้วยเหตุเพราะไปเติบโตที่ภาคใต้ ไม่ว่าเริ่มตั้งแต่อำเภอทุ่งสง จังหวัดหน่ะคอนซี้ทำหมะร่าด ไปจนอำเภอกันตัง
ได้ฤกษ์ 'นายพล' ล็อต 2
ผ่านเดดไลน์ตามคำสั่ง ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้ทุกหน่วยส่งบัญชีข้อมูลผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น
'ดร.เสรี' กรีดเหวอะ! ใครมีลูกสาวเก่งพอที่จะเป็นนายกฯ ต้องบอกลูกให้มีผัว 9 คนอยู่ใน 9 ภาค
ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสารโพสต์เฟซบุ๊กว่า ใครมีลูกสาวที่เก่งพอที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ต้องบอกลูกนะคะ