แก้ไขตรงไหน

ขนาดคนที่มีรายชื่อในบัญชีแนบท้ายที่ออกตามหลังมาใหม่ ยังงง ไม่เห็นมีการแก้ไขตรงไหน ประกาศออกมาเพื่ออะไร  ผบ.ปั๊ด-พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข แม่ทัพใหญ่สีกากี ในฐานะผู้มีอำนาจในการจัดบัญชีแต่งตั้งตำรวจระดับ รอง ผบก.-ผกก.วาระประจำปี 2564 น่าจะมีคำตอบ น่าจะมีคำอธิบายให้คนที่สงสัยได้หายข้องใจ

ยิ่งล่าสุด ผบ.ปั๊ด ผ่าตัด กระบอกเสียง ตร. ชุดใหม่  มอบหมายให้น้องเลิฟ บิ๊กต่าย-พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์  ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าคณะทำงาน สื่อ-สร้าง-สาร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แทน บิ๊กรอย-พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ ที่ได้รับแต่งตั้งขึ้นเป็น รอง ผบ.ตร. รวมทั้งปรับทีมโฆษก ตร. มี บิ๊กแรก-พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ รอง ผบช.สตม. เป็นโฆษก ตร. ส่วนรองโฆษก ตร. 4 คน มี พล.ต.ต.เขมรินทร์ หัสศิริ ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ,  พ.ต.อ.หญิง วิชญ์ชยากร ณิชาบวร รองผู้บังคับการกองสารนิเทศ, พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งหนึ่งในหน้าที่ของคณะทำงานสื่อ-สร้าง-สาร ที่เขียนไว้อย่างสวยหรู “ชี้แจงทำความเข้าใจการปฏิบัติหน้าที่ราชการในภาพรวมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ก็น่าจะประเดิมชี้แจงข้อสงสัยของตำรวจทั่วประเทศในประเด็นนี้ก่อนว่าคืออะไรกันแน่ ๐

การผ่าตัดทีมโฆษก ตร.รอบนี้ หลายคนก็งง หลายคนก็มีคำถาม รายชื่อทีมงานเก่าที่หลุดไปทั้ง 2 ราย คือ รองแจง-พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล กฤตพิทยบูรณ์ อดีตรองโฆษก ตร. และ  เดอะแจ๊ก-พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ อดีตรองโฆษก ตร.  ทำไมถึงถูกปลด ถึงถูกถอดจากทีมโฆษก ตร. เพราะทั้งคู่ก็ไม่ได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น หรือโยกย้ายไปไหน และผลงานตลอดปีที่ผ่านมาในการประสานสื่อ ในการให้ข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับงานตำรวจก็มีอย่างต่อเนื่อง ที่เห็นๆ อย่าง รองแจง ก็ทำคลิปประชาสัมพันธ์ถ่ายทอดความรู้สึก ตำรวจ คฝ.ที่ได้รับบาดเจ็บให้สังคมรับรู้ รวมทั้งงานอื่นๆ ส่วน เดอะแจ๊ก ก็ช่วยชี้แจงเกี่ยวกับสถานการณ์ม็อบ เกี่ยวกับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างไม่มีที่ติ กลับโดนเปลี่ยนตัว กลับตกขบวน แบบไม่มีปี่ไม่มีขลุย บิ๊กแรก ในฐานะโฆษก ตร.น่าจะต้องมีคำตอบ น่าจะต้องมีคำอธิบายเช่นกัน ถึงการเปลี่ยนตัวครั้งนี้ว่ามาจากเหตุผลใดกันแน่ เป็นเพราะงานหรือเป็นเพราะส่วนตัว อย่าให้สังคมเดา อย่าให้สังคมคาดการณ์ เพราะนั่นไม่ใช่วิสัยงานประชาสัมพันธ์องค์กรแบบมืออาชีพ ๐

การแต่งตั้งตำรวจระดับ นายพัน ล็อตแรก ตำแหน่ง รองผบก.-ผกก. วาระจำปี 2564 เสร็จเรียร้อย แม้จะยังมีคำถาม  ยังมีข้อสงสัยที่รอคำตอบ รอคำอธิบายจาก ผบ.ปั๊ด หลายประเด็น แต่การแต่งตั้งก็ยังต้องเดินหน้าต่อ เพราะยังเหลือการแต่งตั้งตำรวจระดับ นายพัน ล็อตสอง ตำแหน่ง รองผู้กำกับการ (รอง ผกก.) และสารวัตร (สว.) ที่แว่วว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ถึงเสร็จเรียบร้อย และประกาศคำสั่งได้ช่วงวันที่ 29-30 พ.ย. โฟกัสสำคัญเชื่อมโยงมาจากคำสั่งแต่งตั้ง นายพัน ล็อตแรก นั่นคือ พ.ต.ท.ธนากร งามเย็น  สวป.สน.ทองหล่อ ซึ่งเคยถูกคำสั่งให้ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 (ศปก.บก.น.5)  พร้อมๆ กับ บิ๊กด้วง-พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัส ผกก.สน.ทองหล่อ หลานเขย บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  รองนายกรัฐมนตรี และเป็นลูกเขย บิ๊กป๊อด-พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. เมื่อครั้งถูกตั้งกรรมการสอบสวนกรณีสถานบันเทิงในพื้นที่เป็นต้นตอการแพร่ระบาดโควิด-19 จะถูกเด้ง จะถูกย้ายหรือไม่ เพราะถ้ายึดตามมาตรฐาน  ผกก.ทองหล่อ ก็คงต้องได้อยู่ต่อเหมือนกัน ไม่เช่นนั้นก็จะมีคำถามถึงมาตรฐานการแต่งตั้งอีกครั้ง

บริษัท ชัยเสรีเม็ททอลแอนด์รับเบอร์ จำกัด บริษัทสัญชาติไทยที่มี มาดามรถถัง-นพรัตน์ กุลหิรัญ ผู้บริหาร  ได้รับการคัดเลือกจากทางการราชอาณาจักรภูฏาน ให้จัดส่งรถเกราะล้อยาง First Win 15 คัน เพื่อนำไปใช้ในภารกิจรักษาสันติภาพของสหประชาชาติในประเทศแอฟริกากลาง โดยมีพิธีส่งมอบไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (สทป.) ภายในสำนักปลัดกระทรวงกลาโหม  ถนนศรีสมาน เริ่มมีสัญญาณบวกในภาคเอกชนผู้ผลิตยุทโธปกรณ์ หลังมี พ.ร.บ.อุตสาหกรรมป้องกันประเทศฯ ขึ้นมา เพื่อเปิดทางให้งานวิจัย-พัฒนาที่เอกชนทำร่วมกับ สทป. ได้จัดตั้งบริษัทเพื่อทำสัญญาซื้อขายแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล  และจะเป็นรูปธรรมในเร็ววันนี้ เมื่อ "ชัยเสรี" ได้ร่วมมือกับ "สทป." ตั้งบริษัทร่วมกัน เพื่อดำเนินการเสนอโครงการขายรถเกราะล้อยางให้กองทัพฟิลิปปินส์ 900 คัน มีความคืบหน้าใน “ดีล” บิ๊กล็อตไปมากกว่าร้อยละ 70 ส่วนงานด่วนในการจัดส่งให้ “ภูฏาน” เป็นที่ปลื้มปริ่มของบริษัทที่ได้ทำงานสำคัญในภารกิจของยูเอ็น โดย บิ๊กหน่อย-พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งรับไม้ต่อจาก พล.อ.ณัฐ  อินทรเจริญ ปลัดกลาโหมคนเก่า ที่ปลุกปั้นอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ มองว่าการที่ “ภูฏาน” เลือกรถเกราะของไทย เนื่องจากเชื่อมั่นในคุณภาพและสมรรถนะของบริษัท อีกทั้งทั้งสองประเทศยังมีความผูกพันกัน และมีสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ใกล้ชิดกัน ในขณะที่ยังขายในราคามิตรภาพอีกด้วย

แค่ล้างรถ-เติมน้ำมันเครื่อง เช็กยอดรถบรรทุกและรถประเภทอื่นที่พร้อมใช้ขนส่งจำนวน 3,700 คัน แยกเป็น 3  ประเภท ได้แก่ รถยนต์บรรทุกขนาดเล็ก, ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ มีน้ำหนักบรรทุก 1, 4 และ 8 ตัน เหล่าบรรดาฝ่ายประท้วงรัฐบาลต่างก็ออกมากระหน่ำกองทัพกันเต็มหน้าฟีด  งานนี้เหล่าทัพขยับตามสั่งการของ บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่สั่งการมายังหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม ให้เตรียมความพร้อมในกรณีที่การขนส่งต้องเป็น อัมพาต ถ้าขบวนรถบรรทุกหยุดวิ่งตามที่ประกาศกันไว้จริง งานนี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้  ผู้บัญชาการทหารบก นอกจากให้เช็กยอดแล้ว ยังขอให้หน่วยที่เกี่ยวข้องหารือถึงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง และแนวทางปฏิบัติในการนำรถยนต์บรรทุกขนาดต่างๆ พร้อมกำลังพล เข้ารับภารกิจให้ถูกต้อง  จึงคาดว่าถ้าถึงขั้นตอน สตาร์ทรถ  เข้าไปรองรับส่วนที่ต้องหยุดชะงักจนกระทบความเดือดร้อนที่ประชาชน คงได้เห็น คอนวอยรถทหาร ออกงานเต็มถนน ไม่ต่างจากที่ออกไปในภารกิจบรรเทาสาธารณภัย

เป็นธรรมดาที่ต้องตกเป็นประเด็น เมื่อกองประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกองทัพบก ส่งภาพและข่าว บิ๊กออฟ-พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี หัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา เป็นผู้แทนผู้บัญชาการทหารบก หัวหอก ตท.รุ่น 24 รับมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์จาก  พ.อ.Goh Han Thong ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารประจำสถานเอกอัครราชทูตสิงคโปร์ประจำประเทศไทย เพราะผลพวงการศึกโยกย้ายทหารยังสร้างความหวาดระแวงให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่าง “ลุงตู่” กับ ผบ.ทบ.ที่ไม่ได้ใกล้ชิดแนบแน่นเหมือนยุคก่อน เป็นความสัมพันธ์ในลักษณะผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา ถ้ามีคนไปจี้ให้คิดถึง สมการ จัดสมดุลระหว่างกองทัพกับการเมือง ที่ต้องวางคนที่ไว้ใจได้เอาไว้ ก็เชื่อได้ว่ากว่าที่ “บิ๊กบี้” จะเกษียณในปี 2566 กองเชียร์รุ่น 23 กับ 24 คงต้องลุ้นกันอีกหลายยก.