พอสหรัฐฯบอกว่าจะส่งระบบต่อต้านขีปนาวุธ Patriot ไปให้ยูเครน ประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียก็ย้อนกลับทันทีว่า “มันล้าสมัยแล้ว”
และสำทับว่าขีปนาวุธ S-300 ของรัสเซียเหนือชั้นกว่า
และย้ำด้วยว่าด้วยอาวุธที่เหนือกว่า กองกำลังของรัสเซียก็จะสามารถจัดการกับอาวุธยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯและตะวันตกได้แน่นอน
จะเห็นว่าภาษาที่ใช้วันนี้ระหว่างสองยักษ์ใหญ่ในข้อพิพาทสงครามยูเครนนั้นเป็นเรื่องการสู้รบ
ไม่ใช่การหาทางเจรจาเพื่อบรรลุสันติภาพ
เท่ากับตอกย้ำว่าปีใหม่ 2566 นี้จะเป็นปีที่สงครามยูเครนยังจะยืดเยื้อต่อไปอีกระยะหนึ่ง
เพราะต่างฝ่ายต่างยืนยันว่าจะต้องเอาชนะในสมรภูมิก่อนแล้วจึงจะคิดถึงการต่อรองกันบนโต๊ะเจรจา
แม้แต่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนยังพูดต่อหน้าประธานาธิบดีเซเลนสกีของยูเครนที่ทำเนียบขาวว่าการเจรจาจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อยูเครนสามารถยึดพื้นที่สำคัญ ๆ ในยูเครนกลับจากรัสเซียเท่านั้น
ไม่มีใครรู้ว่าระหว่าง Patriot ของสหรัฐฯกับ S-300 ของรัสเซียนั้นใครจะมีศักยภาพของการทำลายล้างสูงกว่ากัน
แต่ที่แน่ ๆ ก็คือว่าหากทั้งสองฝ่ายพยายามจะพิสูจน์ว่าใครมีอาวุธเหนือชั้นกว่าใครก็หมายความว่าทหารยูเครนและรัสเซียจะต้องเผชิญกับความสูญเสียเพิ่มขึ้นอีกอย่างมาก
เท่ากับว่าสมรภูมิรบของยูเครนกลายเป็นโชว์รูมของการประชันขันแข่งอาวุธของสหรัฐฯกับรัสเซียอย่างบ้าคลั่งกันเลยทีเดียว
แต่เมื่อต่างฝ่ายต่างมีเดิมพันที่สูงลิ่ว การประชันกันด้านอาวุธจึงกลายเป็นเครื่องมือต่อรองที่สำคัญกว่าความสามารถทางการทูต
ในช่วงก่อนเกิดสงคราม รัสเซียพยายามโน้มน้าวชาวยูเครนว่าสหรัฐฯ กำลังใช้พวกเขาเป็น “เบี้ยประกันทางภูมิรัฐศาสตร์”
และเตือนว่าอเมริกาไม่ใช่เพื่อนแท้
และพร้อมจะทิ้งยูเครนเหมือนกับที่เคยทำกับอัฟกานิสถานมาเมื่อไม่นานมานี้เอง
(ความจริง รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯแอนโทนี บลิงเคนบอกว่าถ้าสหรัฐฯไม่เลิกยุ่งกับอัฟกานิสถานก็อาจจะไม่มีอาวุธและทรัพยากรอื่น ๆ มาช่วยยูเครนเหมือนกับที่ทำอยู่วันนี้)
ผ่านมา 10 เดือน วอชิงตันทุ่มงบประมาณ 65 พันล้านดอลลาร์ลงไปในสนามรบยูเครน
ไบเดนกับเซเลนสกีนั่งในห้องที่ทำเนียบขาวโดยที่ฝ่ายสหรัฐฯยืนยันว่าจะยืนเคียงข้างยูเครน “ไม่ว่าจะนานเพียงใดก็ตาม” (as long as it takes)
“ปีนี้ได้นำความทุกข์ยากและความสูญเสียมาสู่ชาวยูเครนโดยไม่จำเป็น” ไบเดนกล่าวในการแถลงข่าวร่วมกันในทำเนียบขาว
"แต่ผมต้องการให้ท่านรู้ว่าคนอเมริกันอยู่กับคุณทุกย่างก้าว และเราจะอยู่เคียงคู่กับคุณตราบเท่าที่จำเป็น" ไบเดนย้ำ
แต่เซเลนสกีก็ใช่จะไม่ตระหนักว่าคำมั่นสัญญาของผู้นำสหรัฐฯย่อมปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์และผลการเลือกตั้งทุก 4 ปี
เพราะเซเลนสกีเคยสัมผัสอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มาก่อนหน้านี้แล้ว
ความผูกพันและมุ่งมั่นของวอชิงตันย่อมแปรเปลี่ยนไปตามคำนิยามของผลประโยชน์ของสหรัฐฯภายใต้การนำของประธานาธิบดีที่เปลี่ยนได้ตลอดเวลา
อีกทั้งต้องไม่ลืมว่าพันธมิตรของสหรัฐกำลังเผชิญกับฤดูหนาวที่ยาวนานและยากลำบากจากราคาพลังงานที่สูงและความเจ็บปวดทางเศรษฐกิจที่ตามมา
และการสำรวจความเห็นของคนอเมริกันก็พบว่าอย่างน้อย 1 ใน 3 ไม่สนับสนุนความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องของสหรัฐฯ แก่ยูเครน
และครึ่งหนึ่งของผู้ตอบคำถามบอกว่าต้องการให้ยูเครนยุติสงครามและบรรลุสันติภาพ "โดยเร็วที่สุด"
สมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐฯนั้นแม้ว่าทั้งสองพรรคคือเดโมแครตและรีพับบลิกันจะเห็นพ้องในภาพใหญ่ว่าควรสกัดอิทธิพลรัสเซียด้วยการสนับสนุนยูเครน
แต่ฝ่ายรีพับบลิกันจำนวนหนึ่งก็ต้องการให้มีการตรวจสอบการใช้เงินช่วยเหลือยูเครนอย่างเข้มงวดกว่าที่ผ่านมา
ส.ส. และ ส.ว. รีพับบลิกันหลายคนออกมาพูดตรงกันว่า “เราต้องการช่วยเหลือยูเครน แต่เราไม่ต้องการเขียนเช็คเปล่าให้โดยไม่มีการตรวจสอบอย่างรัดกุม”
จึงเห็นได้ว่าเซเลนสกีใช้เวทีการปราศรัยกับสภาคองเกรสวันนั้นเพื่อจะตอกย้ำว่าเงินช่วยเหลือของสหรัฐฯ “ไม่ใช่เงินบริจาคเพื่อการกุศล”
หากแต่เป็น “เงินลงทุน” เพื่อการปกปักรักษาค่านิยมของสหรัฐฯและโลกตะวันตกว่าด้วยประชาธิปไตยและเสรีภาพ
ในช่วงปีที่ผ่านมา สภาคองเกรสได้อนุมัติเงินประมาณ 67 พันล้านดอลลาร์ในด้านเศรษฐกิจ การทหาร และความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจแก่ยูเครน
แพคเกจการใช้จ่ายปี 2023 ของสภาคองเกรสพร้อมที่จะผ่านในสภาอย่างไม่ยากเย็นนักจะรวมถึงเงินช่วยเหลือยูเครนเพิ่มเติมอีก 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์
แต่การจะได้รับความช่วยเหลือเพิ่มเติมในปีใหม่อาจเป็นเรื่องที่ท้าทายกว่าที่คิด
ในเดือนพฤษภาคม พรรครีพับลิกัน 57 คนในสภาผู้แทนราษฎร 435 ที่นั่ง และ 11 คนในวุฒิสภา 100 ที่นั่งลงมติไม่เห็นด้วยกับชุดความช่วยเหลือแบบ “แยกเดี่ยว”
และแบบสำรวจระบุว่าการสนับสนุนของพรรครีพับลิกันในการให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องได้ลดลงตั้งแต่นั้นมา
ในการสำรวจที่จัดทำขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจากพรรครีพับลิกันเกินครึ่งสนับสนุนความช่วยเหลือแก่ยูเครน ลดลงจาก 80% ในเดือนมีนาคม
สำหรับการเมืองแบบอเมริกันนั้น ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่คนของพรรครีพับลิกันบางคนในเส้นทางการหาเสียงเลือกตั้งกลางเทอมเมื่อเดือนที่แล้วสงสัยอย่างเปิดเผยว่าเหตุใดสหรัฐฯ จึงทุ่มเงินมหาศาลในประเทศที่ห่างไกล
แทนที่จะใช้เงินทุนเพื่อความมั่นคงชายแดนและต่อสู้กับอาชญากรรมที่บ้าน
เซเลนสกีคงได้ศึกษาแนวโน้มเช่นนี้ในสภาคองเกรสอเมริกันพอสมควร
ดังนั้นในคำปราศรัยของเขาจึงพยายามเจาะลงไปในประเด็นที่ตอบโจทย์และข้อสงสัยเหล่านั้น
“เรามีปืนใหญ่ แต่ยังไม่พอที่จะขับไล่การุกรานจากรัสเซีย” เซเลนสกีประกาศกลางสภาคองเกรส
และเสริมต่อทันทีว่า “เพื่อให้กองทัพรัสเซียถอนกำลังออกไปอย่างสมบูรณ์ จำเป็นต้องมีปืนและกระสุนเพิ่มเติม”
น่าสังเกตเช่นกันว่าในคำปราศรัยของเซเลนสกีนั้นคำว่า “การสู้รบ” มีการเอ่ยถึงถี่กว่าคำว่า “สันติภาพ” หลายเท่านัก
หรืออาจจะเป็นเพราะผู้นำยูเครนคนนี้สรุปตั้งแต่ก่อนจะบินมาลงวอชิงตันแล้วว่าเขาต้องเน้นการปกป้องค่านิยมตะวันตกมากกว่าความอยู่รอดของยูเครน
ฟังจากเสียงตอบรับของนักการเมืองอเมริกันวันนั้น การประเมินของ “อดีตนักแสดงตลก” อย่างเซเลนสกีก็ “จับเส้น” ผู้ฟังเขาไม่ผิดเท่าไหร่นัก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ