เซเลนสกีไปหาไบเดน เมดเวเดฟไปหาสี จิ้นผิง!

เห็น 2 ภาพนี้ก็พอจะวิเคราะห์ได้ว่าโลกกำลังแบ่งเป็น 2 ขั้วอย่างแท้จริงแล้ว

โดยมีสงครามยูเครนเป็นสาเหตุล่าสุด

ประธานาธิบดีเซเลนสกีของยูเครนบินไปวอชิงตันเพื่อพบกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ขณะที่อดีตประธานาธิบดีดมิทรี เมดเวเดฟ ของรัสเซีย บินไปปักกิ่งเพื่อพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง

เป็นช่วงจังหวะเวลาเดียวกัน คือช่วง 21-22 ธันวาคมที่ผ่านมา

การไปเยือนต่างแดนของทั้ง 2 ผู้นำที่กำลังทำสงครามกันอยู่นั้นเป็น “เซอร์ไพรส์” ด้วยกันทั้งคู่

เพราะไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า

สร้างความประหลาดใจให้แก่ผู้พบเห็นอย่างมาก 

เพราะเซเลนสกีเพิ่งจะไปเยือนแนวรบที่เมือง Bakhmut ทางตะวันออกของยูเครน อันเป็นสมรภูมิรบที่ดุเดือดเลือดพล่านที่สุดแห่งหนึ่ง

ผ่านไปเพียงไม่ถึง 24 ชั่วโมง ก็มีข่าวว่าผู้นำยูเครนจับเครื่องบินมุ่งสู่วอชิงตัน

โดยมีนัดหมายพบปะโจ ไบเดน และปราศรัยต่อสภาคองเกรสของสหรัฐฯ

ขณะที่การไปเยือนเมืองจีนของเมดเวเดฟก็เกิดขึ้นขณะที่ประธานาธิบดีปูตินกำลังอยู่ที่เบลารุส ท่ามกลางการคาดการณ์ว่ารัสเซียกับเพื่อนบ้านแห่งนี้จะกระชับความร่วมมือเพื่อกดดันยูเครนจากทางเหนือ

เพราะเป็นจังหวะที่เข้าสู่ฤดูหนาว และมอสโกอาจกำลังวางแผนจะโจมตียูเครนรอบใหม่...คราวหน้าเล็งว่าจะต้องยึดกรุงเคียฟเมืองหลวงให้จงได้

แต่ยังไม่ทันที่ปูตินจะกลับมาแถลงข่าวผลการเยือนเบลารุส เขาก็เรียกประชุมบรรดาแม่ทัพนายกองทั้งหลาย เพื่อจะส่งสารว่ารัสเซียจะเดินหน้าลุยยูเครนต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง

ขณะที่ไบเดนบอกเซเลนสกีว่า อเมริกาจะยืนเคียงข้างยูเครน “ไม่ว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่”

และ “คุณจะไม่ยืนอยู่คนเดียว” เพราะอเมริกาและตะวันตกจะสนับสนุนยูเครนจนกว่าจะชนะสงครามกับรัสเซีย

ภาพของเซเลนสกีที่ยืนปราศรัยให้ ส.ส.และ ส.ว.ของทั้ง 2 สภาท่ามกลางเสียงปรบมือดังกึกก้องเป็นระยะๆ นั้นทำให้เห็นว่าเซเลนสกีบรรลุเป้าหมายของการบินด่วนมาสหรัฐฯ แล้ว

เพราะพรรครีพับลิกันและเดโมแครตดูเหมือนจะมีจุดยืนที่สอดคล้องต้องกันว่าจะยังสนับสนุนยูเครนต่อไป

เซเลนสกีตั้งใจที่จะบอกกับไบเดน, นักการเมืองสหรัฐฯ, ประชาชนอเมริกันและประชาคมโลกจากการมาเยือนวอชิงตันครั้งนี้ (ครั้งแรกที่ออกนอกประเทศหลังทหารรัสเซียบุกยูเครน เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ปีนี้) ว่าเขาไม่ได้วิ่งแจ้นมาแบมือขอเงินและอาวุธ

“เงินที่ท่านช่วยเราทำสงครามนั้นไม่ใช่เรื่องของการบริจาคในงานการกุศล หากแต่เป็นการลงทุน...การลงทุนในการปกป้องประชาธิปไตยและค่านิยมตะวันตก และเราก็ใช้มันอย่างรับผิดชอบ...”

ประเด็นที่เซเลนสกีต้องการเน้นก็คือว่า ยูเครนไม่ได้มาขอเงินและอาวุธจากสหรัฐฯ เพื่อปกป้องตัวเองเท่านั้น 

แต่คนยูเครนต่อสู้กับการรุกรานของรัสเซียก็เป็นการป้องกันโลกตะวันตกและประชาคมโลกไม่ให้รัสเซียคุกคามสังคมโลกเป็นส่วนรวมด้วย

เซเลนสกีนำเอาเหรียญและธงชาติยูเครนที่ทหารยูเครนที่แนวหน้า Bakhmut เซ็นชื่อและฝากเซเลนสกีมามอบให้กับไบเดนและประธานรัฐสภาของสหรัฐฯ ด้วยตนเอง

กลายเป็นสัญลักษณ์ที่มีความหมายต่อคนอเมริกันอย่างมีนัยสำคัญเลยทีเดียว

“แม้ว่าเราจะไม่มีไฟฟ้าและเราต้องตกอยู่ในความมืด เพราะการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานของเราโดยรัสเซีย แต่จิตใจเราสว่างไสวด้วยความหวัง...”

เซเลนสกีย้ำว่า “ยูเครนกับสหรัฐฯ จะชนะด้วยกัน”

ที่บอกว่า “เรา 2 ประเทศชนะร่วมกัน” นั้น เซเลนสกีต้องการจะเน้นว่า 2 ประเทศคบหากันในฐานะประเทศอธิปไตย 

โดยที่ยูเครนไม่ใช่ “ลิ่วล้อ” หรือ “เครื่องมือ” ของสหรัฐฯ ในการสกัดกั้นอิทธิพลของรัสเซียอย่างที่มอสโกกล่าวอ้าง

วันเดียวกับที่เซเลนสกีเยือนวอชิงตัน รัฐบาลของโจ ไบเดน ก็ประกาศความช่วยเหลือทางทหารงวดล่าสุดในวงเงิน 18.5 พันล้านเหรียญฯ

เซเลนสกีขอบคุณทั้งฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติของสหรัฐฯ ที่ได้ผ่านงบประมาณก้อนใหญ่ 45,000 ล้านเหรียญฯ (1.5 ล้านล้านบาทโดยประมาณ) เป็นการช่วยเหลือยูเครน

ขณะเดียวกัน ฝั่งรัสเซียก็มีปฏิกิริยาตอบโต้การไปเยือนวอชิงตันของเซเลนสกีทันที

โฆษกรัฐบาลรัสเซียบอกว่า เมื่อสหรัฐฯ และโลกตะวันตกเดินหน้าส่งอาวุธมาเสริมกำลังของยูเครน ก็แปลว่าจะไม่มีโอกาสที่จะเจรจาสันติภาพอีกต่อไป

“ผลของการที่ตะวันตกส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กับยูเครนก็จะกลับมาส่งผลลบให้กับยูเครนเอง...” โฆษกดมิทรี เปสคอฟ แถลงทันทีที่เห็นภาพของเซเลนสกีนั่งลงสนทนากับโจ ไบเดน ที่ทำเนียบขาวอย่างสนิทชิดเชื้อ

รัสเซียมองเห็นความกังวลของเซเลนสกีต่อความยั่งยืนของความช่วยเหลือทางทหารและการเงินจากโลกตะวันตก จึงย้ำเสมอว่าอีกไม่นาน “ท่อน้ำเลี้ยง” จากตะวันตกที่ให้กับยูเครนก็จะเหือดแห้งไปเอง

เพราะสงครามได้ทำให้เศรษฐกิจของประเทศยุโรปส่วนใหญ่ตกอยู่ในฐานะลำบาก

ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเงินเฟ้อ, ราคาพลังงานที่พุ่งพรวดพราด และภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่กำลังจะรุนแรงในปีใหม่นี้

ไม่ต้องสงสัยว่าเซเลนสกีเป็นห่วงเรื่องนี้อย่างแน่นอน จึงเร่งเร้าให้ตะวันตกรีบส่งอาวุธมาเพื่อเอาชนะสงครามรัสเซียให้ได้ก่อนที่จะเกิดอาการ “ล้าสงคราม” (war fatigue) ในมวลหมู่ประเทศทางตะวันตก

เซเลนสกียอมรับมาตลอดว่า แม้ว่าทหารยูเครนจะสามารถตีคืนบางแนวรบทางตะวันออกและทางใต้จากทหารรัสเซีย แต่สถานการณ์ในภาคพื้นดินก็ยัง “ยากเย็นอย่างยิ่ง”

นั่นสะท้อนว่าเขายอมรับว่า คำว่า “ชัยชนะ” นั้นไม่ใช่จะได้มาโดยง่าย

แต่เขาก็ยืนยันความมุ่งมั่นของทหารและพลเรือนยูเครนที่จะยืนหยัดสู้จนกว่าจะได้ชัยชนะ

เพราะหากยอมเจรจากับรัสเซียตอนนี้เพื่อหยุดยิงชั่วคราว ก็เท่ากับเป็นการเปิดทางให้รัสเซียพักรบและจัดทัพใหม่เพื่อจะโจมตียูเครนต่อไปเท่านั้น

โจ ไบเดน พูดเหมือนเซเลนสกีตรงนี้

เขาบอกว่า “เวลานี้ยังไม่สุกงอมสำหรับการหาทางออกทางการทูตเพื่อยุติสงคราม การเจรจาจะเกิดได้ก็ต่อเมื่อฝ่ายยูเครนสร้างความได้เปรียบในสนามรบเท่านั้น”

นั่นแปลว่าตะวันตกจะเดินหน้าสนับสนุนให้ยูเครนได้อาวุธทันสมัยจำนวนมากพอ และเร่งรัดในการส่งมอบเร็วพอที่จะทำให้ทหารยูเครนปักหลักสู้กับทหารรัสเซียได้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568

นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน

บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'

เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม

ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน

นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ

เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ

เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ