ความสำคัญของลัคนา (1)

ขณะที่ท่านกำลังอ่านแม่หมอสมัครเล่นตอนนี้ ผู้เขียนกำลังท่องประเทศสเปนอยู่ โดยจะอธิบายเรื่องความสำคัญของลัคนาที่ได้ย้ำนักย้ำหนาว่าคำทำนายที่ออกมานั้นทำนายตามลัคนาเท่านั้น

การทำนายทายทักดวงชะตานั้น มีหลักให้ใช้ได้หลายอย่างสุดแท้แต่ใครจะเลือกใช้ เช่นทำนายตามวันเกิด หรือเดือนเกิด หรือลายมือ หรือไพ่ หรือโหงเฮ้ง หรือกระแสจิต ฯลฯ ขณะที่กลุ่มคนที่เรียนโหราศาสตร์รวมทั้งผู้เขียนด้วยจะทำนายตามลัคนาว่าสถิตราศีใดในท้องฟ้าที่มีทั้งหมดสิบสองราศีเป็นหลัก

ความหมายของลัคนา อธิบายได้ง่ายๆ(ที่ไม่ใช่ภาษาโหร) คือจุดสมมุติทางโหรวินาทีที่แต่ละคนลืมตาดูโลก หรือวินาทีที่ตกฟาก หรือหากฝ่าออกก็วินาทีร้องอุแว๊แรก แล้วเอา วัน เดือน ปี จังหวัด ประเทศเวลาตกฟาก (เวลาเกิด) มาคำนวณตามหลักของโหราศาสตร์ไทย วินาทีนั้นหากจุดสมมุติทางโหนอยู่ในราศีใดในบรรดาสิบสองราศีตั้งแต่เมษ-มีน ก็ถือเป็นคนลัคนาราศีนั้น

ฉะนั้นการหาลัคนาต้องมีเวลาเกิดที่แน่นอน ซึ่งนอกจากหาลัคนาแล้ว โหรก็จะคำนวณว่าวินาทีนั้นดาวต่างๆสถิตราศีใด ก็ได้จะเป็นแผนที่ชีวิตของพวกท่านเริ่มตั้งแต่เกิดไปจนถึงวันตาย ที่เรียกกันว่าพื้นดวงชะตาเดิม

การจะคำนวนหาลัคนาและตำแหน่งดาวต่างๆเพื่อให้ได้ดวงชะตาเดิมของแต่ละคนนั้น โหรสมัยก่อนทำได้ยากมาก แต่ละดวงชะตาอาจจะใช้เวลาคิดคำนวณกันเป็นเดือน ทำเสร็จแล้วเอาไว้ขึ้นหิ้งพระกราบไว้บูชาเพราะทำได้ยากมาก

ผิดจากสมัยนี้ที่วิทยาการก้าวหน้า เพียงไม่ถึงหนึ่งนาทีก็หาลัคนาและพื้นดวงชะตาเดิมของแต่ละท่านได้แล้ว เพียงมีสมาร์ทโฟนเครื่องเดี่ยวดังจะได้แนะนำต่อไป

อันว่าพื้นดวงชะตาเดิมนี้สำคัญนัก เพราะจะบอกระดับวาสนา-บุญ-กรรมของแต่ละคนแต่ละชีวิต แล้วตลอดชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไม่มีใครได้มากหรือน้อยไปกว่าพื้นดวงชะตาเดิม นั่นคือลัคนา-พื้นดวงชะตาเดิมเป็นเรื่องเฉพาะตัว บุคคลนั้นๆ

บางคนเกิดมาเพื่อเป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้เป็น บางคนเกิดมาเป็นระดับรัฐมนตรีก็ได้เป็นเพียงนั้น

บางคนเกิดมาเป็นอธิบดี แต่บางคนก็เกิดมาเป็นแค่ซี.8อย่างผู้เขียน

อ.เทพย์ สาริกบุตร ครูโหรผู้ล่วงลับ ท่านเขียนไว้ในหนังสือโหราศาสตร์ปริทรรศน์ ภาค4 ภววินิจฉัย เล่าว่า ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่4 ซึ่งยกย่องพระองค์ว่าเป็นพระบิดาโหราศาสตร์ไทยยุคใหม่ เพราะขณะทรงผนวชอยู่นานทรงศึกษาโหราศาสตร์จนแตกฉาน

ขณะนั้นมีพระรูปหนึ่งที่ทรงคุ้นเคยมีพื้นดวงชะตาเดิมเหมือนพระองค์ทุกอย่าง ทั้งวัน-เดือน-ปี-เวลาตกฟากหรือเวลาเกิด

เมื่อพระองค์ได้ขึ้นครองราชย์เป็นรัชกาลที่4แห่งราชวงศ์จักรี พระรูปนั้นก็ได้เลื่อนสมณะศักดิ์ขึ้นป็นพระราชาคณะเป็นเจ้าอาวาสพระอารามหลวงในพระนคร

ต่อมามีโอกาสที่ทรงถามพระราชาคณะรูปนั้นว่าทำไมพระองค์ได้เป็นพระมหากษัตริย์ ขณะที่พระรูปนั้นได้เป็นพระราชาคณะ พระองค์ก็ได้รับคำตอบว่า เป็นเพราะพระองค์เปรียบได้กับต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นอยู่บนยอดเขาจึงเติบโตได้สูงกว่า ส่วนพระราชาคณะเหมือนไม้ใหญ่เกิดอยู่ตีนเขาต่อให้ใหญ่โตเพียงใดก็ไม่เท่าเทียมไม้ที่อยู่บนยอดเขาได้

ทรงถามต่อว่ามีนี้พระองค์ได้ช้างเผือก ท่านได้อะไร ก็ได้รับคำตอบว่าแมวเผือก

นั่นคือตัวเอย่างชัดๆว่า แม้พื้นจะดวงชะตาเหมือนกันลัคนาเหมือนกันแต่ก็มีความแตกต่างกันไปในแต่ละดวงชะตา ซึ่งก็เป็นหน้าที่โหรที่จะไขแผนที่ชีวิตให้รู้คร่าวๆ เพื่อที่แต่ละคนจะได้รู้ทางชีวิตของตัวเองส่วนดีก็หาทางเสริม ส่วนร้ายก็หาทางปิดหรือแก้

หรือหากเสริม-ปิดไม่ได้ก็จะได้ไม่แปลกใจเช่น

มีเรื่องเล่าจากโหรภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติว่ามีครูโหรท่านหนึ่ง ลูกชายให้ดูดวงชะตาหลานชายว่าจะให้เรียนอะไร ครูโหรท่านนั้นบอกว่า ให้มาเรียนโหราศาสตร์กับพ่อ จะได้เอาไปหากินในคุก ซึ่งในที่สุดหลานท่านก็ติดคุกแล้วได้ใช้วิชาโหราศาสตร์ช่วยจริงๆ

จึงไม่แปลกที่ โหรเก่งๆนั้นท่านรู้ลัคนาและพื้นดวงชะตาเดิมของคนแล้วรู้ไปถึงลีลาชีวิต-จุดจบของชีวิตตามคำกล่าวที่ว่า-รู้เวลาเกิด(ลัคนา) รู้เรื่องตายเลยทีเดียว

ยังมีต่อ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข้าอยากได้อะไร...ข้าต้องได้

เราคนไทยมักจะอ้างว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐ มีการบริหารกิจการต่างๆ ภายในประเทศตามหลักการของนิติธรรม แต่สถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเวลานี้ หลายคนเริ่มตั้งข้อสงสัยว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐจริงหรือ

เมื่อ 'ธรรมชาติ' กำลังแก้แค้น-เอาคืน!!!

เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กรมอุตุนิยมวิทยาของบ้านเรา...ท่านเคยคาดๆ ไว้ว่า ฤดูหนาว ปีนี้น่าจะมาถึงประมาณปลายสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนตุลาคม

จ่ายเงินซื้อเก้าอี้!

ไม่รู้ว่าหมายถึง "กรมปทุมวัน" ยุคใด สมัยใคร จ่ายเงินซื้อเก้าอี้ ซื้อตำแหน่ง ในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ตามที่ "ทักษิณ ชินวัตร" สทร.แห่งพรรคเพื่อไทย ประกาศเสียงดังฟังชัดในระหว่างขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก

ไม่สนใจใครจะต่อว่า เสียงนกเสียงกา...ข้าไม่สนใจ

ถ้าหากเราจะบอกว่านายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 ของประเทศไทย เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีเสียงตำหนิ มีการนำเอาการพูดและการกระทำที่ไม่ถูกไม่ต้อง ไม่เหมาะไม่ควร

จาก 'น้ำตา' ถึง 'รอยยิ้ม' พระราชินี

ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา...ได้อ่านข่าวพระราชาและพระราชินีสเปน เสด็จฯ ทรงเยี่ยมเยียนผู้คนที่ประสบภัยน้ำท่วมในเมืองปอร์ตา แคว้นบาเลนเซีย