ก็ไม่แน่
เกมอาจจะเปลี่ยน
มีความพยายามจากพรรคเพื่อไทยที่จะสร้างกติกาใหม่ เพื่อความได้เปรียบ ตามยุทธศาสตร์แลนด์สไลด์ที่ปูทางเอาไว้ตั้งแต่แรก
หมากที่ว่านี้คือการ ยื่นเสนอร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๕๙ ว่าด้วยเรื่องการให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี
และ มาตรา ๒๗๒ ยกเลิกมิให้สมาชิกวุฒิสภา ร่วมเลือกนายกรัฐมนตรี
ถือว่าวางแผนไว้ดี
เจตนาของพรรคเพื่อไทยในครั้งนี้ พอสรุปได้ว่า แท้จริงแล้วยังไม่อยากให้มีการยุบสภา แต่ต้องการแก้รัฐธรรมนูญก่อน
การเลือกนายกรัฐมนตรี นับว่ามีความสำคัญอย่างมาก เพราะต่อให้พรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์ เป็นพรรคชนะการเลือกตั้งอันดับ ๑ แต่ก็อาจจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้
เพราะรวมเสียงไม่ได้
การจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้่งปี ๒๕๖๒ หากไม่มีบทเฉพาะกาล ของรัฐธรรมนูญ ที่บัญญัติว่าการเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นหน้าที่ของที่ประชุมรัฐสภา ซึ่งก็คือ สภาผู้แทนราษฎร กับ วุฒิสภา ก็มีโอกาสสูงที่พรรคเพื่อไทยจะสามารถรวบรวมเสียงจนจัดตั้งรัฐบาลได้
ฉะนั้นคราวนี้พรรคเพื่อไทยมีความมุ่งมั่นที่จะเขี่ยวุฒิสภาออกไป ให้สภาผู้แทนราษฎรเท่านั้นเป็นผู้โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี
โอกาสสำเร็จมีความเป็นไปได้แค่ไหน?
"ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม" นักกฎหมายมหาชน สรุปประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เสนอโดยพรรคเพื่อไทยเอาไว้ดังนี้ครับ
"...หากพิจารณาประเด็นแรก แก้ไขให้นายกรัฐมนตรีมาจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จึงขอเสนอให้แก้ไขเพิ่มเติมในมาตรา ๑๕๙ จะมีผลทางกฎหมาย
(๑) บุคคลที่จะมีคุณสมบัติเป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องสังกัดและเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง
(๒) ตัดสิทธิบุคคลภายนอกไม่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้
(๓) พรรคการเมืองไม่ต้องแจ้งบัญชีรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีตามมาตรา ๘๘ เพราะเกณฑ์คุณสมบัติว่าที่นายกรัฐมนตรีจะเปลี่ยนไป หากพรรคการเมืองใดเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและเสียงข้างมาก จะเป็นนายกรัฐมนตรี
อีกประเด็นหนึ่ง พรรคเพื่อไทยเสนอ แก้ไขตัดอำนาจของ ส.ว.โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา ๒๗๒ เห็นว่า ตามบทเฉพาะกาลห้าปีแรกการให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีให้ดำเนินการตามมาตรา ๑๕๙ โดยให้กระทำในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาและมติที่เห็นชอบการแต่งตั้งบุคคลใดให้เป็นนายกรัฐมนตรีตามมาตรา ๑๕๙ วรรคสาม ต้องมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา ผลทางกฎหมาย ดังนี้
(๑) การตัดอำนาจของ ส.ว.ทำให้สิทธิในการให้ความเห็นชอบและลงมติเลือกมติของสมาชิกร่วมกันของรัฐสภา ขัดกับประชามติเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนในการตรารัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐
(๒) การให้ความเห็นชอบ บุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีให้ดำเนินการตามมาตรา ๑๕๙ จะเป็นช่องทางให้พรรคเพื่อไทย หากชนะแลนด์สไลด์สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้..."
ในภาพรวมไม่ต่างไปจากที่พรรคก้าวไกลเคยเสนอเมื่อต้นปี แต่ไม่ประสบความสำเร็จ
คราวนี้่น่าจะต่างออกไป
ด้วยเงื่อนไขเวลา การเปลี่ยนแปลงของพรรคการเมืองต่างๆ รวมทั้งปฏิกิริยาของวุฒิสภาต่อรัฐบาลช่วงหลัง ไม่เป็นเอกภาพเหมือนช่วงแรกๆ
เพื่อไทยเห็นโอกาส
งานนี้ยิงปืนนัดเดียวได้นก ๒ ตัว
ตัวแรกหากแก้ไขสำเร็จ โอกาสเพื่อไทยตั้งรัฐบาลมีค่อนข้างมาก
ตัวที่สอง แม้แก้ไขไม่สำเร็จ ถือเป็นการเช็กเสียงสมาชิกวุฒิสภาไปในตัว
จำนวน ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลที่ทยอยลาออกไปเรื่อยๆ มีผลต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญเช่นกัน
มีโอกาสที่ฝ่ายรัฐบาลจะแพ้โหวตให้พรรคเพื่อไทยและพรรคการเมืองที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีพรรคร่วมรัฐบาลรวมอยู่ด้วย
รวมทั้งสมาชิกวุฒิสภาบางส่วนที่อาจแตกแถวออกไป
แต่รัฐบาลโดยเฉพาะ "ลุงตู่" ก็มีเครื่องมือสำคัญคือ การยุบสภา
นั่นคือสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากนี้
แต่ก็ไม่ง่ายบนเงื่อนเวลาที่เหลืออยู่แค่ ๒ เดือนกว่า
การแก้ไขรัฐธรรมนูญมีกระบวนการที่ซับซ้อนกว่าการแก้ไขกฎหมายธรรมดา
อย่างที่รู้กันครับรัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐ แก้ไขยาก
จะต้องมีเสียงวุฒิสมาชิก ไม่น้อยกว่า ๑ ใน ๓
หรือ ๘๔ เสียง
ร่วมให้ความเห็นชอบด้วย
สรุปคือการเสนอขอแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทยโอกาสสำเร็จยาก แต่สร้างแรงกระเพื่อมได้พอสมควรทีเดียว
การจุดประเด็นนี้ขึ้นมาก่อนการเลือกตั้ง ที่โพลหลายสำนักระบุว่า พรรคเพื่อไทย จะชนะการเลือกตั้งเป็นพรรคอันดับที่ ๑ ขณะที่สถานการณ์ของพรรคพลังประชารัฐ ยังคลุมเครือ ไม่ต่างจากพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งอาจจะมีผลต่อการเลือกตั้ง ๒ พรรคนี้ รวมกันแล้วยังได้ ส.ส.ไม่เท่าพรรคเพื่อไทย อาจทำให้สมาชิกวุฒิสภาคิดหนักพอควร
ท่าทีจาก "วันชัย สอนศิริ" แม้เป็นความเห็นของคนเพียงคนเดียวก็มองข้ามไปไม่ได้ เพราะช่วงหลังเริ่มมี ส.ว.แบบ "วันชัย" ให้เห็นอยู่เรื่อยๆ
"...ผมเห็นว่าบริบททางการเมืองในตอนนั้นและสถานการณ์ทางการเมืองในตอนนี้มันต่างกันมาก ๒๕๐ ส.ว.ตอนนั้นกับ ส.ว. ๒๕๐ ตอนนี้ก็ไม่เหมือนกันอย่างมากเช่นกัน ใครจะมาจากสายของใคร แต่ตอนเลือกนายกฯ ในครั้งนั้นเขาดูว่าใครจะรวบรวมเสียง ส.ส.ได้เกินกว่ากึ่งหนึ่ง เขาก็เลือกคนนั้นเป็นนายกรัฐมนตรี เรื่องเลือกตัวบุคคลเป็นเหตุผลรอง
ในการเลือกตั้งครั้งหน้านี้ใครจะมองอย่างไรก็แล้วแต่ แต่ในฐานะที่ผมเป็น ส.ว.คนหนึ่ง รู้และเข้าใจความรู้สึกของ ส.ว.ว่าเพื่อนก็คือเพื่อน พวกก็คือพวก ความกตัญญูรู้คุณนั่นก็เป็นเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องส่วนตัว แต่เรื่องของประเทศชาติบ้านเมืองและประชาชนสำคัญกว่า ใครที่รวบรวมเสียง ส.ส.ได้เกินกว่ากึ่งหนึ่งจึงมีแต้มต่อที่สำคัญ ส.ว.ก็ต้องตัดสินใจด้วยเสียงของประชาชนเป็นตัวตั้ง คงไม่ได้มองเพื่อนและพวกเป็นหลัก..."
คำพูดของ "วันชัย" อาจจะแค่ประดิษฐ์ให้สวยหรูเพื่อสร้างภาพก็ได้ แต่เมื่อถึงเวลาโหวตเลือกนายกฯ ก็ว่ากันตามโผ
และหากยึดเอาตามสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน การโหวตตามโผ ก็อาจมีปัญหาได้เหมือนกัน
ครับ...ไม่ต้องแก้รัฐธรรมนูญก็อาจปวดหัวได้ไม่แพ้กัน
สมาชิกวุฒิสภาคงต้องกุมขมับไม่รู้จะโหวตเลือกใครเป็นนายกฯ
หากพลังประชารัฐชู "ลุงป้อม"
รวมไทยสร้างชาติชู "ลุงตู่"
ออกมารูปนี้สมาชิกวุฒิสภา เสียงแตก แน่นอน
ส่วนเพื่อไทยยิ้มหวานเพราะมีคนมาช่วยหาร
และนี่จะเป็นอีกบทพิสูจน์ว่า แท้จริงแล้ว ๓ ป. ยังเหนียวแน่นกันเหมือนเดิมใช่หรือไม่.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อย่าปล่อยให้เหลิง
นักร้องยังไม่ทำงาน... จนถึงขณะนี้ยังไม่มีคำร้องเกี่ยวกับการปราศรัยของ "ทักษิณ ชินวัตร" ไปยัง กกต.เลยครับ
เจอตอ ชั้น ๑๔
งวดเข้ามาทุกทีครับ... หากไม่มีอะไรผิดพลาด วันที่ ๑๕ มกราคมนี้ พยานหลักฐานกรณีนักโทษเทวาดาชั้น ๑๔ น่าจะอยู่ในมืออนุกรรมการสอบสวนชุดเฉพาะกิจแพทยสภา ชุดที่ คุณหมออมร ลีลารัศมี เป็นประธาน ครบถ้วนสมบูรณ์
'ทักษิณ' ตายเพราะปาก
แนวโน้มเริ่มมา... ปลาหมอกำลังจะตายเพราะปาก เรื่องที่ "ทักษิณ ชินวัตร" ไปปราศรัยใหญ่โต เวทีเลือกตั้งนายก อบจ.หลายจังหวัด ทำท่าจะเป็นเรื่องแล้วครับ
พ่อลูกพาลงเหว
มันชักจะยังไง.... พ่อลูกคู่นี้จะไปได้สักกี่น้ำกันเชียว ก่อนนี้ "ทักษิณ" ริ "ยิ่งลักษณ์" ยำ
นี่แหละตัวอันตราย
การเมืองปีงูเล็กจะลอกคราบ เริ่มต้นใหม่ ไฉไล กว่าเดิม หรือจะดุเดือดเลือดพล่าน ไล่กะซวก เลือดสาดกันไปข้าง
แก้รัฐธรรมนูญแกงส้ม
ก็เผื่อไว้... อาจจะมีการลักไก่ ลัดขั้นตอนแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ