รถบัสของบริษัท Crucero del Norte วิ่งจากเมืองโปซาดัสขึ้นเหนือ มีปลายทางคือเมืองปวยโตอีกวาซูที่อยู่ห่างไปประมาณ 300 กิโลเมตร ทั้งสองเมืองนี้อยู่ในรัฐเดียวกัน ชื่อว่ารัฐมีซีโอเนส
เมื่อออกจากเขตเมืองโปซาดัสแล้วถนนหุบเหลือแค่ 2 เลน พอให้รถวิ่งสวนกัน สองข้างทางบางช่วงเผยให้เห็นสภาพดิน ดูออกทันทีว่าเป็นดินอุดมสมบูรณ์ เหมาะแก่การเพาะปลูก สมกับคำว่า Misiones-Tierra Colorado หรือ “มีซีโอเนส-ดินแดนแห่งดินสีแดง”
รถบัสจอดตามป้ายริมทางเหมือนรถบัสหวานเย็นบ้านเรา มีป้ายเฉพาะของบริษัท บางป้ายจอดรวมหลายบริษัท นอกจากนี้ก็ยังเข้าไปรับผู้โดยสารในสถานีขนส่งใหญ่ๆ อีกด้วย แต่ไม่เปิดโอกาสให้ผู้โดยสารลงไปทำกิจส่วนตัว บนรถมีห้องน้ำอยู่ที่ชั้นล่าง ส่วนของกินมีคนขึ้นมาขาย แล้วก็ลงที่ป้ายถัดไป
บ่าย 3 ครึ่งรถบัสเข้าจอดที่สถานี Terminal Puerto Iguazu เท่ากับใช้เวลาจากโปซาดัสถึงปวยโตอีกวาซู 5 ชั่วโมง 15 นาที ผมลงจากรถบัสแล้วยืนหมุนอยู่สองสามรอบ จนไม่เหลือผู้โดยสารที่นั่งคันเดียวกันมา เดินไปถามเจ้าหน้าที่บริเวณชานชาลาเป็นภาษาอังกฤษว่าไป Foz do Iguacu ฝั่งบราซิลต้องขึ้นรถที่ไหน เขาตอบเป็นภาษาสเปน ผมเข้าใจตรงที่เขาชี้ไม้ชี้มือ
ชานชาลารถออกอยู่ติดกับชานชาลารถเข้า บนลานซีเมนต์เดียวกัน ไม่มีอะไรกั้น เพียงแค่แบ่งฝั่งซ้าย-ขวา แต่ไม่อนุญาตให้เดินตรงไปได้ ต้องข้ามสะพานลอยวกไปลงฝั่งรถออก
ผมเดินตามที่เจ้าหน้าที่บอก ลงสะพานลอยแล้วเจอห้องขายตั๋วของบริษัท Rio Uruguay เป็นห้องแรก หน้าห้องเขียนว่า We Speak English แต่พนักงานขายตั๋วพูดภาษาอังกฤษได้แค่พอเอาตัวรอด เขาเอ่ยตัวเลขค่ารถ 700 เปโซ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 80 บาท ถือว่าถูกมากสำหรับการโดยสารรถบัสข้ามประเทศ ระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร
หากใครจะไปน้ำตกอีกวาซูฝั่งบราซิลก็มีรถจากที่นี่ โดยเมื่อข้ามประเทศไปแล้วรถไปน้ำตกจะเลี้ยวขวาที่ 3 แยกใหญ่ ส่วนรถเข้าเมืองต้องเลี้ยวซ้าย ผมเคยมาชมน้ำตกอีกวาซูทั้งฝั่งอาร์เจนตินาและฝั่งบราซิลเมื่อ 3 เดือนก่อนพร้อมกับพระคุณเจ้า 2 รูปโดยใช้บริการของรถแท็กซี่กึ่งๆ ไกด์นำทาง หากมาคนเดียวผมจะต้องใช้บริการรถโดยสารอย่างแน่นอน ซึ่งการเดินทางข้ามไปฝั่งบราซิลเที่ยวนี้ก็พอจะฉายภาพได้ว่า หากจะนั่งรถโดยสารจากฝั่งอาร์เจนตินาไปชมน้ำตกฝั่งบราซิลนั้นต้องเจอกับอะไรบ้าง
รถบัสออกจากสถานีและวิ่งไปถึงด่าน ตม. ขาออกของอาร์เจนตินา ผู้โดยสารลงไปยืนเข้าคิวในสำนักงานโดยไม่ต้องลากกระเป๋าลงไปด้วย เจ้าหน้าที่รับพาสปอร์ตไป บันทึกข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์แล้วยื่นพาสปอร์ตกลับมา ไม่มีการประทับตราใดๆ ในพาสปอร์ต
กระบวนการขาออกเป็นไปอย่างรวดเร็ว ผู้โดยสารกลับไปขึ้นรถบัสคันเดิม รถวิ่งข้ามแม่น้ำอีกวาซู พรมแดนธรรมชาติอาร์เจนตินา-บราซิล สักพักเข้าจอดที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองบราซิล ผู้โดยสารลงจากรถบัสทุกคนพร้อมสัมภาระทั้งหมด ส่วนรถบัสก็รับผู้โดยสารจากรถเที่ยวที่แล้วที่ได้ตราแสตมป์เข้าเมืองเรียบร้อยเดินทางต่อไปยังสถานีขนส่งเมือง Foz do Iguacu ขณะที่พวกเรารอบนี้ก็รอรถบัสที่จะมาส่งผู้โดยสารคันถัดไป
หน้าห้อง ตม.บราซิล ผมหยิบแบบฟอร์มมาจะกรอกข้อมูล ได้ยินคนพูดภาษาอังกฤษว่า “คุณไม่จำเป็นต้องใช้แบบฟอร์มถ้าคุณมีพาสปอร์ต” หันไปพบชายวัยกลางคน สวมเชิ้ตสีฟ้า หน้าตาเหมือนคนญี่ปุ่น มีบัตรห้อยคอ ผมนึกว่าเป็นเจ้าหน้าที่ ตม. แต่หลังจากได้แสตมป์ตราเข้าบราซิล ออกจากห้องมาก็มาเจอคุณน้าอีก คราวนี้แกพูดภาษาญี่ปุ่นกับผม ถามว่า “คนญี่ปุ่นหรือเปล่า” ผมตอบเป็นภาษาอังกฤษว่า “คนไทย” แกก็ร้องอ๋อ ผมไม่ได้ถามว่าแกมีอาชีพอะไร ค่อนข้างมั่นใจว่าขับแท็กซี่ แต่แกไม่ชวนให้ผมใช้บริการ คงเพราะลูกค้าของแกกำลังทำธุระผ่านแดนอยู่ มีโชเฟอร์แท็กซี่คนหนึ่งเข้ามาเซ้าซี้ ผมบอกว่ามีรถบัส เขาว่า “รถบัส ช้านะ” แล้วรถบัสก็เข้ามาจอด
รถคันนี้ไม่ใช่ของบริษัท Rio Uruguay แต่เป็นของ Crucero del Norte โชเฟอร์ทำไม้ทำมือบอกให้ขึ้นรถ ผมพูดว่าตั๋วของผมเป็นของ Rio Uruguay เขาทำท่าทางเหมือนเดิม มีคนเสร็จธุระประทับตราผ่านแดนพร้อมผมห้าหกคน เห็นพวกเขาเดินขึ้นรถ ผมจึงกล้าขึ้นไปด้วย
สถานีปลายทางของรถบัสที่เมือง Foz do Iguacu (แปลว่า “ปากแม่น้ำอีกวาซู”) มีชื่อเต็มว่า Terminal de Transporte Urbano – Pedro Antonio de Nadai ตัวย่อคือ TTU รถบัสของเราจอดด้านนอกสถานี รวมแล้วใช้เวลาจากสถานีปวยโตอีกวาซูในอาร์เจนตินาจนถึงสถานี TTU ในเมืองฟอซดูอีกวาซู รวมขั้นตอน ตม.ของทั้ง 2 ฝั่งแล้วแค่ 1 ชั่วโมงครึ่ง
ครอบครัวหนึ่งที่นั่งมาด้วยกันชวนผมเดินเข้าเขตใจกลางเมืองที่อยู่ห่างไปไม่กี่ร้อยเมตร แต่พอผมบอกว่าจะไป Rodoviaria ซึ่ง Rodoviaria แปลว่า “สถานีรถบัส” ในบริบทนี้หมายถึงสถานีรถบัสข้ามเมือง-ข้ามประเทศ ชายผู้นำครอบครัวก็ชี้มือให้ผมข้ามทางมาลายเข้าไปในสถานี TTU อันที่จริงนาทีนี้ผมอยากได้แท็กซี่มากกว่า เพราะไม่รู้จะขึ้นรถเมล์ไป Rodoviaria อย่างไร แต่ก็ไม่เห็นแท็กซี่เลยสักคัน เดินเข้าไปในสถานี TTU อย่างเก้ๆ กังๆ
ผมแปลเอาจากคำว่า Transporte Urbano จึงเข้าใจว่าสถานีแห่งนี้เป็นท่าหรือชุมทางรถเมล์ในเขตเมือง มีช่องชานชาลาให้รถเข้ามาจอด 2 เลน เลนละหลายจุดจอด มีหมายเลขสายรถกำกับไว้ ผมไม่รู้สายไป Rodoviaria จึงมองหาป้าย Information แต่ไม่เจอ ได้ยินเสียงคนตะโกนมาเป็นภาษาอังกฤษ “You need any help?” ผมหันไปทางต้นเสียง ชายหนุ่มหิ้วกระติกอยู่ 1 ใบคล้ายกระติกน้ำแข็ง มีเป้สะพายหลัง ผมนึกว่าเป็นนักท่องเที่ยวเพราะพูดภาษาอังกฤษดีมาก คุยไปคุยมาจึงรู้ว่าเขาเป็นคนท้องถิ่น
เขาบอกสายรถเมล์ที่จะไป Rodoviaria คือสาย 40 และสาย 255 แล้วเขาก็เดินไปส่งถึงป้ายของเลนที่ 2 มีตารางเวลาของรถแต่ละสายติดอยู่ สาย 40 เพิ่งออกไปไม่นาน สาย 255 กำลังจะมาถึงในเวลา 17.05 น. หรืออีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
ผมอยากสนทนากับหนุ่มหิ้วกระติกและอยากรู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน เห็นเขาเดินไปทั่วสถานี เปิดกระติกให้คนหยิบสิ่งของในนั้นแล้วรับเงินมา พอรถสาย 255 วิ่งเข้ามา เขาเดินจากอีกเลนมาหาผม บอกว่า “รถคุณมาแล้ว” ผมถามเขาว่า “คุณรู้ไหม ค่ารถเท่าไหร่ ?” เขาตอบ “5 เรียล” ถามเขาอีกว่า “คุณขายอะไร?” เขาเปิดกระติกให้ดู ในนั้นเต็มไปด้วยช็อกโกแลตรูปร่างคล้ายแคปซูลกาแฟ ห่อชั้นนอกสุดด้วยกระดาษฟอยล์คละสี ผมถามราคา เขาตอบ 2.45 เรียล ผมหยิบสีน้ำเงินมา 1 ชิ้น ให้เขาไป 5 เรียล ขอให้เขาเก็บเงินทอนไว้ เขาบอกว่า “Take one more” ผมปฏิเสธ เขาก็หยิบสีน้ำเงินยัดใส่มืออีกชิ้น ช่วงเวลาสั้นๆ ตรงนี้มีเพียงพอให้เรากล่าวคำอวยพรให้อีกฝ่ายประสบโชคดี
ระยะทางไปยัง Rodoviaria นั้นแค่ 3.5 กิโลเมตร แต่รถเมล์สาย 255 วิ่งอ้อมไปเกือบ 10 กิโลเมตร แต่ก็ใช้เวลาแค่ 25 นาที ถึงทางเข้าด้านข้างของ Rodoviaria ซึ่งมาจากชื่อเต็ม Rodoviaria Internacional de Foz do Iguacu ห้องขายตั๋วตั้งเรียงกันอยู่ ผมศึกษาข้อมูลมาก่อนแค่เล็กน้อย จำได้ว่าบริษัท Pluma มีรถบัสไปเซาเปาโล เดินเข้าไปดูใกล้ๆ เห็นป้าย “เซาเปาโล 19.00 และ 20.00” ตอนนี้ 5 โมงครึ่งจึงคิดว่าซื้อเที่ยว 19.00 จะลงตัวที่สุด มีเวลานั่งพัก จัดการเรื่องซิมโทรศัพท์ และหาอะไรกิน จ่ายค่าตั๋ว 198 เรียล เงินเรียลนี้ผมมีเหลือมาจากการเดินทางในรัฐแอมะโซนัสเมื่อเกือบ 4 เดือนก่อน
ได้ตั๋วแล้วผมเดินขนานไปกับแถวแนวของช่องขายตั๋วบริษัทต่างๆ จนเจอบริษัท Catarinense ก็อยากเอามือเขกหัวตัวเอง บริษัทนี้มีช่องบริการที่ใหญ่กว่าบริษัทอื่นๆ 2-3 เท่า มีจอทีวีขึ้นข้อมูลต่างๆ ฉายภาพรถบัสของบริษัทที่เก้าอี้กว้าง ปรับเอนนอนได้ 180 องศา และมีรถไปเซาเปาโลเที่ยว 18.45 น. พนักงานในยูนิฟอร์มเดินมาที่หน้ากระจก เมื่อเห็นผมจ้องดูอะไรบางอย่าง เขาพูดภาษาอังกฤษได้ดี ถามอย่างสุภาพ ไม่เหมือนกับพนักงานบริษัท Pluma ที่ผมเพิ่งซื้อตั๋วไป ผมสารภาพกับเขาว่าน่าเสียดายที่ซื้อของอีกบริษัทไปแล้ว เขายิ้มแล้วพูดกลับมาว่า “ไม่เป็นไร ไว้คราวหน้าก็ได้”
ในสถานีขนส่งแห่งนี้มีร้านอาหารอยู่สี่ห้าร้าน ร้านขายของที่ระลึกจำนวนเท่าๆ กัน และร้านขายยา 1 ร้าน ผมมั่นใจว่าร้านขายยาจะต้องมีบริการซิมการ์ดและเติมอินเทอร์เน็ต เป็นอย่างนั้นจริงๆ แม้จะพูดกันไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ผมก็ได้อินเทอร์เน็ตมาใช้สมใจ
จากนั้นสั่งแซนด์วิชและเบียร์ Brahma ชนิด Puro Malta ภาษาอังกฤษก็คือ Pure Malt มานั่งกินที่โต๊ะส่วนกลาง มีลุงขี้เมาคนหนึ่งเดินป่วนไปทั่วสถานี เที่ยวขอเงินคนโน้นคนนี้ ใครไม่ให้แกก็ตวาดใส่ ซึ่งผมไม่เห็นใครให้แกสักคน ตอนเดินเฉียดผมแกไม่ได้ขอ แล้วไปเฉียดอีกโต๊ะ ลุงคนหนึ่งนั่งอยู่ แกพูดบางอย่างไล่หลังลุงขี้เมา อีกฝ่ายหันมาทันทีและเดินเข้าไปจะเอาเรื่อง ลุงไม่เมาลุกขึ้นและตั้งการ์ดพร้อมชก ลุงขี้เมาหยุดอยู่ที่ระยะห่างประมาณ 2 เมตร ยังพูดไม่หยุดหย่อน แต่ก็ไม่เข้าไปใกล้กว่านั้น
เวลา 18.45 น. ผมเดินไปขึ้นรถ พนักงานยกกระเป๋าเข้าใต้ท้องรถไม่มีธนบัตรอยู่ตามซอกนิ้วเหมือนคนยกกระเป๋าของอาร์เจนตินา ไม่มีใครให้ทิป เขาก็ไม่ขอทิป และที่ผมประสบหลังจากนั้นก็เป็นอันสรุปว่าไม่มีการขอทิปสำหรับการยกกระเป๋าเข้าใต้ท้องรถบัสในบราซิล
รถบริษัท Pluma ดูใหม่เฉพาะด้านนอกตัวรถ ขัดแย้งกับสภาพด้านใน ไม่มีผ้าห่ม ผู้โดยสารต้องนำขึ้นมาเอง ผมจึงต้องใช้แจ็กเกตกันหนาวห่ม เก้าอี้ปรับเอนได้ประมาณ 140 องศา วันนี้ผู้โดยสารทั้งรถมีราว 70-80 เปอร์เซ็นต์ของความจุ ถ้าเป็นชาวต่างชาติจะมาจากน้ำตกอีกวาซู ส่วนคนท้องถิ่นก็คือผู้ที่เข้าไปทำงานในเซาเปาโล เมืองใหญ่ที่สุดของบราซิล
เวลา 4 ทุ่ม 15 นาที รถจอดที่จุดพักรถแห่งหนึ่ง โชเฟอร์ขึ้นมายืนกลางรถอธิบายอะไรบางอย่างด้วยภาษาโปรตุเกสเป็นชุด เดาเอาว่าคงบอกกฎกติกาเรื่องเวลาที่จะต้องกลับมาขึ้นรถ
ผมถ่ายรูปรถบัสไว้ระบุเวลา 4 ทุ่ม 17 นาที แล้วเดินเข้าศูนย์อาหาร ได้รับแผ่นอะคริลิกขนาดเท่าฝ่ามือก่อนผลักประตูหมุนเข้าไป เจอวัยรุ่นสาวชาวอังกฤษที่นั่งรถมาด้วยกัน ถามเธอว่ารถจอดกี่นาที เธอตอบว่า “30 นาที แต่อาจจะนานกว่านั้นก็ได้” ผมถามอีกว่าแผ่นอะคริลิกนี่ใช้ทำอะไร เธอว่า “พนักงานจะยิงที่บาร์โค้ด ตอนออกจากร้านแคชเชียร์จะได้คิดเงินทีเดียว เพื่อความรวดเร็วไงล่ะ”
ผมหยิบไก่ทอดส่วนน่องติดสะโพกมา 1 ชิ้น น้ำแอปเปิล 1 กล่อง ถ่ายรูปไก่ที่กินไปได้ครึ่งหนึ่งตอน 4 ทุ่ม 26 นาที กินแป๊บเดียวก็หมด แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อแปรงฟัน พอแปรงฟันเสร็จหยิบกล่องไหมขัดฟันออกมา แล้วเปลี่ยนใจ เพราะคิดว่าแค่แปรงฟันก็เปิดโอกาสให้โควิดมากพอแล้ว ยัดกล่องไหมขัดฟันกลับใส่เป้ แล้วออกจากห้องน้ำ
ศูนย์อาหารของจุดพักรถแห่งนี้ ผนังเป็นกระจกรอบด้าน ผมมองตรงไปยังจุดที่รถบัส Pluma จอดอยู่ รถค่อยๆ ถอยหลังเคลื่อนออก ผมรีบวิ่งไปที่กระจก โบกไม้โบกมือให้ แต่คนขับไม่น่าจะเห็น รถถอยจนสุดและกำลังจะเลี้ยวออกไปจากลานจอด ผมเห็นป้าคนหนึ่งนอกกระจก ส่งสัญญาณบอกแกว่านั่นรถของผม ช่วยยื้อไว้ที ไม่รู้ว่าแกเข้าใจหรือเปล่า แต่ผมก็ต้องรีบไปจ่ายเงินกับแคชเชียร์
การชำระเงินเป็นไปอย่างล่าช้า ผมคิดว่าถ้าหากคุณป้าแกหยุดรถไม่สำเร็จ ผมวิ่งตามรถไม่ทันแน่นอน และคืนนี้ก็คงได้นอนที่จุดพักรถแห่งนี้ แต่กระเป๋าอีก 2 ใบจะตามคืนมาอย่างไร เซาเปาโลอยู่ห่างออกไปเกือบ 1 พันกิโลเมตร
พอออกจากประตูศูนย์อาหารเห็นรถบัสจอดอยู่ตรงทางออกลานจอดรถ แต่ไม่เห็นคุณป้าผู้เป็นเทพี ขณะเดินขึ้นรถผมได้รับเสียงโห่แซวเกรียวกราว โดยเฉพาะจากพวกผู้ชายด้านหลังรถ ผมดูเวลา 4 ทุ่ม 40 นาที แวะพักยังไม่ถึง 30 นาทีด้วยซ้ำ หรือไม่สาวอังกฤษไม่รู้จริง แต่บอกเวลามั่วๆ ไว้ก่อนเพื่อโชว์ว่าเธอเข้าใจภาษาโปรตุเกส
นั่งประจำที่ลงได้แล้วก็มานึกดู ผมโชคดีที่เมื่อกี๊ไม่ใช้ไหมขัดฟัน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข้าอยากได้อะไร...ข้าต้องได้
เราคนไทยมักจะอ้างว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐ มีการบริหารกิจการต่างๆ ภายในประเทศตามหลักการของนิติธรรม แต่สถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเวลานี้ หลายคนเริ่มตั้งข้อสงสัยว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐจริงหรือ
เมื่อ 'ธรรมชาติ' กำลังแก้แค้น-เอาคืน!!!
เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กรมอุตุนิยมวิทยาของบ้านเรา...ท่านเคยคาดๆ ไว้ว่า ฤดูหนาว ปีนี้น่าจะมาถึงประมาณปลายสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนตุลาคม
จ่ายเงินซื้อเก้าอี้!
ไม่รู้ว่าหมายถึง "กรมปทุมวัน" ยุคใด สมัยใคร จ่ายเงินซื้อเก้าอี้ ซื้อตำแหน่ง ในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ตามที่ "ทักษิณ ชินวัตร" สทร.แห่งพรรคเพื่อไทย ประกาศเสียงดังฟังชัดในระหว่างขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก
ช่วงเค้าลางคดีสำคัญของนายกรัฐมนตรีก่อตัวในดวงเมือง
ขอพักการทำนายเค้าโครงชีวิตคนปี 2568 ไว้ชั่วคราว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคิวที่รออยู่คือท่านที่ลัคนาสถิตราศีตุล
ไม่สนใจใครจะต่อว่า เสียงนกเสียงกา...ข้าไม่สนใจ
ถ้าหากเราจะบอกว่านายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 ของประเทศไทย เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีเสียงตำหนิ มีการนำเอาการพูดและการกระทำที่ไม่ถูกไม่ต้อง ไม่เหมาะไม่ควร
จาก 'น้ำตา' ถึง 'รอยยิ้ม' พระราชินี
ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา...ได้อ่านข่าวพระราชาและพระราชินีสเปน เสด็จฯ ทรงเยี่ยมเยียนผู้คนที่ประสบภัยน้ำท่วมในเมืองปอร์ตา แคว้นบาเลนเซีย