สำหรับข่าวใหญ่เมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา มันทำให้เห็นวุฒิภาวะจากหลายคนในสังคมไทยเราที่ขาดความ Decency
ไม่ว่าใครจะชอบพรรคการเมืองใด จะสวมเสื้อสีอะไร พอเกี่ยวกับชีวิตของมนุษย์คนหนึ่ง (ถึงแม้จะไม่ชอบครอบครัวเขาก็ตาม) ก็น่าจะมีการเว้นเรื่องความชอบทางการเมือง แต่ที่เห็นได้ชัดบางคนแยกแยะไม่เป็น
แล้วก่อนที่พวกเราจะไปด่าฝ่ายตรงข้าม ผมบอกเลยว่าอาการแบบนี้มีชัดในทุกฝ่าย ทุกสีครับ อยู่ที่ว่าสังคมไทยเราจะยอมรับการกระทำของพวกเรากันเองหรือไม่?
เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว มีข่าวใหญ่ที่น่าจะโด่งดังทั่วโลก เป็นการแลกเปลี่ยนนักโทษระหว่างประเทศ รัสเซียกับสหรัฐอเมริกา สองนักโทษที่ว่าคือ Brittney Griner กับ Viktor Bout
สำหรับคนอเมริกันที่ติดตามข่าวคราวนี้ ต่างลุกขึ้นปรบมือให้กับประธานาธิบดี Joe Biden ที่สามารถเจรจาการปล่อยตัวของ Griner ออกจากคุกของรัสเซียได้ สื่อทั้งในโลกจริงและในโลกออนไลน์เข้าแถวยกย่อง Biden และแสดงความดีใจที่ Griner สามารถกลับมาบ้านได้ แต่พอเอาเข้าจริง เป็นการปรบมือที่ไม่ดังเต็มที่ และเป็นการร้อง “ไชโย!!!” ที่ไม่เต็มปอด เพราะต้องแลก Griner กับอาชญากรข้ามชาติระดับต้นๆ ของโลกในตัว Bout
แล้วสิ่งที่บ่งบอกถึงสถานการณ์โลกเราในยุคปัจจุบัน คือแรงกดดันที่ฝ่ายสหรัฐมีเพื่อปล่อย Griner มาจากโลกโซเชียล มาจากผู้เรียกร้องสิทธิ มาจากผู้ที่ไม่คำนึงถึงการเมืองระดับโลก แต่กลับผลักดันและรณรงค์ บีบบังคับ ให้ผู้นำประเทศต้องไปเจรจาแลกนักโทษ Griner (ที่เป็นนักบาสหญิง และเป็นคนมีชื่อเสียงในสังคมอเมริกัน) กับ Bout ที่ในยุคหนึ่งเป็นนักค้าอาวุธเบอร์หนึ่งของโลก
สำหรับหลายคนที่ไม่ได้ติดตามข่าวคราวเรื่องนี้ Griner ถูกจับเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ปีนี้ ที่สนามบิน Sheremetyevo ในประเทศรัสเซีย ด้วยน้ำมันกัญชาที่ไม่ถึงหนึ่งกรัม ทาง Griner บอกว่าน้ำมันกัญชาที่มีอยู่มีไว้ใช้สำหรับการแพทย์ และมีใบรับรองแพทย์ถูกต้องทุกประการ ไม่ได้มีไว้ให้เสพ แต่ทางรัสเซียไม่เชื่อ (หรือทำเป็นไม่เชื่อ) ทางรัสเซียตั้งข้อกล่าวหาว่า Griner ครองยาเสพติดเพื่อขายต่อ (และเสพ) ซึ่งมีโทษจำคุก 10 ปี
ในเดือนกรกฎาคม (ปีนี้) Griner ยอมรับผิดทุกข้อกล่าวหา และศาลรัสเซีย สั่งจำคุก 9 ปี แล้วทุกอย่างค่อยๆ เงียบหายไป ถึงแม้จะมีกลุ่มบางกลุ่ม มีนักบาส และสื่อสายกีฬา ในสหรัฐอเมริกาพยายามรณรงค์ให้ประธานาธิบดี Biden หาทางให้ Griner กลับบ้านให้ได้ (เหมือนเป็นเรื่องง่ายมาก) แต่ทางกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐรู้ตลอดเวลาว่า ถ้าจะเอา Griner กลับมาบ้าน ต้องแลกเปลี่ยนกับ Bout เท่านั้น
ข่าวคราวของ Griner ค่อยๆ เงียบลงไปเรื่อยๆ และคนทั่วไปเริ่มลืมเรื่อง Griner จนกระทั่งถึงเดือนพฤศจิกายนที่มีข่าวว่า Griner ถูกย้ายออกจากคุกทั่วไปไปอยู่ทัณฑนิคม (หรือ Penal Colony) ในเมือง Yavas โดยที่ไม่มีการแจ้งล่วงหน้า และไม่ได้มีการแจ้งครอบครัวหรือญาติของ Griner ผมเองไม่รู้ว่าคุกทั่วไปจะแตกต่างกับ Penal Colony อย่างไร แต่เท่าที่อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับ Penal Colony ผมขออย่างเดียวว่า ในชีวิตที่เหลือของผม อย่าให้ผมตกในสถานภาพที่ต้องสัมผัสกับ Penal Colony โดยตรง
สำหรับใครที่เป็นคอหนังเก่า คงจะจำหนังเรื่อง Papillion (ที่ Steve McQueen เป็นดารานำ เล่นคู่กับ Dustin Hoffman) กันใช่ไหมครับ? หนังเรื่องนี้ล่ะที่เข้าไปในหัวผมตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยินคำว่า Penal Colony ซึ่งในสภาพความเป็นจริง (หวังว่า) ไม่น่าจะถึงขนาดนั้น แต่คงไม่ต่างกันเท่าไหร่
จากข่าวเรื่องนี้ เรื่องของ Griner กลับมาเป็นกระแสอีกรอบนึง และแรงกดดันให้ปล่อย Griner มีแรงมากขึ้น บรรดาผู้มีชื่อเสียง ทั้งนักแสดง นักกีฬา และนักข่าวทั้งสายกีฬาและบันเทิงนั้น พร้อมกันเรียกร้องให้ Biden หาทางปล่อย Griner ให้ได้ เริ่มมีกระแสออกมาว่า ที Griner ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ เพราะเขาเป็นผู้หญิง เป็นคนผิวดำ แล้วเป็นเกย์ด้วย ถ้าผู้ชายผิวขาว ไม่เกย์ ตกในสภาพเดียวกัน คงจะหาทางปล่อยตัวเขามานานแล้ว ซึ่งทำให้บีบคอ Biden มากขึ้นกว่าเดิม
ตลอดระยะเวลาที่ Griner ถูกขังทั้งในคุกธรรมดากับที่ Penal Colony ทางสหรัฐไม่ได้นอนหลับตีพุงอยู่เฉยๆ ตั้งแต่ Griner ถูกจับทางสหรัฐเจรจากับฝ่ายรัสเซียอยู่ตลอด แต่ทางรัสเซียมีเป้าชัดเจน เขาจะเอา Bout กลับบ้านเท่านั้น ทางสหรัฐไม่คิดว่าควรจะมีการแลกเปลี่ยนคนระดับ Griner กับคนระดับ Bout เลยเสนอว่า ถ้าจะแลกเปลี่ยนกับ Bout จะต้องแลกเปลี่ยน Griner กับนักโทษอเมริกันอีกคนหนึ่งชื่อ Paul Whelan
Whelan เป็นทหารที่มีสัญชาติ US-British-Irish-Canada และถูกจับในรัสเซียเมื่อปี 2018 ด้วยข้อกล่าวหาเป็นสายลับ ตอนนี้ Whelan ถูกขังอยู่ใน Penal Colony แห่งหนึ่งในรัสเซียที่ไม่มีใครรู้ และไม่มีใครสร้างกระแสให้ปล่อยตัวเขาให้ได้ ทั้งๆ ที่เขาเป็นผู้ชายผิวขาวและไม่เกย์
ตลอดระยะเวลาการเจรจาระหว่างสองประเทศ ดูเหมือนฝ่ายรัสเซียจะยอมให้ Griner กับ Whelan แลกกับ Bout แต่ในที่สุดทางรัสเซียยื่นคำขาดว่า ถ้าจะปล่อย Griner ต้องปล่อย Griner คนเดียว และด้วยการบีบบังคับจากผู้มีชื่อเสียงในสหรัฐเอง ที่หลงใหลในความเป็นดาราและความมีชื่อเสียงของ Griner นั้น ทางสหรัฐต้องยอม
ในที่สุด Griner สามารถกลับมากอดภรรยาตัวเองที่บ้าน Bout สามารถกอดภรรยาตัวเองที่บ้านเช่นเดียวกัน และ Whelan ถูกทอดทิ้งให้อยู่ใน Penal Colony ต่อไป
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บรรดานักกีฬาที่มีคนติดตามเป็นล้านๆ ในโลกโซเชียล นักแสดงที่ชอบเคลื่อนไหวตามกระแสทางสังคม ออกมายกย่อง ปรบมือเชียร์เสียงดังๆ ให้กับ Griner และ Biden ในขณะที่ไม่มีใครพูดถึง Whelan อีกต่อไป และไม่มีกระแสให้ปล่อย Whelan เหมือนตอนมีกระแสให้ปล่อย Griner.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
President Biden….You’re a Good Dad
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมามีสารพัดเรื่องที่น่าสนใจและน่าเขียนถึง เรื่องแรกต้องเป็นเรื่องประกาศกฎอัยการศึกในเกาหลีใต้ เพราะเป็นเรื่องไม่มีวี่แววว่าจะเกิดขึ้น และถือว่าเป็นการประกาศฟ้าผ่าทีเดียว
คุยเรื่อง…ที่ไม่ใช่เรื่อง
เผลอแป๊บเดียว วันนี้เราเข้าเดือนสุดท้ายของปีแล้ว ถือว่าเราเข้าฤดูกาลซื้อของขวัญสำหรับคริสต์มาสและปีใหม่อย่างเป็นทางการ ถึงแม้ตามห้างต่างๆ
'ศาลอาญาระหว่างประเทศ….มีไว้ทำไม?'
เมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา ศาลอาญาระหว่างประเทศ (International Criminal Court หรือ ICC) ได้ออกหมายจับนายกรัฐมนตรีอิสราเอล Benjamin Netanyahu
'BRO!!!!!'
เกือบ 2 สัปดาห์กับผลการเลือกตั้งในสหรัฐ ที่สร้างความประหลาดใจให้กับคนทั่วไป เว้นบรรดานักวิเคราะห์แม่นๆ….หลังผลออกมา พวกนี้ยังพูดเต็มปากเต็มคำว่า
“ถ้าไม่เลือกเรา...เขามาแน่”...ทำให้เขาชนะขาดลอย
ผมไม่แน่ใจว่ากว่าแฟนคอลัมน์จะได้อ่านบทความนี้ เรื่องที่ผมจะเขียนนั้นมันแห้งเกินไปหรือเปล่า เพราะกว่าจะถึงวันที่ได้อ่านบทความนี้ เรื่องนี้อาจจะเก่าไปแล้วก็ได้
ผมจะไม่แปลกใจถ้าTrumpชนะ….แต่ผมจะแปลกใจถ้าHarrisแพ้
อีกไม่กี่วันข้างหน้าจะได้รู้กันว่าใครจะเป็นผู้นำ “The Free World” ระหว่างอดีตประธานาธิบดี กับอดีตรองประธานาธิบดี