ย้าย...เพื่อ?

     อีกไม่กี่เดือนแล้วที่ประเทศไทยจะมีการเลือกตั้งผู้แทนราษฎรที่เป็นการเลือกตั้งระดับชาติ เวลานี้เราจะได้เห็นปรากฏการณ์ของการย้ายพรรค ออกจากพรรคนั้นเข้าไปพรรคนู้นเป็นจำนวนมาก การลาออกจากพรรคหมายถึงการออกจากการเป็น ส.ส. ที่ทำให้จำนวน ส.ส.ในสภามีจำนวนลดลง แต่ก็จะไม่มีการเลือกตั้งซ่อมเพราะมีเวลาเหลืออีกไม่ถึง 180 วัน หากคนลาออกเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ก็เลื่อนคนที่อยู่อันดับถัดไปขึ้นมาเป็น ส.ส.แทน ก็ทำให้มีคนบางคนมีโอกาสได้เป็น ส.ส. แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้นก็ตาม ในขณะที่มีการย้ายพรรคกันเป็นจำนวนมากเช่นนี้

พรรคที่มี ส.ส.ไหลออกเป็นจำนวนมากก็จะพูดว่า “เป็นธรรมดาที่จะมี ส.ส.ย้ายพรรคทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งใหม่” เหมือนจะเป็นการปลอบใจตัวเอง หรือเป็นการรักษาภาพลักษณ์ของพรรคว่าไม่ได้มีความเสียหายหรือความบกพร่องใดๆ ที่ทำให้ ส.ส.ตีจากไป ในขณะที่พรรคที่มี ส.ส.ย้ายเข้าไปเป็นจำนวนมากจะไม่พูดว่าเป็นเรื่อง “ธรรมดา” เพื่อให้คนมองว่าการที่พรรคมี ส.ส.ไหลเข้ามาเป็นจำนวนมากหมายความว่าพรรคมีดี เป็นที่น่าสนใจ ทำให้ ส.ส.อยากมาร่วมงานด้วย

     อย่างไรก็ตาม สำหรับประชาชน ก็อยากจะรู้ว่าการที่มี ส.ส.ย้ายพรรคกันจำนวนมากเช่นนี้ พวกเขามีเหตุผลอะไรกัน เป็นเหตุผลที่ประชาชนฟังแล้วชื่นใจแค่ไหน อย่างไร

  • ย้ายเข้าพรรค...ก็เพราะว่าอุดมการณ์ตรงกัน (มีสักกี่คน)
  • ย้ายเข้าพรรค...ก็เพราะว่าชื่นชมในผลงานที่ผ่านมา (ก็ฟังดูดีนะ)
  • ย้ายเข้าพรรค...ก็เพราะว่ามีนโยบายที่สามารถนำไปหาเสียงได้ (ก็ถือว่ายังใช้ได้)
  • ย้ายเข้าพรรค...ก็เพราะว่ามีโอกาสชนะการเลือกตั้ง (คิดแค่นี้เองหรือ อุดมการณ์ นโยบาย ไม่ใช่ปัจจัยในการพิจารณากันเลยใช่ไหม ย้ายเพราะแค่ต้องการชนะเท่านั้นหรือ)
  • ย้ายเข้าพรรค...ก็เพราะมีโอกาสได้เป็นรัฐมนตรี (แล้วอยากเป็นรัฐมนตรีกระทรวงไหน เรื่องความสามารถและกระทรวงที่จะต้องไปกำกับนั้น คิดถึงเรื่องความรู้กันบ้างไหม)
  • ย้ายเข้าพรรค...ก็เพราะ “ขอไม่บอกได้ไหม ขอเก็บไว้เป็นเหตุผลส่วนตัว” (ที่ไม่บอกนี่แหละที่ประชาชนกลัว เพราะถ้าหาก ส.ส.ที่ย้ายพรรคไม่ได้บอก แต่ประชาชนคิดไปเอง แต่บังเอิญเป็นการคิดที่ถูกต้อง มันก็จะเป็นเรื่องที่ทำให้ประเทศไทยน่าเป็นห่วงนะ)

     บางพรรคก็พยายามสร้างขวัญและกำลังใจให้คนในพรรคด้วยการนำเอาบุคคลสำคัญเข้าร่วมกิจกรรมของพรรค แล้วประกาศศักดาว่าจะต้องชนะแบบถล่มทลาย (Landslide) จัดกิจกรรมตระเวนหาเสียงที่นั่นที่นี่ เปิดตัวผู้สมัครที่จะทำให้ประชาชนเห็นว่าจะต้องเป็นพรรคที่ชนะการเลือกตั้งได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลแน่นอน ในการจัดกิจกรรมนั้นก็จะมีการประกาศนโยบายว่าจะทำนั่นทำนี่ บางเรื่องก็เป็นสิ่งที่ซ้ำกับสิ่งที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ทำอยู่แล้ว บางเรื่องก็ทำให้หลายคนตกอกตกใจว่าถ้าหากทำเช่นนั้น น่าจะสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ การประกาศนโยบายดังกล่าว เหมือนจะยั่วยุให้มีคนออกมาบอกว่า “ทำไม่ได้” เพื่อตัวเองจะได้บอกว่า “ทำได้” ขอให้ได้เป็นรัฐบาลจะทำให้ดู

     นโยบายแบบนี้ เหมือนสัญญาว่าจะให้ คนที่ “อยากได้” โดยไม่ได้คิดว่าสิ่งที่พวกเขาจะได้นั้น จะสร้างความเสียหายให้ประเทศชาติได้อย่างไร ก็จะตัดสินใจลงคะแนนเลือกพวกเขาเข้ามาเป็น ส.ส.เป็นจำนวนมากจนสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่เมื่อเข้ามาเป็นแล้วจะทำได้ตามสัญญาหรือไม่ค่อยมาว่ากัน หรืออาจจะทำได้ โดยใช้งบประมาณของประเทศสร้างโครงการที่หยิบยื่นผลประโยชน์ให้ประชาชน โดยไม่คำนึงผลกระทบในเชิงลบที่จะเกิดขึ้นกับประเทศชาติ หรืออาจจะทำให้ประชาชนในภาคส่วนต้องเดือดร้อน คนที่ให้ก็ไม่สนใจว่าจะก่อให้เกิดผลลัพธ์ในเชิงลบอย่างไร ประเทศชาติจะเป็นอย่างไร ใครจะได้รับความเสียหายอะไรบ้าง ส่วนคนที่ได้ ก็ไม่สนใจว่าประเทศชาติจะเสียหายอย่างไร รู้แต่ว่า “กูได้” ดังนั้นกูจะเลือกคนที่มีผลประโยชน์มาให้ ตัวกูมีตัวตน แต่ประเทศชาติไม่มีตัวตนแต่อย่างใด อยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ ดังนั้นกูไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ใครมีผลประโยชน์มาให้กูก็เลือกคนนั้น ถ้าคิดกันแบบนี้แล้วประเทศชาติจะเป็นอย่างไร

     แล้วที่ย้ายพรรคกันโครมอยู่ตอนนี้ ย้ายไปเพราะอะไร เป็นเหตุผลที่ประชาชนรู้แล้วชื่นใจ หรือเป็นเหตุผลที่ประชาชนรู้แล้วใจหาย เพราะเป็นเหตุผลที่น่ากลัว น่าเป็นห่วงอนาคตของประเทศชาติ ถ้าหากนักการเมืองบางคน บางกลุ่ม บางพวก เป็นอย่างที่ประชาชนบางคนคิดกันอยู่ตอนนี้ ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่า เมื่อชนะการเลือกตั้ง ได้เป็นรัฐบาลแล้ว แนวทางในการบริหารประเทศชาติจะเป็นเช่นไร จะเป็นการทำงานการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนมากน้อยเพียงใด หรือจะเป็นการทำงานการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของตน ของกลุ่ม ของพวก

     ถ้าหากนักการเมืองเข้ามาทำงานการเมืองด้วยอุดมการณ์ หวังที่จะใช้ความรู้ความสามารถบริหารประเทศชาติให้มีความเจริญพัฒนาและเพิ่มพูนคุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชนก็จะเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าหากนักการเมืองเข้ามาทำงานการเมืองเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่ง อำนาจ เงินทอง และชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล ประเทศชาติคงเดินหน้าได้ยาก ดังนั้นเราจึงอยากรู้ว่าการย้ายพรรคที่กำลังเป็นปรากฏการณ์ที่เข้มข้นอยู่ในขณะนี้ ส.ส.ที่เขาย้ายพรรค เขาย้ายกันด้วยเหตุผลอะไร อยากอธิษฐานว่าเขาย้ายพรรคกันด้วยเหตุผลดีๆ ที่รู้แล้วชื่นใจ ไม่ใช่ด้วยเหตุผลที่เขาบอกไม่ได้ แต่ประชาชนหากได้รู้อาจจะใจหาย และห่วงใยอนาคตของประเทศชาติ ก็หวังว่าสิ่งเลวร้ายที่ประชาชนคิดกันตอนนี้คงไม่ใช่ความจริง เพราะถ้ามันใช่ขึ้นมา การบริหารประเทศในวันข้างหน้านั้น น่าเป็นห่วงแน่นอน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ลัคนาธนูกับเค้าโครงชีวิตปี 2568

ยังอยู่ในช่วงเจ็ดปีของการเปลี่ยนแปลงใหญ่สุขภาพอนามัย-หนี้สิน-ลูกน้องบริวาร และเกือบตลอดปีผู้หลักผู้ใหญ่อวยสถานะ-ยศ-เงินทองให้ แต่มีช่วงซ้อมรับทุกข์และการได้ความผิดที่ไม่ได้ก่อ

เด็กฝึกงาน...ไม่ผ่านโปร

ฉากทัศน์ทางการเมืองของประเทศไทยหลังจากรู้ผลของการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 เป็นภาพที่สร้างความกังวลให้กับคนไทยจำนวนมากที่ไม่ได้เลือกพรรคส้มหรือพรรคแดง

'ความเป็นไทย' กับกรณีน้ำท่วมภาคเหนือ-ภาคใต้

ถึงแม้จะก่อเกิด ถือกำเนิด ที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี...แต่ด้วยเหตุเพราะไปเติบโตที่ภาคใต้ ไม่ว่าเริ่มตั้งแต่อำเภอทุ่งสง จังหวัดหน่ะคอนซี้ทำหมะร่าด ไปจนอำเภอกันตัง

ได้ฤกษ์ 'นายพล' ล็อต 2

ผ่านเดดไลน์ตามคำสั่ง ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้ทุกหน่วยส่งบัญชีข้อมูลผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น

'ดร.เสรี' กรีดเหวอะ! ใครมีลูกสาวเก่งพอที่จะเป็นนายกฯ ต้องบอกลูกให้มีผัว 9 คนอยู่ใน 9 ภาค

ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสารโพสต์เฟซบุ๊กว่า ใครมีลูกสาวที่เก่งพอที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ต้องบอกลูกนะคะ