"ยามศึกร่วมรบ ยามสงบเรารบกันเอง" ยังคงเป็นประโยคที่ใช้ได้กับ "พรรคประชาธิปัตย์" เสียจริง ไม่ว่าจะสมัยใด ประโยคนี้คือจริงที่สุด ล่าสุด เกิดเรื่องขึ้นอีกแล้ว รอบนี้กะผลัก "อู๊ดด้า" จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ตกเก้าอี้หัวหน้าพรรค
มีกรรมการบริหารพรรค(กก.บห.) บางส่วน วางแผนลับว่า จะรวบรวมชื่อกก.บห. ให้ได้ครึ่งหนึ่งของคณะกก.บห. เพื่อบีบให้เปลี่ยนตัวแม่ทัพกลางศึก!!!
โทษฐานสำคัญคือคะแนนนิยมน้อย สู้หัวหน้าพรรคอื่นไม่ได้ ซ้ำไม่สามารถซื้อใจสมาชิกพรรคได้ เนื่องจากบริหารงานเอาแต่พวกพ้องตนเอง
ด้วยเหตุฉะนี้ จึงควรโดนปลด! ทว่า "จุรินทร์" ยังดวงแข็งหรือใครมาช่วยไว้ไม่ทราบ ขีดเส้นใต้ว่า ณ เพลานี้ยังดวงแข็ง ฝ่ายตรงข้ามจึงยังรวบรวมเสียงไม่ได้กึ่งหนึ่ง
จากข่าวนี้ ทำเอาภายในพรรคอลเวง กลายเป็น Topic เม้าท์มอย คว้านหาตัวใครคือคนบงการ และใครบ้างที่เป็นคนในขบวนการ ซึ่งบอกได้คำเดียวว่าแผนการซับซ้อนวกวนยิ่งกว่าเขาวงกต แต่การต่อสู้ทั้งหมดก็เกิดขึ้นจากการบริหารงานของผู้บริหารพรรคบางส่วนนั่นแหละ
กระแสข่าวนี้นอกจากจะเป็นที่สนใจของสมาชิกพรรคแล้ว กระจอกข่าวประจำพรรคก็เกาะติดอย่างยิ่ง จำเป็นต้องทราบว่าเบื้องลึกเบื้องหลังคืออะไร หลายคนบ่นอุบ กก.บห. และส.ส.หลายคนกล้อมแกล้ม รวมถึง "พนิต วิกิตเศรษฐ์" ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ แม้จะไม่ได้เป็น กก.บห. กับใครเขา แต่ก็ไม่ยอมปริปากถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับ "ส.ส.หนุ่ม"-พนิต แม้จะไม่ยอมคุยกรณีแผนปลดหัวหน้า แต่ก็มีอีกหลายเรื่องที่อัพเดทได้ โดยเฉพาะประเด็นอนาคตทางการเมือง เพราะต้องยอมรับที่ผ่านมามักชอบทำอะไรๆ สวนทางมติพรรค ซึ่งเจ้าตัวบอกเองว่า "ผมคือแกะดำ" ฉะนั้น การเลือกตั้งครั้งที่จะถึงนี้อาจโดนทำโทษให้ไปอยู่ในส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับลึกๆ ก็เป็นได้
"พนิต" เหมือนจะรู้โชคชะตาตัวเอง และบอกติดตลกว่า "เรื่องจัดบัญชีรายชื่อคงต้องรอความชัดเจนอีกครั้ง แต่ผมไม่ขออะไรมาก ขออยู่ลำดับที่ 99 แล้วกัน เลขสวยดี" และจากการพูดคุยพอประมาณการได้ว่าเจ้าตัวจะอยู่รอคนๆหนึ่งกลับมาเป็นหัวหน้าพรรค พร้อมลั่นว่า "ผมอยู่ได้ ผมอยู่ได้ด้วยตัวเอง ไม่เหมือนใครหลายคนที่ต้องแบมือขอ....ใคร"
อืม การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องธรรมดาของพรรคที่มีอายุยาวนาน หุหุ
มินนี่เม้าธ์.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ใช้ซื้อข้าวมาแล้ว
ตั้งแต่ เศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไป เนติบริกร-วิษณุ เครืองาม อดีตที่ปรึกษาของนายกฯ หายไปด้วย
อ่อนกว่าวัย
ไม่น่าเชื่อในวันที่ 13 ม.ค. 2568 รัฐมนตรี 17 สมัย อย่าง “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.สาธารณสุข จะมีอายุครบ 70 ปี เนื่องจากรูปร่างหน้าตาดูอ่อนกว่าวัยมาก เหมือนกับคนอายุประมาณ 50 ปีเศษเท่านั้น
ขอติดทีมชาติไทย
นักการเมืองไทยรุ่นเก๋าหลายคนบ่นอุบ ยอมรับว่าเปลี่ยนยุคไปไว มีสส.หน้าใหม่เข้าสู่วงการจำนวนมาก ส่วนสส.รุ่นใหญ่นับวันก็จะมีแต่คนโบกมืออำลาวงการ ส่วนใครที่ยังใจรักก็อยู่ทำงานต่อแบบเหงาๆ เพราะเพื่อนที่รุ่นราวคราวเดียวกันก็ออกไปนั่งดูอยู่ห่างๆ แทน
'ลูกชิ้นปลาหมอคางดำ'
เริ่มแล้วกับงานวันรัฐธรรมนูญ ประจำปี 2567 โดยในปีนี้ทางรัฐสภาได้จัดงานภายใต้คอนเซปต์ "กินลม ชมสภา" สู่รัฐธรรมนูญในฝัน ระหว่างวันที่ 9 และ 10 ธันวาคม ซึ่งในวันแรกบรรยากาศสดใส เหล่าข้าราชการ รวมถึงพ่อค้าแม่ค้าต่างมาตั้งร้านขายของกันภายในงาน
แชร์กันใส่เครื่องแต่งตัว
ว่าด้วยเรื่องแฟชั่นการแต่งตัว ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ ของผู้นำประเทศ อย่าง “นายกฯอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ส่วนใหญ่เจ้าตัวจะเน้นใส่ผ้าไทยตามสไตล์เจ้าแม่ซอฟต์พาวเวอร์
ถามเรื่องวัดแล้ว
เป็นผู้ใหญ่ใจดี สำหรับ อ.ชู-ชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มือกฎหมายประจำรัฐบาลและประจำค่ายเพื่อไทย