"ลุงตู่"ยังคุมเกม

พระเจ้าช่วยกล้วยทอด

เห็นทีพรรคคู่แข็งของพรรคเพื่อไทย ไม่น่าจะใช่พรรคพลังประชารัฐเสียแล้ว

พรรคภูมิใจไทยมาแรงจริงๆ

ตามรายงานข่าวบอกว่า มี.ส.จากพรรคการเมืองอื่นเตรียมย้ายเข้าภูมิใจไทยร่วมๆ ๕๐ คน

วันนี้พรรคภูิใจไทยมีส.ส.อยู่ในสังกัดรวม ๖๕ คน

หากมีส.ส.ย้ายพรรคตามจำนวนที่ว่าจริง พรรคภูมิใจไทยมีส.ส.ตุนในมือทะลุ ๑๐๐ คน!

ย้ายมาจากไหนกันบ้าง

พรรคพลังประชารัฐ ๑๔ คน

พรรค เพื่อไทย  ๑๐ คน

พรรคก้าวไกล ๕ คน

เศรษฐกิจไทย ๓ คน

และมาจากพรรคประชาธิปัตย์               พรรคเพื่อชาติ                    พรรคประชาภิวัฒน์            พรรคชาติพัฒนา พรรครวมพลัง พรรคละ ๑ คน

ยังมีดีลในทางลับอีกประมาณ ๕-๖ คน

เบื้องต้นในวันที่ ๑๖ ธันวาคมนี้ จะมี ส.ส.จากพรรคการเมืองอื่นๆ ที่จะย้ายมาพรรคภูมิใจไทย ไม่ต่ำกว่า ๔๓ คน

ดูตัวเลขพรรคพลังประชารัฐแล้วช่วงนี้ "ลุงป้อม" น่าจะนอนไม่ค่อยหลับ ต้องคิดเยอะ เพราะยังไม่นับส่วนที่ตาม "ลุงตู่" ไปรวมไทยสร้างชาติอีก ยังไม่รู้ว่ากี่คนกันแน่

แต่เป็นสิบ!

หักลบกลบหนี้กับการดึง "กลุ่มธรรมนัส" กลับก็ยังขาดทุนอยู่พอสมควร

นี่เป็นแค่ตัวเลขเอาไว้ประเมินคร่าวๆครับว่า พรรคไหนจะได้ส.ส.มากพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลแข่งกับพรรคการเมืองไหน 

เพราะเอาเข้าจริงส.ส.หน้าเก่าใช่ว่าจะสอบผ่านกันทุกคน

การเลือกตั้งหลายๆครั้งที่ผ่านมาส.ส.หน้าเก่าสอบตกไปก็เยอะ  ส.ส.หน้าใหม่จากทุกพรรคการเมืองตบเท้าเข้าสภาฯก็แยะ

จากข้อมูลส.ส.ในสภาที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรองเมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม ๒๕๖๒  จะเห็นได้ชัดเจนว่าถึงจะเก๋าแต่ก็ร่วงไปเยอะ

ในวันนั้นกกต.ประกาศรับรอบ จำนวน ๔๙๘ คน

เทียบกับส.ส.ในปี ๒๕๕๔ จำนวนทั้งสิ้น ๕๒๗ คน

ผลเป็นดังนี้ครับ

มีจำนวน ๑๘๐ คนที่เป็นส.ส.เดิมในปี ๒๕๕๔  และได้รับเลือกตั้งอีกครั้งในปี ๒๕๖๒ 

นั่นก็คือส.ส.หน้าเก่า

คิดเป็น ๓๖% ของจำนวนส.ส.ทั้งหมด

ที่เหลืออีก ๓๑๘ คน เป็นส.ส.หน้าใหม่ที่ไม่เคยเป็นส.ส.มาก่อน

ถือว่าเยอะมาก ก็เป็นไปตามข้อเท็จจริงที่ว่าการเลือกตั้งปี ๒๕๖๒ มีการล้มช้าง ล้มยักษ์มากเป็นประวัติการณ์ครั้งหนึ่งเลยทีเดียว

ในจำนวนนี้หากแยกตามรายพรรคพบว่าพรรคเพื่อไทย ๕๑% เป็นส.ส.หน้าเก่า

รองลงมาคือพรรคประชาธิปัตย์ ๒๑%

พรรคพลังประชารัฐ ๑๔% 

พรรคภูมิใจไทย ๑๐%

และพรรคอื่นๆ ๗%

ส่วนส.ส.หน้าใหม่จำนวน ๓๑๘ คน

มาจาก พรรคพลังประชารัฐ ๒๘%

รองลงมาคือพรรคอนาคตใหม่ ๒๕%

พรรคเพื่อไทย ๑๔%

พรรคภูมิใจไทย ๑๐%

และพรรคประชาธิปัตย์ ๔%

ในบรรดาส.ส.หน้าเก่าของแต่ละพรรค เป็นส.ส.หน้าเก่าที่ย้ายพรรค  จำนวน ๓๘ คน

พรรคพลังประชารัฐ เป็นพรรคที่มีส.ส.หน้าเก่า ๒๕ คน

หรือคิดเป็น ๒๑% ของส.ส.พรรคพลังประชารัฐทั้งหมด ๑๑๕ คน

ส.ส.เหล่านี้  ๖๔%  ย้ายมาจากพรรคเพื่อไทย

รองลงมาคือพรรคประชาธิปัตย์ ๒๐%

และพรรคพลังชล ๘%

ครั้งนั้น พรรคภูมิใจไทย มีส.ส.เก่าจากพรรคอื่น ๖ คน อาทิจากพรรคประชาธิปัตย์ ๑ คน  พรรคเพื่อไทย ๒ คน เป็นต้น

ครับ...การเลือกตั้งครั้งที่จะถึงนี้ ยากที่จะตอบได้ว่า ส.ส.หน้าเก่า จะสอบผ่านกี่คน ที่ย้ายกันไปย้ายกันมา ณ เวลานี้ สักกี่เปอร์เซ็นต์จะได้กลับเข้าสภาใหม่อีกครั้ง

หากเที่ยบสถานการณ์การเลือกตั้งปี ๒๕๖๒ กับปีนี้ ถือว่ามีความแตกต่างกันอยู่ไม่น้อยทีเดียว

เพราะสูตรหารร้อย บรรดาหน้าเก่านานนมจากพรรคเพื่อไทย จะโผล่มาในฐานะส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์

ส่วนพรรคก้าวไกล (อนาคตใหม่) ที่เคยได้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เป็นกอบเป็นกรรมผิดธรรมชาติ คราวนี้น่าจะลดลงไปเยอะพอควร 

สำหรับพรรคเล็ก พรรคเกิดใหม่ หากอยากแจ้งเกิดอีกครั้งมีแค่ ๒ ทางเลือก คือรวมพรรค หรือไม่ก็ย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองขนาดใหญ่ และขนาดกลางแทน

อีกไม่กี่วันจะมีความชัดเจนว่าพรรคสร้างอนาคตไทย กับพรรคไทยสร้างไทย ควบรวมกัน

คนหน้าเก่าลานตาอยู่

กลุ่ม ๔ กุมาร อดีตทีมเศรษฐกิจตระกูลคนละครึ่งจากพรรคพลังประชารัฐ นำโดย  อุตตม สาวนายน, สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์  จะรวมกับพรรคคุณหญิงหน่อย , ศิธา ทิวารี

สรุปคือ คนหน้าเก่าจากพรรคใหญ่ ก็แตกออกมาเยอะทีเดียว

ที่ยังต้องรอดูคือพรรครวมไทยสร้างชาติที่ "ลุงตู่" จะไปเป็นหัวให้ ก็คงต้องปลุกเสกกันไม่น้อย เพราะต้องได้ส.ส.เข้าสภา ๒๕ ที่นั่ง เพื่อจะได้เสนอชื่อแคนดิเดตชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรี

ก็เป็นอันว่าการเมืองวันนี้ยังเป็นเรื่องของน้ำจิ้มอยู่ เมนูหลักยังไม่มา

เรื่องยุบสภาก็กองเอาไว้ก่อนหลังปีใหม่ค่อยมาว่ากัน 

รอของจริงใกล้ๆวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ กำหนดเส้นตายย้ายพรรค ความชัดเจนจะบังเกิด

แม้กระทั่ง "ลุงตู่" เองก็ต้องเคลียร์แล้วว่าจะไปอยู่พรรคไหน

เหตุผลง่ายๆ ถ้าไม่ย้ายก่อนวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ แล้วเกิดไม่มีการยุบสภา ก็จบเห่ครับ

ต้องสมัครส.ส.ในนามพรรคเดิม เพราะการไปพรรคใหม่ ต้องเป็นสมาชิกพรรคไม่ต่ำกว่า ๙๐ วัน จึงจะมีสิทธิสมัครส.ส.

ฉะนั้นวันนี้คนคุมเกมจึงยังเป็น "ลุงตู่" ครับ.                

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อย่าปล่อยให้เหลิง

นักร้องยังไม่ทำงาน... จนถึงขณะนี้ยังไม่มีคำร้องเกี่ยวกับการปราศรัยของ "ทักษิณ ชินวัตร" ไปยัง กกต.เลยครับ

เจอตอ ชั้น ๑๔

งวดเข้ามาทุกทีครับ... หากไม่มีอะไรผิดพลาด วันที่ ๑๕ มกราคมนี้ พยานหลักฐานกรณีนักโทษเทวาดาชั้น ๑๔ น่าจะอยู่ในมืออนุกรรมการสอบสวนชุดเฉพาะกิจแพทยสภา ชุดที่ คุณหมออมร ลีลารัศมี เป็นประธาน ครบถ้วนสมบูรณ์

'ทักษิณ' ตายเพราะปาก

แนวโน้มเริ่มมา... ปลาหมอกำลังจะตายเพราะปาก เรื่องที่ "ทักษิณ ชินวัตร" ไปปราศรัยใหญ่โต เวทีเลือกตั้งนายก อบจ.หลายจังหวัด ทำท่าจะเป็นเรื่องแล้วครับ

พ่อลูกพาลงเหว

มันชักจะยังไง.... พ่อลูกคู่นี้จะไปได้สักกี่น้ำกันเชียว ก่อนนี้ "ทักษิณ" ริ "ยิ่งลักษณ์" ยำ

นี่แหละตัวอันตราย

การเมืองปีงูเล็กจะลอกคราบ เริ่มต้นใหม่ ไฉไล กว่าเดิม หรือจะดุเดือดเลือดพล่าน ไล่กะซวก เลือดสาดกันไปข้าง