ปูตินยืนยัน ‘การสู้รบยังอีกยาวนาน’

 คำประกาศจุดยืนของประธานาธิบดีปูตินแห่งรัสเซียล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาตอกย้ำ 2 ประเด็นใหญ่ที่น่าสนใจคือ

1.รัสเสียมีสติพอที่จะไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์ก่อน แต่ขอสงวนสิทธิ์ที่จะตอบโต้หากถูกโจมตีก่อน

2.“ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” ของรัสเซียในยูเครนยังอีกยาวไกลนัก

ปูตินยอมรับว่าภัยคุกคามของสงครามนิวเคลียร์กำลังเพิ่มขึ้น แต่ยืนยันว่ารัสเซียไม่ได้ "บ้าไปแล้ว" หรือ “ยังไม่เสีย

สติ” พอที่จะเริ่มสงครามนิวเคลียร์ก่อน

แต่ก็ไม่ปิดทางเลือกที่จะใช้อาวุธทำลายล้างสูง “เพื่อตอบโต้การโจมตี”

แปลว่าใครอย่ามาโจมตีรัสเซียก่อนก็แล้วกัน

คำแถลงล่าสุดนี้เกิดในระหว่างการประชุมสภาสิทธิมนุษยชนประจำปีของรัสเซีย 

อีกประโยคหนึ่งที่มีความสำคัญที่ต้องวิเคราะห์ต่อกันก็คือ ปูตินบอกว่าสงครามในยูเครนอาจเป็น "กระบวนการที่ยาวนาน"

เดิมทีตอนที่ปูตินส่งทหารรัสเซียเข้ายูเครนเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ปีนี้นั้น นักวิเคราะห์ตะวันตกประเมินว่ารัสเซียหวังจะ “พิชิตศึก” หรือ “ปิดเกม” ภายใน 3 วัน 7 วัน

หรืออย่างมากไม่เกิน 3 เดือน

แต่วันนี้สงครามลากยาวเข้าเดือนที่ 9 แล้ว

ดังนั้นหากปูตินบอกว่าเกมนี้จะยืดเยื้อไปอีกระยะหนึ่ง จึงต้องมีการประเมินสถานการณ์สู้รบในทุกมิติกันใหม่ทั้งหมด

ปูตินบอกว่า “ภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์กำลังเพิ่มมากขึ้น นั่นไม่ใช่เรื่องที่จะปกปิดได้” 

แต่เขายืนยันว่ารัสเซีย "ไม่ว่าในกรณีใดๆ" จะไม่เปิดเกมนิวเคลียร์ก่อน

และจะไม่คุกคามใครด้วยคลังแสงนิวเคลียร์ของตน

 “เราไม่ได้ไร้สติหรือเป็นบ้า เราตระหนักดีว่าอาวุธนิวเคลียร์คืออะไร”

และเสริมว่า “เราจะไม่วิ่งแจ้นไปทั่วโลกและกวัดแกว่งอาวุธนี้ (นิวเคลียร์) เหมือนสะบัดมีดโกนขู่ชาวบ้านไปทั่ว”

แต่ปูตินก็ไม่ลืมที่จะยืนยันว่ารัสเซียมีอาวุธนิวเคลียร์ที่ทันสมัยและล้ำหน้าที่สุดในโลก 

อีกทั้งยังเปรียบเทียบยุทธศาสตร์นิวเคลียร์ของมอสโกกับสหรัฐฯ 

ปูตินบอกว่ารัสเซียไม่ไปตั้งฐานอาวุธนิวเคลียร์ในดินแดนประเทศอื่น

 “เราไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ รวมถึงอาวุธทางยุทธวิธี ในดินแดนของประเทศอื่น แต่อเมริกาติดตั้งนิวเคลียร์ในตุรกี และในหลายประเทศในยุโรป” 

 ปูตินเคยย้ำว่าอาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซียนั้นมีไว้เพื่อการป้องกันตัวเองเท่านั้น

แม้ปูตินบอกว่าการสู้รบในยูเครนนั้นยังมีอีกยาว แต่ก็อ้างว่าเท่าที่ผ่านมาก็ได้ผลลัพธ์ที่ "มีนัยสำคัญ" อยู่แล้ว 

แปลว่าได้ผลทางบวกสำหรับมอสโก

โดยยกตัวอย่างเช่น ดินแดนใหม่อย่างน้อย 4 ภูมิภาคของยูเครนที่ปูตินประกาศผนวกเป็นของตนหลังการทำ “ประชามติ” แล้ว

ปูตินบอกด้วยว่าเพราะปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครนนี้เองที่ทำให้ทะเลอาซอฟ ซึ่งมีพรมแดนทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครนและทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัสเซียเป็น "ทะเลภายใน" ของรัสเซียแล้ว

ไม่แต่เท่านั้น ปูตินยังย้อนประวัติศาสตร์ว่านี่เป็นปณิธานของกษัตริย์ปีเตอร์มหาราชแห่งรัสเซีย 

ใครที่ติดตามข่าวคราวจากรัสเซียจะรู้ว่าปูตินเปรียบเทียบตัวเองกับผู้ปกครองในศตวรรษที่ 17 และ 18 เสมอ

เพราะนั่นคือความยิ่งใหญ่เกรียงไกรในอดีตของจักรวรรดิรัสเซียที่ปูตินต้องการจะนำกลับมาในวันนี้

ผู้นำรัสเซียบอกด้วยว่า ภายใต้สถานการณ์สงครามปัจจุบัน การเพิ่มกำลังทหารเป็นเรื่องไร้เหตุผล

หลังการระดมพลสำรอง 300,000 นาย เมื่อช่วงเดือนกันยายนและตุลาคมที่ผ่านมา 

และว่ากองกำลังรัสเซียราว 150,000 นาย ประจำการอยู่ในยูเครน ซึ่ง 77,000 นาย อยู่ในหน่วยรบ และอีก 150,000 นาย ยังอยู่ในศูนย์ฝึก

ผมเชื่อว่าเหตุที่ปูตินออกมาบอกว่า “การสู้รบยังอีกยาวไกล” นั้นเป็นเพราะรัสเซียต้อง “คิดบัญชี” กับยูเครน หลังจากที่สนามบินทหารอย่างน้อย 3 แห่งในดินแดนของรัสเซียถูกโดรนถล่มโจมตี

จุดที่ 3 คือสนามบินที่เมือง Kursk ซึ่งอยู่ติดพรมแดนยูเครน 

คลิปและภาพที่แชร์กันไปทั่วคือไฟไหม้ถังเก็บน้ำมันขนาดใหญ่ในบริเวณนั้นใกล้กับสนามบิน

ก่อนหน้านั้นเพียงวันเดียว โดรนของยูเครนซึ่งผลิตในยุคสหภาพโซเวียตได้โจมตีใส่ฐานทัพอากาศ 2 แห่งที่อยู่ห่างจากพรมแดนยูเครนหลายร้อยกิโลเมตร 

นั่นคือฐานทัพอากาศ Engels ที่มีฝูงเครื่องบินทิ้งระเบิดของกองทัพรัสเซียประจำการหลายลำ 

และฐานทัพอากาศ Ryazan ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากกรุงมอสโก

ถึงวันนี้ยูเครนยังไม่ได้ออกมายอมรับว่าเป็นผู้โจมตี

แต่ดูเหมือนจะได้แสดงความยินดีต่อการโจมตีครั้งนี้

กระทรวงกลาโหมรัสเซียบอกว่า มีเจ้าหน้าที่รัสเซียเสียชีวิต 3 คน ในการโจมตีที่ฐานทัพไรอาซาน 

และระบุว่าเป็น "การก่อการร้าย" ที่มีเป้าหมายทำลายอากาศยานพิสัยไกลของรัสเซีย

ที่ฐานทัพอากาศแห่งนี้มีฝูงบินทิ้งระเบิดระยะไกล Tupolev ของรัสเซียประจำการอยู่ อันถือเป็นที่ตั้งสำคัญในยุทธศาสตร์ด้านนิวเคลียร์ของรัสเซีย 

ไม่ต่างอะไรกับเครื่องบินทิ้งระเบิด บี-52 ของกองทัพสหรัฐฯ ที่นำมาใช้ในยุคสงครามเย็น 

ยูเครนอ้างว่ารัสเซียได้ใช้เครื่องบินรุ่นนี้ในการโจมตีเครือข่ายไฟฟ้าและพลังงานของยูเครนตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา

นิวยอร์กไทมส์ของสหรัฐฯ รายงานอ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่ยูเครนผู้หนึ่งว่า โดรนที่ใช้ในการโจมตีนั้นถูกส่งไปจากในยูเครนจริง

อีกทั้งได้รับการสนับสนุนจาก “หน่วยรบพิเศษ” ที่ถูกส่งไปปฏิบัติการลับอยู่ไม่ไกลจากฐานทัพอากาศที่ถูกโจมตีแห่งนี้

น่าสนใจตรงที่ว่าฐานทัพแห่งนี้อยู่ห่างจากชายแดนยูเครนถึงกว่า 600 กิโลเมตร

ซึ่งต้องถือว่าเป็นเรื่องไม่ธรรมดา

และสะท้อนว่า แม้ยูเครนจะไม่แสดงความเห็นเรื่องนี้ แต่ก็สะท้อนว่ายูเครนวันนี้มีศักยภาพที่จะปฏิบัติการเจาะลึกเข้าไปถึงจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของรัสเซียแล้ว

ดังนั้นรัสเซียจึงตอบโต้ด้วยการถล่มยูเครนกลับ

ขีปนาวุธของกองทัพรัสเซียระดมยิงใส่หลายเมืองในยูเครน ทำลายบ้านเรือนและเครือข่ายไฟฟ้า 

ยูเครนอ้างว่าได้ “สอย” ขีปนาวุธกว่า 60 ลูก จากประมาณ 70 ลูก ที่รัสเซียถล่มใส่จากทางอากาศ

มีรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 คน

ถึงวันนี้ยังไม่มีสัญญาณว่าทั้ง 2 ประเทศจะยอมเข้าสู่การเจรจาสันติภาพแต่อย่างใด

โฆษกรัฐบาลรัสเซีย ดมิทรี เพสคอฟ บอกว่า รัสเซียจะไม่ยอมเจรจาจนกว่ายูเครนและชาติตะวันตกจะยอมรับอธิปไตยเหนือดินแดนของยูเครนที่รัสเซียยึดครองมาได้ 

และรัสเซียต้องบรรลุตามเป้าหมายภายใต้ "ปฏิบัติการพิเศษทางการทหาร" เสียก่อน

ฟังปูตินพูดล่าสุดก็คงจะพอคาดได้ว่า โอกาสของการเจรจาเพื่อยุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนยังอยู่ห่างไกลนัก!.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568

นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน

บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'

เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม

ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน

นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ

เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ

เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ