วานนี้อากาศยังดี เวลาสิบโมงครึ่งอุณหภูมิ 25 องศา ทั้งวันสูงสุด 30 องศา และต่ำสุด 18 องศา แต่พอเช้านี้ฝนเทลงมาไม่หยุดหย่อน อุณหภูมิลดเหลือ 12 องศา วันพรุ่งนี้มีพยากรณ์ว่าท้องฟ้าจะกลับมาแจ่มใส แต่อุณหภูมิลดลงไปอีกเหลือ 9 องศา นี่คือธรรมชาติของเมืองโปซาดัส รัฐมีซีโอเนส
ผมออกจากกุฏิไม่ได้แต่ไร้ปัญหาเรื่องอาหารเช้าเพราะซื้อขนมปังอบจำพวกมีเดียลูนามาเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อค่ำวานนี้ รวมถึงกล้วยหอมที่เหลือค้างอยู่ของหลวงพ่อพูเวียง ผู้ครองกุฏิแห่งนี้อยู่ก่อนแต่ต้องไปจำวัดลาวโปซาดัสสาขา 2 ในเขตตัวเมืองเนื่องจากท่านอาพาธด้วยโรคเกี่ยวกับไต ขอไปอยู่ใกล้มือหมอ และย่านนั้นมีคนลาวอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
อาจารย์สีวอน เจ้าอาวาส “วัดรัตนรังสิยาราม (แก้วสว่าง)” หรือวัดลาวโปซาดัสกางร่มถือกระติกน้ำร้อนมาให้ผมพร้อมกับร่มอีกคัน ท่านว่าน้ำร้อนเอาไว้ชงกาแฟ ส่วนร่มไว้สำหรับกันฝนเดินไปกินมื้อเที่ยง
พื้นที่บริเวณนี้ในอดีตเมื่อครั้งคนลาวอพยพหนีภัยสงครามมายังอาร์เจนตินาระหว่าง พ.ศ. 2522 – 2523 รัฐบาลอาร์เจนตินาโดยการสนับสนุนของข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติได้ซื้อที่ดินจัดสรรเป็นนิคมชาวลาวที่ต้องการอาศัยในเมืองโปซาดัส สร้างบ้านให้ครอบครัวละหลัง โดยมีข้อแม้ห้ามขาย
เมื่อปี พ.ศ. 2540 ชาวลาวทั้งในนิคมแห่งนี้และที่อยู่อาศัยในเมืองอื่นๆ ทั่วอาร์เจนตินาร่วมกันสร้างวัดลาวโปซาดัสขึ้นใกล้กับถนนใหญ่ บริเวณด้านหน้าของนิคม ถือเป็นวัดพุทธนิกายเถรวาทแห่งแรกในอาร์เจนตินา ส่วนพระพุทธรูปหน้าตักกว้าง 6 เมตร สูง 13 เมตร ที่โดดเด่นอยู่กลางลานวัด สร้างแล้วเสร็จเมื่อ 3 ปีก่อน เป็นพระพุทธรูปที่สูงที่สุดในละตินอเมริกา
ช่วงปีหลังๆ ชาวลาวในนิคมเริ่มย้ายที่อยู่อาศัยเข้าไปในเขตตัวเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงสร้างฐานะขยับขยายออกไปอยู่ในที่ทางที่กว้างขวางสะดวกสบายตามชานเมือง ทำให้นิคมผู้ลี้ภัยเริ่มร้างผู้คน เป็นช่องทางให้หัวขโมยย่องเข้าลักทรัพย์ทั้งในวัดและบ้านเรือนในนิคม โดยเฉพาะบ้านที่เจ้าของย้ายออกไปแล้วแต่ยังไม่ได้ขนของออกไปทั้งหมด เล่ากันว่าถึงขั้นลากเกวียนเทียมม้ามาขนเอาไปก็มี
เช้านี้อาจารย์สีวอนฉันขนมปังอบที่ผมซื้อถวายตั้งแต่เมื่อเย็นวานกับมาเต ปกติตอนเช้าท่านจะดูดแต่มาเต รอฉันเพลมื้อเดียว ท่านว่ามาเตทำให้ไม่ค่อยหิว แถมยังช่วยให้สดชื่นอีกด้วย
มาเตมาจากชื่อเต็ม “เยอร์บามาเต” จัดเป็นชาชนิดหนึ่ง มาจากพืชท้องถิ่นในอาร์เจนตินา ปารากวัย และอุรุกวัย ชานี้นอกจากดูดแล้วทำให้สมองปลอดโปร่ง มีสมาธิจดจ่อ งานวิจัยยังบอกว่ามีสารต้านอนุมูลอิสระในระดับที่สูงกว่าชาเขียวเสียอีก ไปไหนมาไหนจะเห็นคนใน 3 ประเทศนี้มือหนึ่งถือถ้วยชาพร้อมหลอดดูดแบบมีฟิวเตอร์กรองใบชา อีกมือถือกระติกน้ำร้อน ผมเคยลองไม่กี่ครั้ง รู้สึกไม่ถนัดกับการที่ต้องเติมน้ำร้อนอยู่ตลอดเวลานี่เอง
ตอนเที่ยงผมเดินไปยังหอฉัน ความจริงไม่ใช่หอฉัน แต่เป็นอาคารมีลักษณะวิหารและศาลาการเปรียญรวมกัน พระฉันเพลในนี้ รวมถึงใช้ทำกิจอื่นๆ ทุกอย่าง อาจารย์สีวอนกำลังฉันเพลอยู่บนโต๊ะ แม่ชีนั่งกินที่พื้น พออาจารย์สีวอนฉันเสร็จก็ถามผมว่าได้ล็อกกุญแจประตูกุฏิหรือเปล่า ผมตอบว่ากดลูกบิดไว้แล้ว ท่านว่าไม่พอ ต้องล็อกกุญแจประตูเหล็กอีกชั้น โจรขโมยชุมจนวางใจไม่ได้แม้ช่วงเวลาสั้นๆ แล้วท่านก็เดินไปล็อกเอง ขอให้ผมไปกินข้าวในสำรับที่แม่ออกจัดไว้ให้บนโต๊ะติดกับโต๊ะที่ท่านเพิ่งฉันเสร็จ มีฝรั่งชาวอาร์เจนตินาคงจะเป็นคนในละแวกนี้ มีบ้านหรือเปล่าไม่รู้ แต่ไม่มีข้าวกิน ทางวัดก็จัดให้เขาอีกสำรับนั่งกินที่โต๊ะด้านนอก
แม่ออกชื่อ “ส่วน” เป็นผู้ทำอาหารมาถวายพระ แกอายุ 75 ปีแล้วแต่ดูไม่แก่ ถ้าบอกว่า 60 ผมก็เชื่อ กินเสร็จผมจะล้างจานทั้งหมด แม่ชีไม่ยอม ให้ผมล้างแค่ของตัวเอง อาหารที่อาจารย์สีวอนฉันไม่หมดและที่ผมกินเหลือ แม่ส่วนนำกลับบ้าน แกว่าถ้าผมจะกินมื้อเย็นแกก็จะทำให้ ผมยกสองมือประนมท่วมหัวกล่าวขอบคุณและบอกว่าไม่ขอรบกวน คิดว่าจะออกไปกินในเมือง
ฝนโปรยปรายลงมาทั้งวันมาหยุดเอาตอนใกล้ค่ำซึ่งเป็นเวลาที่ซินดี สาวลาวผู้เกิดในเมืองโปซาดัสขับรถมารับอาจารย์สีวอนและผมเข้าเมือง แล้วแวะรับดารา น้องสาวของเธอหลังเลิกเรียน ดาราสวมหน้ากากอนามัยเดินมากับกลุ่มเพื่อนที่ส่วนมากไม่ได้สวม เธอพูดภาษาอังกฤษกับผมแบบมีความมั่นใจมากกว่าเมื่อวาน
ซินดีหาที่จอดรถได้แล้วก็เดินนำไปยังร้านแลกเงิน ผมถามข้อมูลจากอาจารย์สีวอนเรื่องการแลกเงินจากเปโซอาร์เจนตินากลับเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐเพื่อนำไปใช้แลกเป็นเงินเรียลของบราซิลต่อไป อาจารย์สีวอนจึงขอให้ซินดีพาผมมา
ร้าน Efectivo Si (แปลว่า “เงินสด” และ “ใช่” ตามลำดับ) ตั้งอยู่บนถนน Bolivar ใกล้ๆ กับจัตุรัส 9 de Julio ซินดีเข้าไปคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่หน้าทางเข้าร้าน คุยเสร็จซินดีบอกให้ผมเดินตามเธอไป ป้ายร้านอยู่ติดถนนก็จริงแต่ตัวร้านต้องเดินเข้าตรอกเล็กๆ ไปประมาณ 20 เมตร เข้าไปถึงผู้หญิงคนนั้นผายมือให้ผมเดินเข้าร้าน ส่วนเธอเดินกลับไปประจำการที่เดิม
ในร้านแลกเงินมีช่องบริการอยู่ 5 - 6 ช่อง ชายหลังโต๊ะช่องหนึ่งเชิญให้ผมนั่ง ผมจะสวมหน้ากากตอนจะนั่งลง เขาบอกว่าไม่ต้องสวม ประมาณว่าให้ทำตัวตามสบาย ร้านนี้ไม่มีกฎให้สวม ผมจึงไม่สวม ความจริงที่ผมจะสวมเพราะผมกลัวโควิดต่างหาก
เขาพอพูดภาษาอังกฤษได้ ถามว่ามาจากประเทศอะไร ผมตอบ Tailandia เขาอุทานขึ้นว่า Oh Tailandia ! ชายหนุ่มที่ให้บริการอยู่ช่องถัดไปก็ร้อง “โอ้ ว้าว”
อัตราแลกเปลี่ยนที่ผมได้รับตรงตามที่เช็กมาจากเว็บไซต์บลูดอลลาร์ซึ่งเป็นเรตแลกเงินกึ่งตลาดมืด ราคาดีกว่าเรตทางการประมาณ 2 เท่าตามที่ผมเคยอธิบายไปเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยนคู่ขนานอันพิลึกพิลั่นของอาร์เจนตินา
ร้านแลกเงินแห่งนี้ไม่ต้องการเอกสารใดๆ ผมส่งเงินเปโซให้ เขาก็ส่งเงินดอลลาร์กลับมา ผมนับเสร็จพอจะลุกออกไปเขาก็ยื่นมือมาให้จับ ทำให้ต้องคิดใหม่ว่าร้านแบบนี้ไม่ได้รู้สึกน่ากลัว แถมยังดูเป็นอาชีพที่เปิดเผยด้วยซ้ำไป
เราเดินเล่นอยู่แถวๆ จัตุรัส 9 de Julio สักพัก แล้วชวนกันไปคาเฟ่แห่งหนึ่ง ซินดีและอาจารย์สีวอนดื่มชาเย็น ผมและดาราดื่มช็อกโกแลตร้อน จากนั้นซินดีขับรถไปยังริมแม่น้ำปารานา หลังแนวของถนนมีบาร์เบียร์อยู่นับไม่ถ้วน อีกฝั่งของแม่น้ำปารานาคือเมืองเองการ์นาซิออน ประเทศปารากวัย
แม่น้ำปารานามีความยาวถึง 4,880 กิโลเมตร เป็นแม่น้ำที่มีความยาวเป็นอันดับ 8 ของโลก ในอเมริกาใต้เป็นรองเพียงแค่แอมะซอนเท่านั้น มีต้นกำเนิดในรัฐมีนัสเจไรส์ของบราซิล ไหลจากทิศเหนือลงใต้ ผ่านปารากวัย อาร์เจนตินา ไปบรรจบกับแม่น้ำอุรุกวัยกลายเป็น “รีโอเดลาปลาตา” ก่อนไหลออกสู่มหาสมุทรแอตแลนติก
ริมฝั่งแม่น้ำใกล้ๆ ที่ซินดีจอดรถมีประติมากรรมขนาดใหญ่เรืองแสงโดดเด่น นี่คือรูปปั้นของ Andrés Guazurarí y Artigas หรือที่ชาวเมืองเรียก Andresito รูปปั้นนี้ทำด้วยเหล็กกล้ากันสนิม สูง 17 เมตร หนัก 6 ตัน หันหน้าเข้าหาเมืองโปซาดัส หันหลังให้แม่น้ำปารานา นี่คือแลนด์มาร์กสำคัญของเมืองโปซาดัส ทำพิธีเปิดเมื่อปี ค.ศ. 2013
ผมขอให้ดาราแปลข้อความที่จารึกไว้เป็นภาษาสเปนบริเวณฐานของรูปปั้น เธอแปลออกมาเป็นภาษาอังกฤษประมาณว่า “แด่นายพลอันเดรส กวาซูรารี อี อาร์ติกัส แม่ทัพวีรบุรุษชาวกวารานี สำหรับการอุทิศรับใช้ขบวนการปลดปล่อยละตินอเมริกา และความเสียสละเพื่อบูรณาภาพแห่งดินแดน”
“อันเดรสซิโต” เป็นชนพื้นเมืองคนเดียวในประวัติศาสตร์อาร์เจนตินายุค Provincias Unidas del Río de la Plata ที่ได้เป็นถึงผู้ว่าการรัฐระหว่างปี ค.ศ. 1811 – 1822 การมีตำแหน่งสูงขนาดนั้นก็เป็นเพราะได้รับการอุปการะเลี้ยงดูแถมยังให้ใช้นามสกุลโดย José Gervasio Artigas นายพลของกองทัพ ผู้นำทางการเมือง และวีรบุรุษของอุรุกวัย (ในสมัยที่ยังรวมอยู่กับอาร์เจนตินาในชื่อ Provincias Unidas del Río de la Plata)
ระหว่างการรุกรานของบราซิลช่วงปี ค.ศ. 1816 – 1820 ผู้พันอันเดรสซิโตนำกองทัพของเขาเข้าต่อต้านได้อย่างแข็งขันจนกระทั่งถูกจับเป็นเชลยเมื่อปี ค.ศ. 1819 เขาถูกส่งไปยังเมืองปอร์โตอาเลกรีและไปเสียชีวิตที่นครรีโอเดจาเนโรเมื่อปี ค.ศ. 1825 และเกือบ 2 ศตวรรษหลังจากนั้นเขาได้รับการเลื่อนยศให้เป็นพลเอกแห่งกองทัพอาร์เจนตินา
ส่วนเมืองโปซาดัสนั้นตั้งตามชื่อของ Gervasio Antonio de Posadas ผู้นำสูงสุดของอาร์เจนตินาเมื่อ ค.ศ. 1814 มีสถานะเป็นเมืองหลวงของรัฐมีซีโอเนสตั้งแต่ปี ค.ศ. 1884 ปัจจุบันเป็นเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของรัฐ มีอุตสาหกรรมสำคัญ ได้แก่ เฟอร์นิเจอร์ ยาสูบ สิ่งทอ อาหาร และการก่อสร้าง
ซินดีขับเลียบแม่น้ำต่อไปยังสถานีรถไฟโปซาดัส ปัจจุบันรถไฟจากบัวโนสไอเรสให้บริการมาถึงแค่เมือง Bahia Blanca ไม่ถึงครึ่งทางที่จะมาโปซาดัส สถานีรถไฟโปซาดัสจึงกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ แต่ในเมืองโปซาดัสยังมีรถไฟที่ให้บริการอยู่คือรถไฟระหว่างประเทศ ระยะทาง 8 กิโลเมตร จากฝั่งโปซาดัส ข้ามแม่น้ำปารานาไปบนสะพาน San Roque สู่ฝั่งเมืองเองการ์นาซิออน ประเทศปารากวัย ซินดีไม่ได้ขับไปยังสถานีรถไฟระหว่างประเทศที่ว่านี้ แต่พาไปชมสะพาน San Roque ความยาว 2,550 เมตร เห็นรถติดยาวบนสะพาน รวมทั้งแสงไฟจากเมืองเองการ์นาซิออน
ระหว่างทางกลับวัด ซินดีแวะร้านเบอร์เกอร์ซื้อมื้อค่ำให้ตัวเองและน้องสาว ผมซื้อซีซาร์สลัดและนักเก็ตไก่กลับวัด ถึงวัดผมอวยพรให้เธอโชคดีที่อเมริกา ไม่กี่วันข้างหน้าเธอจะเดินทางไปทำงานที่เมืองเดนเวอร์ รัฐโคโคราโด ส่วนดาราผมขอให้ทำคะแนนดีๆ และเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในสาขาที่ชอบ ตอนนี้เธอยังไม่รู้จะเรียนอะไรเพราะเพิ่งอยู่ชั้น ม. 4 เมื่อเทียบระดับกับบ้านเรา
วันต่อมาผมตื่นตั้งแต่ 7 โมงเช้า รีบอาบน้ำและเก็บกระเป๋าเพราะต้องการจะขึ้นรถบัสจากสถานีโปซาดัสไปยังเมืองปวยโตอีกวาซูให้ทันเที่ยว 10.15 น. หากพลาดเที่ยวนี้ต้องรอเที่ยวถัดไปอีกประมาณ 1 ชั่วโมง กดแอปอูเบอร์เรียกรถแท็กซี่แต่ไม่มีคนขับคันใดตอบรับ คงเพราะมีรถให้บริการน้อยและวัดอยู่ห่างจากเขตเมืองราว 10 กิโลเมตร เรียกอยู่หลายครั้งจนหมดความหวัง เดินไปหาอาจารย์สีวอนที่กำลังกวาดลานวัด ท่านหาทางช่วยด้วยการเดินเข้าไปในนิคม แล้วเดินกลับออกมาพร้อมข่าวดีว่ามีโยมท่านหนึ่งกำลังจะเข้าเมือง
พ่อออกชื่อ “ใส” มีกระบะเชฟโรเล็ตคันใหญ่ ผมแบกกระเป๋าขึ้นใส่ท้ายรถ อาจารย์สีวอนกลับเข้ากุฏิเพื่อห่มจีวร ท่านกรุณาไปส่งผมด้วย ถึงด้านนอกของสถานีรถบัสเวลา 10.10 น. อาจารย์สีวอนลงเดินไปเป็นเพื่อน ผมเห็นห้องขายตั๋วของบริษัท Crucero พนักงานที่โต๊ะพูดภาษาอังกฤษได้ บอกว่ามีรถกำลังจะออกพอดี แสดงว่าผมทันเที่ยว 10.15 น. ให้ผมไปจ่ายเงินรับตั๋วกับคนขับ
พอเดินไปถึงรถพนักงานคนหนึ่งถามหาตั๋ว อาจารย์สีวอนอธิบายเป็นภาษาสเปนว่าจะจ่ายกับคนขับ เขาก็ไม่ว่าอะไร ผมเอากระเป๋าไปใส่ใต้ท้องรถ ให้ทิปพนักงานยกกระเป๋า 100 เปโซ เขามีเงินทิปหลายใบพับครึ่งตามแนวยาวเสียบอยู่ตามง่ามนิ้ว
ผมนมัสการลาอาจารย์สีวอนแล้วขึ้นรถ จ่ายเงินกับคนขับ 1,720 เปโซ การที่ผมทันรถเที่ยวนี้มีความหมายมาก นั่นคือจะถึงที่หมายราวบ่าย 3 ครึ่ง ไม่จำเป็นต้องพักค้างคืนที่เมืองปวยโตอีกวาซูของอาร์เจนตินา มีเวลาพอที่จะนั่งรถข้ามพรมแดนจากอาร์เจนตินาไปฝั่งบราซิล
จากอีกวาซูฝั่งบราซิลนั่งรถบัสข้ามคืนเข้านครเซาเปาโลได้เลย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข้าอยากได้อะไร...ข้าต้องได้
เราคนไทยมักจะอ้างว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐ มีการบริหารกิจการต่างๆ ภายในประเทศตามหลักการของนิติธรรม แต่สถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเวลานี้ หลายคนเริ่มตั้งข้อสงสัยว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐจริงหรือ
เมื่อ 'ธรรมชาติ' กำลังแก้แค้น-เอาคืน!!!
เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กรมอุตุนิยมวิทยาของบ้านเรา...ท่านเคยคาดๆ ไว้ว่า ฤดูหนาว ปีนี้น่าจะมาถึงประมาณปลายสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนตุลาคม
จ่ายเงินซื้อเก้าอี้!
ไม่รู้ว่าหมายถึง "กรมปทุมวัน" ยุคใด สมัยใคร จ่ายเงินซื้อเก้าอี้ ซื้อตำแหน่ง ในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ตามที่ "ทักษิณ ชินวัตร" สทร.แห่งพรรคเพื่อไทย ประกาศเสียงดังฟังชัดในระหว่างขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัครนายก
ช่วงเค้าลางคดีสำคัญของนายกรัฐมนตรีก่อตัวในดวงเมือง
ขอพักการทำนายเค้าโครงชีวิตคนปี 2568 ไว้ชั่วคราว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคิวที่รออยู่คือท่านที่ลัคนาสถิตราศีตุล
ไม่สนใจใครจะต่อว่า เสียงนกเสียงกา...ข้าไม่สนใจ
ถ้าหากเราจะบอกว่านายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 ของประเทศไทย เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีเสียงตำหนิ มีการนำเอาการพูดและการกระทำที่ไม่ถูกไม่ต้อง ไม่เหมาะไม่ควร
จาก 'น้ำตา' ถึง 'รอยยิ้ม' พระราชินี
ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา...ได้อ่านข่าวพระราชาและพระราชินีสเปน เสด็จฯ ทรงเยี่ยมเยียนผู้คนที่ประสบภัยน้ำท่วมในเมืองปอร์ตา แคว้นบาเลนเซีย