เมื่อโลกตะวันตกประกาศกำหนดเพดานราคาน้ำมันดิบของรัสเซียที่บาร์เรลละไม่เกิน 60 เหรียญฯ ตลาดน้ำมันโลกก็เข้าสู่ภาวะวุ่นวาย
ไม่เพียงแต่หน้าหนาวกำลังถูกใช้เป็น “อาวุธสงคราม” เท่านั้น น้ำมันดิบ, ไฟฟ้าและพลังงานก็กลายเป็น “เครื่องมือต่อรอง” ของการศึกครั้งนี้ด้วย
แต่มาตรการกำหนดเพดานราคาสินค้าของผู้ขายโดยผู้ซื้อเช่นนี้ไม่เคยปรากฏมาก่อน
เพราะท้ายที่สุดหลักเศรษฐศาสตร์ก็จะเป็นตัวกำหนดเองว่าคนซื้อหรือคนขายกันแน่ที่มีอำนาจต่อรองมากกว่ากัน
ก็ต้องขึ้นอยู่กับอุปสงค์กับอุปทาน หรือ demand และ supply
ถ้าความต้องการมากกว่าของที่จะมีขาย ราคาก็ต้องขึ้น แต่หากความต้องการมีน้อยกว่าราคาก็ต้องลง
พอเกิดสงครามร้อนๆ ตรรกะปกติที่ใช้กันมายาวนานก็ถูกท้าทาย
เอาเข้าจริงๆ ฝ่ายใดจะกำหนดเงื่อนไขให้อีกฝ่ายหนึ่งได้ก็ต่อเมื่อมีอำนาจต่อรองมากกว่าเท่านั้น
วันนี้ยังบอกไม่ได้ว่าฝ่ายไหนจะชนะ
ที่รู้แน่ๆ ก็คือรัสเซียบอกว่าถ้าตะวันตกกำหนดเพดานราคา หรือ cap เอาไว้ ณ ราคานั้นก็จะไม่ขายให้
แต่จะขายให้กับตลาดเอเชีย เช่น จีนและอินเดียที่มอสโกพร้อมจะขายใน “ราคามิตรภาพ”
ซึ่งก็ยังสูงกว่าราคาเพดานของตะวันตกอยู่ดี
แต่ประธานาธิบดีเซเลนสกีของยูเครนกลับเห็นว่าราคา 60 เหรียญฯ ต่อบาร์เรลยังไม่ต่ำพอ และเป็นราคาที่ “อ่อนไป”
จะต้องกดลงไปที่ 30 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล จึงจะเป็นมาตรการลงโทษรัสเซียได้อย่างจริงจัง
ราคาระดับนั้นยิ่งไปกันใหญ่ รัสเซียยิ่งไม่ยอมขาย และน้ำมันดิบของรัสเซียก็ยิ่งจะหาทางออกไปตลาดอื่น
หรือรัสเซียต้องลดการผลิตเพื่อให้สอดคล้องกับตลาดโลกที่อยู่ในภาวะที่ผัวผวนแปรปรวนเป็นอย่างยิ่ง
การตัดสินใจของสมาชิกสหภาพยุโรปที่เห็นพ้องกันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าจะจำกัดการค้าน้ำมันทางทะเลของรัสเซียที่ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เป็นการเดินตามกลุ่ม G7
เป้าหมายชัดเจน ไม่ต้องปิดบังอำพรางกัน นั่นคือเพื่อเป็นการตัดรายได้ของมอสโกเพื่อลดความสามารถของเครมลินในการทำสงครามกับยูเครน
นั่นคือหน้าฉาก แต่หลังฉากนั้นมีการถกแถลงกันอย่างกว้างขวางในหมู่สมาชิกของสหภาพยุโรปพอสมควร
เอกอัครราชทูตของอียูใช้เวลาหลายวันในการแลกเปลี่ยน “อย่างเข้มข้น” ว่าราคาสูงสุดควรสูงหรือต่ำเพียงใด
โดยพยายามสร้างความสมดุลระหว่างเป้าหมายการลดรายได้ของรัสเซีย แต่ก็ต้องหลีกเลี่ยงการหยุดชะงักกะทันหันในตลาดโลก
โปแลนด์และรัฐบอลติกมีจุดยืนที่แข็งกร้าวและต้องการจะกดดันรัสเซียให้สุดลิ่มทิ่มประตู
นั่นคือระดับที่ 30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
แต่กรีซ ไซปรัส และมอลตา ซึ่งมีอุตสาหกรรมการขนส่งภายในประเทศที่สำคัญ และมีความต้องการใช้น้ำมันดิบเป็นจำนวนไม่น้อยเสนอให้อยู่ที่ 70 ดอลลาร์
ส่วนประเทศอื่นที่พยายามจะหาทางประนีประนอมด้วยการแสวงหาจุดกึ่งกลางระหว่าง 2 ขั้ว
โดยครั้งแรกพบกันครึ่งทางที่ 65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่อมาก็ไปอยู่ที่ 62 ดอลลาร์
แต่กลุ่มยุโรปตะวันออกยังคงถือว่า “สูงเกินไป” อาจจะไม่แรงพอที่จะทำให้รัสเซีย “เจ็บพอ”
แต่การเจรจาไม่ได้เน้นเฉพาะเรื่องราคา เพราะที่สำคัญกว่านั้นคือ หากตกลง ณ ราคาใดราคาหนึ่งแล้ว จะเอาไปใช้ปฏิบัติได้จริงหรือเปล่า
จะมีใครเบี้ยวหรือไม่ หรือจะมีสมาชิกประเทศใดแอบซื้อในตลาดมืดที่ราคาสูงกว่าหรือเปล่า
ดังนั้นการเจรจาจึงพุ่งไปที่การบังคับใช้ ความโปร่งใส และมาตรการคว่ำบาตรชุดใหม่ของสหภาพยุโรปที่อาจเกิดขึ้น
ข้อตกลงขั้นสุดท้ายบรรลุในเย็นวันศุกร์ หลังจากโปแลนด์เปิดไฟเขียวที่รอคอยมานาน
ในแวดวงตลาดราคาน้ำมันดิบนั้นเป็นที่รู้กันว่ารัสเซียได้ขายน้ำมันดิบ Urals ของตนในราคาที่มีส่วนลดอยู่แล้ว
โดยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาอยู่ระหว่าง 77-64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ซึ่งถูกกว่าราคาน้ำมันดิบเบรนต์ประมาณ 20 ดอลลาร์
หากข้อตกลงของสหภาพยุโรปที่ประกาศมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา เป็นไปตามคำประกาศจริง ประเมินกันว่ารัสเซียจะสูญเสียส่วนต่างระหว่างราคาการค้าและราคาเพดานที่กำหนด
โดยที่อียูต้องตรวจตราอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจว่ายังคงต่ำกว่าจุดขายของรัสเซียอย่างน้อย 5%
เป้าหมายของตะวันตกนั้นคือการพยายาม "จะทำให้รายได้ของรัสเซียลดลงไปอีก" เออร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปกล่าว "ในขณะเดียวกัน ก็จะทำให้ตลาดพลังงานทั่วโลกมีเสถียรภาพ"
เป็น 2 เป้าหมายที่ยากแก่การที่จะบรรลุได้อย่างราบรื่น เพราะมีอุปสรรคนานาประการที่จะต้องได้รับการแก้ไขตลอดเส้นทางของการ “คว่ำบาตร” ชุดนี้
นอกจากเรื่องราคาแล้ว G7, EU และออสเตรเลียจะห้ามบริษัทการเงิน ประกันภัย การตั้งค่าสถานะและการขนส่งจากการทำงานร่วมกับบริษัทรัสเซียที่ขายน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการกลั่น เช่น แนฟทาและน้ำมันแก๊สโซลีนสำหรับส่วนใดๆ ที่เกิน 60 ดอลลาร์
ข้อมูลทางการบอกว่า รายได้จากการขายเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นแหล่งรายได้หลักของรัสเซีย
ซึ่งคิดเป็นกว่า 40% ของงบประมาณของรัฐบาลกลาง
สถิติที่รับรู้กันคือจากจุดเริ่มต้นของสงคราม ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ถึง 28 พฤศจิกายน มอสโกมีรายได้มากกว่า 1.16 แสนล้านยูโร จากการขายน้ำมันดิบ และ 3.8 หมื่นล้านยูโร จากผลิตภัณฑ์น้ำมันและเคมีภัณฑ์
เป็นข้อมูลที่อ้างอิง Center for Research on Energy and Clean (CREA) ซึ่งเป็นองค์กรในเฮลซิงกิของฟินแลนด์
และสหภาพยุโรปเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุดในช่วงเวลาที่ว่านี้
แต่ไม่ใช่ว่ามาตรการอย่างนี้จะไม่มีผลย้อนกลับมาลงโทษยุโรปและประเทศที่เป็นมิตรกับตน
ผล “บูมเมอแรง” นั้นอาจจะมาในรูปของการกระตุ้นให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นอย่างกะทันหัน และทำให้ประเทศที่มีรายได้น้อยที่ได้รับผลกระทบมีความรู้สึกต่อต้านชาติตะวันตก
เพราะหากเป็นเช่นนี้ ประเทศที่จะได้รับผลกระทบอาจไม่ใช่รัสเซีย แต่เป็นประเทศยากจนทั้งหลายที่กลายเป็นเหยื่อของสงครามด้วยฝีมือของประเทศตะวันตกนั่นเอง
ตามการประเมินก่อนสงคราม โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) รัสเซียจำเป็นต้องขายน้ำมันในราคาระหว่าง 30-40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพื่อชดเชยต้นทุนการผลิตทั้งหมด ซึ่งรวมถึงการขนส่ง การสกัด และการพัฒนาหลุมใหม่
ดังนั้นแม้ว่ารัสเซียได้จะ 60 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ก็อาจจะไม่ถึงกับต้องขาดทุนหนักมาก
แต่ประเด็นวันนี้ไม่ใช่เรื่องเศรษฐกิจอย่างเดียวอีกต่อไป
ปัจจัยเรื่องการเมือง, ความมั่นคงและภูมิรัฐศาสตร์กลายเป็นหัวข้อที่ต้องนำมาประกอบการพิจารณาอย่างร้อนแรงด้วยเช่นกัน
(พรุ่งนี้ : พอถูกตะวันตกสกัด, น้ำมันดิบรัสเซียหันมาหาตลาดเอเชีย)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ


