การประชุมสุดยอดระหว่าง สี จิ้นผิง กับ โจ ไบเดน เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาไม่มีอะไรเกินคาด แต่ไม่ได้แปลว่าความขัดแย้งเดิมๆ จะหายไป
ไบเดนบอก สี จิ้นผิง ว่าทั้ง 2 ประเทศต้อง “บริหารการแข่งขันกันอย่างรับผิดชอบ”
สี จิ้นผิง บอกไบเดนว่า 2 ชาติต้องเคารพในแนวคิด, ความกังวลและค่านิยมของกันและกัน
การเผชิญหน้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนมีมากมายหลายมิติ มีทั้งด้านร่วมมือและแข่งขัน และในหลายกรณีอาจจะนำไปสู่ความขัดแย้ง
เป็นที่มาของ 3C ที่ใช้อธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ยักษ์
นั่นคือ Competition, Cooperation และ Conflict
การบริหารความสัมพันธ์ให้เป็น Competition คือการที่ต้องแข่งขันในเวทีต่างๆ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนนั้นเป็นเรื่องปกติ และน่าจะคาดการณ์ได้
บางด้านก็สามารถร่วมมือกันในแบบ Cooperation ได้ เพราะมีผลประโยชน์ร่วมกัน เช่น ด้านสู้โลกร้อน และการสู้กับการก่อการร้าย (แล้วแต่จะตีความตรงกันหรือไม่ในหลายกรณี)
แต่ต้องบริหารไม่ให้กลายเป็น Conflict หรือความขัดแย้ง
เพราะนั่นจะนำไปสู่ความรุนแรงที่จะมีผลกระทบต่อโลกทั้งโลกได้
แต่ 3C ก็ตามมาด้วย 3D
3D นี้มาจาก ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร นักวิชาการที่ติดตามเรื่องจีนและสหรัฐฯ มายาวนาน
หนังสือเล่มใหม่ของอาจารย์อาร์มวิเคราะห์ว่า ความสัมพันธ์ของ 2 ยักษ์ขณะนี้มีอีกมิติหนึ่งคือ “ศึก 3D”
นั่นคือ Decoupling คือศึกแยกห่วงโซ่ทางการค้า
ตามมาด้วย Digitalization หรือศึกเทคโนโลยี และ Decarbonization หรือศึกพลังงานสะอาด
ในกรณี 3D นี้ ทั้ง 2 ฝ่ายต่างมีจุดแข็งและจุดอ่อน มีรุกและรับ
อาจารย์อาร์มบอกว่า โจ ไบเดน เดินเกมหมากล้อมสยบจีน
ขณะที่ สี จิ้นผิง ก็หมุนเวียนภายในสลายวงล้อม
หนังสือเล่มนี้ชวนมองความซับซ้อนของเกมการแข่งขันของมหาอำนาจ เป็นการวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงและความไม่แน่นอน
ผลแพ้ชนะสุดท้ายย่อมขึ้นอยู่กับความสามารถในการปรับตัว และพลังสร้างสรรค์ภายในของทั้ง 2 ยักษ์
อาจารย์ย้อนความให้เห็นว่า เติ้ง เสี่ยวผิง อดีตผู้นำจีน เคยเตือนให้จีน “ซ่อนเขี้ยวเล็บ” ไว้
เติ้งบอกว่าจีนต้องไม่ทำตัวโดดเด่น น่าจะเป็นเพื่อให้ศัตรูตายใจ ไม่หาทางสกัดการเติบใหญ่ของตนก่อนเวลาอันเหมาะควร
ริชาร์ด นิกสัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เป็นผู้เปิดประตูความสัมพันธ์กับจีนในปี 1972 ก็เคยกล่าวทำนองว่า สหรัฐฯ ไม่อาจเป็นศัตรูกับชาติที่มีประชากรคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 5 ของประชากรโลกได้
แต่วันนี้ จีนภายใต้การนำของ สี จิ้นผิง กลับเล่นบทบาทเชิงรุกอย่างแข็งกร้าวในเวทีโลก
ขณะเดียวกัน โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ก็มองจีนเป็นภัยคุกคาม พยายามตัดจีนออกจากห่วงโซ่เศรษฐกิจและเทคโนโลยีของสหรัฐฯ
คนไทยต้องติดตามเรื่องราวของ 2 ยักษ์อย่าง “รู้ทัน” เพราะโลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคของความเปลี่ยนแปลงอย่างหนักหน่วงและรุนแรง
โควิด-19 เป็นปัจจัยสำคัญยิ่งที่มาเร่งให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่เริ่มด้วย “ความป่วน” อันเกิดจากเทคโนโลยีที่เรียกว่า technological disruption อยู่แล้ว
และปัจจัยหลักที่เป็นหนึ่งในตัวกำหนดที่สำคัญคือ ทิศทางของความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ยักษ์ใหญ่นี้
คำถามใหญ่ที่เราต้องหาคำตอบ หรือพยายามจะศึกษาปัจจัยที่เกี่ยวข้องคือ
2 ยักษ์นี้จะทำสงครามกันหรือไม่?
ความตึงเครียดในทะเลจีนใต้และกรณีไต้หวันจะนำไปสู่การประเมินอำนาจต่อรองของตนและอีกฝ่ายหนึ่งที่ผิดพลาดจนกลายเป็นการเปิดศึกที่นำไปสู่ความรุนแรงที่กว้างขวางหรือไม่?
สี จิ้นผิง และ โจ ไบเดน จะสามารถทำความเข้าใจในประเด็นต่างๆ ที่สมเหตุสมผลเพียงพอที่จะป้องกันการเกิดสงครามได้หรือไม่
กรณี 3D ของอาจารย์อาร์มกับ 3C ของนักวิชาการอื่นๆ จะเชื่อมโยงต่อกันเพื่อทำให้ความขัดแย้งแห่งผลประโยชน์ของ 2 ยักษ์นี้นำไปสู่การทำความเข้าใจพอที่จะหาสูตร “อยู่ร่วมกัน” อย่างมีกฎกติกาที่ยอมรับกันได้ทั้ง 2 ฝ่ายหรือไม่
ประเทศไทยจะต้องวางยุทธศาสตร์ของตนอย่างไรจึงจะไม่ตกอยู่ในสภาพที่ถูกกดดันบังคับให้ต้อง “เลือกข้าง”
อะไรจะเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับประเทศไทยในการพิจารณาประกอบการวาง “จุดยืน” ของประเทศที่จะนำมาซึ่งประโยชน์สูงสุดของประเทศ?
จุดแข็งและจุดอ่อนของไทยในมิติต่างๆ เหล่านี้มีอะไรบ้าง?
เราจะใช้จุดแข็งของเราให้เกิดประโยชน์ และลดจุดอ่อนของเราเพื่อการบรรลุเป้าหมายของการปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงที่ไม่อนุญาตให้เราใช้แนวทาง “ลู่ตามลม” ในทุกกรณีได้อย่างไร?
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นประเด็นท้าทายที่จะต้องเป็นคู่มือสำหรับการวางแนวทางของยุทธศาสตร์ไทยในวันนี้และวันข้างหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ