ภาพที่ไม่ค่อยได้เห็นในเมืองจีนคือการประท้วงอย่างเปิดเผย พร้อมเสียงตะโกนให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ลงจากตำแหน่งกลายเป็นประเด็นร้อนผ่าวไปทั่ว
การประท้วงลามไปหลายเมืองเริ่มจากที่โรงงานผลิตไอโฟนที่เมืองเจิ้งโจว หลังกรณีพิพาทระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง จนลามไปถึงประเด็นมาตรการคุมเข้มโควิดกลายเป็นการปะทะระหว่างคนงานผู้ประท้วงกับตำรวจที่เข้าไปรักษาความสงบ
ตามมาด้วยเมืองอุรุมชีหลังไฟไหม้อพาร์ตเมนต์ที่มีคนเสียชีวิต 10 คน
ประชาชนออกมาประท้วงอ้างว่ามาตรการเคร่งครัดเรื่องโควิดทำให้การดับเพลิงมีอุปสรรคจนคนตายหลายคน
อีกเหตุผลหนึ่งที่ชาวบ้านอ้างคือ มาตรการห้ามคนที่พักออกมา เพราะมีมาตรการคุมเข้มเรื่องโควิด ทำให้คนตายและบาดเจ็บมากกว่าที่ควรจะเป็น
ทางการปฏิเสธข่าวเรื่องนี้ แต่ต่อมาก็ออกแถลงการ์แสดงความเสียใจและขอโทษ
โดยรับปากว่าจะ “ฟื้นฟูความสงบเรียบร้อย” โดยเร็วด้วยการผ่อนปรนมาตรการโควิด
การประท้วงลามไปถึงเซี่ยงไฮ้ในวันต่อมา ทั้งรวมตัวกันกลางถนนและในรั้วมหาวิทยาลัยหลายแห่งที่ตะโกนเรียกร้อง “เสรีภาพและนิติรัฐ” ที่โยงกับเหตุการณ์ที่อุรุมชี
นอกจากนั้นก็ยังมีการรวมตัวของผู้คนที่ไม่พอใจมาตรการโควิดในอีกหลายเมือง
ผู้คนหลายพันคนเดินไปตามท้องถนนในเซี่ยงไฮ้เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา เพื่อรำลึกถึงเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายและแสดงออกถึงการต่อต้านข้อจำกัดต่างๆ
เป็นครั้งแรกตั้งแต่ สี จิ้นผิง ขึ้นบริหารประเทศเมื่อ 10 ปีก่อนที่มีภาพการประท้วงที่กว้างขวาง และมีเสียงตะโกน “สี จิ้นผง ลงไป...พรรคคอมมิวนิสต์ลงไป”
นักข่าวต่างประเทศที่อยู่ประจำประเทศจีนหลายคนส่งข้อความและคลิปวิดีโอขึ้นโซเชียลมีเดียพร้อมคำบรรยายว่า เป็นภาพที่ไม่เคยเห็นและได้ยินตั้งแต่ไปทำข่าวที่เมืองจีนในหลายปี
ในการประท้วงที่เซี่ยงไฮ้ เมืองใหญ่ที่สุดของจีนและศูนย์กลางการเงินระดับโลก มีคนจุดเทียนและวางดอกไม้ให้กับเหยื่อ
เป็นปรากฏการณ์ใหม่ของการแสดงสัญลักษณ์การประท้วงด้วยการถือป้ายสีขาวหรือกระดาษเปล่าที่ไม่มีข้อความใดๆ ด้วย
บางคนชูป้ายสีขาวขึ้น และบอกว่า “คุณรู้ว่าฉันต้องการจะสื่ออะไร”
สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องปกติในจีนภายใต้การนำของสี จิ้นผิง ซึ่งกำกับควบคุมการแสดงความเห็นของประชาชนอย่างเข้มข้นมาตลอด
การวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลและประธานาธิบดีโดยตรงและเปิดเผยอย่างนี้มีความผิดทางกฎหมาย และอาจส่งผลให้ได้รับโทษที่รุนแรงได้
ผู้ประท้วงคนหนึ่งบอกกับนักข่าวบีบีซีว่า เขารู้สึก "ตกใจและตื่นเต้นเล็กน้อย" ที่เห็นผู้คนออกมาเดินบนถนน
เขาบอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นความแตกแยกขนานใหญ่เช่นนี้ในจีน
และเสริมว่า การล็อกดาวน์เรื่องโควิดทำให้เขารู้สึก "เศร้า โกรธ และสิ้นหวัง"
ทำให้เขาไม่สามารถไปดูแลแม่ที่ไม่สบาย ทั้งๆ ที่กำลังเข้ารับการรักษาโรคมะเร็ง
ผู้ประท้วงหญิงคนหนึ่งบอกว่า ได้ถามเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกส่งมาดูแลเหตุการณ์ว่ามีความรู้สึกเกี่ยวกับการประท้วงอย่างไร
คำตอบคือ "ก็เหมือนกับคุณนั่นแหละ"
แต่เธอบอกว่า "พวกเขาอยู่ในเครื่องแบบ จึงต้องทำหน้าที่ของตัวเอง"
น่าสังเกตว่าตำรวจที่เซี่ยงไฮ้ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ไม่ได้เข้าปะทะกับผู้ประท้วง แม้จะมีการรวบตัวผู้ออกมาตะโกนบางคนไปขึ้นรถตำรวจก็ตาม
แต่ที่เจิ้งโจวและอุรุมชี ตำรวจในเครื่องแบบสีขาว (เพื่อป้องกันโควิด) เข้าใช้กำลังกับผู้ประท้วงในหลายกรณีอย่างชัดเจน
ผู้ประท้วงคนหนึ่งบอกกับสำนักข่าวเอพีว่า เพื่อนของเขาคนหนึ่งถูกตำรวจทุบตีในที่เกิดเหตุ ในขณะที่อีก 2 คนถูกสเปรย์พริกไทย
สถานการณ์ในพื้นที่แม้จะดูสงบลงในวันอาทิตย์ แต่ก็มีการรวมตัวของผู้คนเป็นจุดๆ ที่ตะโกนให้ตำรวจปล่อยตัวคนที่ถูกจับไปคืนก่อนหน้านั้น
ตำรวจจำนวนมากถูกส่งมาประจำการด้วยท่าทีแข็งกร้าวอยู่ในพื้นที่การประท้วง
โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายสิบนาย รปภ.ส่วนตัว และเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบตามท้องถนนทั่วไป
ภาพถ่ายและวิดีโอปรากฏทางออนไลน์เห็นนักศึกษายืนไว้อาลัยเหยื่อเหตุไฟไหม้ในเมืองอุรุมชี
อีกทั้งมีคลิปจากการประท้วงที่มหาวิทยาลัยในปักกิ่งและหนานจิง
อีกทั้งยังมีอีกหลายร้อยคนเข้าร่วมการเดินขบวนในมหาวิทยาลัยซิงหัวในเมืองหลวง
การชูป้ายและกระดาษเปล่ากลายเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านการเซ็นเซอร์ของจีน
อีกทั้งยังมีการร้องเพลงสวดมนต์เพื่อสนับสนุนเสรีภาพและประชาธิปไตย
ทั้งหมดนี้คือจุดเปลี่ยนล่าสุดในการเพิ่มความอึดอัดและหงุดหงิดของคนจีนหลายล้านคนเหนื่อยล้ากับการจำกัดการเคลื่อนไหวยาวนาน 3 ปี
รวมถึงการตรวจหาเชื้อโควิดทุกวัน
ในช่วงแข่งขันบอลโลก คนจีนเห็นภาพถ่ายทอดสดที่มีคนดูเต็มสนามโดยไม่มีใครใส่หน้ากาก
คนจีนบางคนเขียนข้อความขึ้นโซเชียลมีเดียว่า “ทำไมคนอื่นๆ ในโลกไม่ต้องใส่หน้ากาก ทำไมเรายังต้องอยู่ใต้กฎเกณฑ์อันแสนเคร่งครัด...เราอยู่กันคนละโลกหรืออย่างไร?”
บางคลิปเห็นคนจีนและนักศึกษาโบกธงชาติจีนและร้องเพลงชาติ โดยเนื้อเพลงสนับสนุนอุดมการณ์แห่งการปฏิวัติและกระตุ้นให้ประชาชน "ลุกขึ้น ลุกขึ้น" สะท้อนถึงการเรียกร้องให้รักชาติ
อาจตีความได้ว่าเป็นการแสดงออกถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับเพื่อนชาวจีนที่ทนทุกข์ภายใต้นโยบายปลอดโควิดอันแสนยาวนาน
อะไรจะเกิดขึ้นต่อไปเป็นประเด็นที่มีนัยสำคัญอย่างยิ่งต่อบรรยากาศการเมืองของจีน
โดยเฉพาะเมื่อ สี จิ้นผิง เข้าสู่เทอม 3 ในฐานะเบอร์ 1 ของประเทศจีน
ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดใหม่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาพุ่งสูงขึ้นทำสถิติสูงสุดตั้งแต่มีการระบาดมา
ที่เป็นประเด็นอ่อนไหวที่สุดน่าจะเป็นว่าเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นสัญญาณการลุกขึ้นแสดงความไม่พอใจต่อ สี จิ้นผิง อย่างตรงไปตรงมา
เป็นการท้าทายอำนาจของผู้มีอำนาจทางการเมืองสูงสุดของจีนอย่างมีความหมายยิ่ง
(พรุ่งนี้: ทางเลือกสำหรับ สี จิ้นผิง เมื่อถูกท้าทายครั้งใหญ่).
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ