กว่า 8 ทศวรรษแล้วนับจากโลกมีอาวุธนิวเคลียร์ มีงานวิจัยศึกษาความเสียหายจากสงครามนิวเคลียร์มากมาย บทความนี้นำเสนอข้อมูลล่าสุดบางชิ้นในยามที่กระแสวิตกสงครามนิวเคลียร์เพิ่มทวี
กระแสข่าวรัสเซียจะใช้นิวเคลียร์:
หลายเดือนแล้วที่สื่อตะวันตกเสนอข่าวรัสเซียจะใช้นิวเคลียร์กับยูเครน เริ่มจากการจุดประเด็นเล็กๆ สู่การโหมกระแส นักการเมืองหลายคนแสดงความเห็นตามทางนี้ รวมทั้งเซเลนสกีผู้นำยูเครน
แต่หลังนักการเมือง นักวิชาการ กระทั่งไบเดนออกมาปั่นต่อเนื่องว่ารัสเซียจะใช้นิวเคลียร์ วันที่ 9 ตุลาคม ทำเนียบขาวแถลงว่าถ้อยคำของประธานาธิบดีที่พูดเรื่องจะเกิดสงครามนิวเคลียร์ล้างโลก (Armageddon) “ปราศจาก” ข้อมูลข่าวกรองรองรับ ดูเหมือนเรื่องตลกแต่จริงที่ผู้นำประเทศพูดอย่างแล้วสำนักงานผู้นำคนนั้นออกมาลบล้างคำพูดเจ้านายตนเอง
ไม่กี่วันต่อมา Josep Borrell ผู้นำทูตอียูและประธานาธิบดีมาครงออกมาชี้แจงว่านาโตจะไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์หากรัสเซียใช้นิวเคลียร์กับยูเครน แม้เป็นนิวเคลียร์ขนาดเล็ก (tactical nuclear)
สังเกตว่าฝั่งยุโรปออกมาพูดสนับสนุนท่าทีทำเนียบขาว อีกข้อสังเกตคือ รัฐบาลตะวันตกปล่อยให้กระแสข่าวสงครามนิวเคลียร์โหมกระพืออยู่นานกว่าจะออกมาแก้ข่าว ทั้งๆ ที่ประธานาธิบดีมาครงชี้ว่าฝรั่งเศสมีแนวทางการใช้อาวุธนิวเคลียร์อยู่แล้ว เหตุผลข้ออ้างต่างๆ นานาตามข่าวจากสื่อทั้งหลายไม่เป็นเหตุให้ฝรั่งเศสใช้นิวเคลียร์แต่อย่างไร
ตรรกะปูตินใช้หรือไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์:
ความคิดรัสเซียใช้นิวเคลียร์กับยูเครนมาจากนักการเมือง สื่อตะวันตก อาจมาจากเหตุผลดังนี้
1) เพื่อชี้ว่ารัสเซียกำลังรบแพ้ในยูเครน ทหารรัสเซียขาดทักษะการรบ อาวุธเก่าแก่โบราณ สูญเสียจำนวนมาก (จึงต้องใช้นิวเคลียร์) เป็นการให้กำลังใจคนยูเครนรบต่อจนเหลือทหารคนสุดท้าย Peter van Buren ผู้แต่งหนังสือ The American Conservative อธิบายว่า รัสเซียไม่ได้ตกอยู่ในสภาพเป็นรองแต่อย่างไร รัสเซียในตอนนี้กินดินแดนยูเครนไม่น้อย สามารถถอยได้อีกมาก (จากสถานการณ์ล่าสุดที่กองทัพรัสเซียถอนตัวออกจากบางพื้นที่)
อันที่จริงแล้วหากกองทัพรัสเซียแพ้ศึกไม่เป็นเหตุผลว่าต้องใช้นิวเคลียร์ ปี 1989 โซเวียตถอนทัพออกจากอัฟกานิสถานก็ไม่มีการใช้นิวเคลียร์ ตรรกะปูตินจะใช้นิวเคลียร์เพื่อไม่แพ้ไม่สมเหตุสมผล
2) ให้คนยุโรปสนับสนุนการรบ ตอนนี้คนยุโรปประท้วงหนักและจะหนักมากขึ้น ไม่เห็นด้วยกับการทำสงคราม จึงต้องหาเหตุผลว่าสมควรรบต่อ รัสเซียกำลังแพ้ สงครามจะสิ้นสุดในไม่ช้า
3) เป็นการสร้างภาพให้ปูตินดูโหดร้ายน่ากลัว ความจริงคือตั้งแต่โลกมีนิวเคลียร์ เพิ่งใช้ถล่มคนจริงๆ แค่ 2 ลูก เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้ว
4) อาจมีแผนใช้ dirty bomb ในขณะที่ข้อมูลฝ่ายหนึ่งชี้ว่ารัสเซียจะใช้ระเบิดดังกล่าวเพราะกำลังพ่ายศึก ข้อมูลบางชิ้นระบุว่าแผนของรัสเซียคือสร้างสถานการณ์ว่ายูเครนใช้ dirty bomb รัสเซียจึงโต้ด้วยนิวเคลียร์ขนาดเล็ก (tactical nuclear)
ด้านรัฐบาลรัสเซียพูดตรงข้ามว่ายูเครนต่างหากที่เตรียมจะใช้ dirty bomb ทั้ง 2 ฝ่ายต่างปฏิเสธเตรียมใช้ระเบิดดังกล่าว (dirty bomb คือระเบิดชนิดหนึ่งที่บรรจุสารกัมมันตรังสี ทำให้พื้นที่ที่รังสีแผ่ถึงอยู่อาศัยไม่ได้)
Peter van Buren ชี้ว่าทำไมไม่คิดถึงผลเสียหากใช้นิวเคลียร์ เช่น คนยูเครนจะเกลียดชังรัสเซียชั่วชีวิต ถ้าคิดอย่างสมเหตุสมผลควรคำนึงทั้งข้อดีข้อเสีย
หากตีความว่าศึกยูเครนเป็นสงครามไฮบริด สิ่งที่รัฐบาลสหรัฐกับพวกต้องการคือเหตุผลความชอบธรรมที่ตนและนานาชาติต้องคว่ำบาตรรัสเซียให้เข้มข้นกว่าเดิม และคว่ำบาตรนานเท่านาน ตรงกับแผนของอเมริกาที่ไม่ส่งทหารเข้ารบแต่ใช้วิธีคว่ำบาตรปิดล้อมรัสเซีย ต้นเหตุเงินเฟ้อทั้งโลก สินค้าขึ้นราคา แพงทั้งแผ่นดิน
แนวคิดการใช้นิวเคลียร์ของ 3 มหาอำนาจ:
ประเทศที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์จะมียุทธศาสตร์แผนการใช้อาวุธที่คิดไตร่ตรองอย่างรัดกุม หลายประเทศประกาศชัดเจนว่าจะใช้หรือไม่ใช้อย่างไร
มีนาคม 2018 ประธานาธิบดีปูตินประกาศว่าจะใช้อาวุธนิวเคลียร์เป็นมาตรการตอบโต้เท่านั้น คือใช้เมื่อโดนโจมตีด้วยนิวเคลียร์ และแม้จะเกิดสงครามล้างโลกก็ตาม
ด้านรัฐบาลจีนประกาศจะไม่เป็นฝ่ายใช้นิวเคลียร์ก่อนไม่ว่าจะด้วยสถานการณ์ใด จะไม่คุกคามชาติใดด้วยนิวเคลียร์ จะมีอาวุธนิวเคลียร์จำนวนจำกัดเท่าที่เพียงพอแก่การป้องกันประเทศเท่านั้น
ส่วนยุทธศาสตร์ด้านนิวเคลียร์ (Nuclear Posture Review) ฉบับปี 2018 ไม่ได้ฟันธงว่าสหรัฐจะเป็นฝ่ายใช้นิวเคลียร์ก่อน แต่เมื่อพิจารณาความหมายระหว่างบรรทัดกับประวัติศาสตร์ โอกาสใช้มีน้อยมากแต่ไม่ได้แปลว่าจะไม่ใช้ และพร้อมที่จะเป็นฝ่ายเปิดฉากใช้ก่อน
ผลสงครามนิวเคลียร์ต่ออาหารโลก:
ระเบิดนิวเคลียร์ที่ตกใส่มหานครอาจทำให้ตายทันทีหลายล้านคน แต่เรื่องไม่จบเท่านี้ งานวิจัยร่วมของทีมวิจัยจาก Rutgers University กับ CU Boulder ตีพิมพ์เมื่อเดือนสิงหาคม 2022 ให้ภาพล่าสุดว่า ถ้าเกิดสงครามนิวเคลียร์ล้างโลกระหว่างรัสเซียกับสหรัฐ ประชากรโลกกว่า 5,000 ล้านคนจะเสียชีวิตเพราะอดอยาก (ประชากรโลกปัจจุบัน 8,000 ล้านคน) ประเทศแถบซีกโลกเหนือ เช่น แคนาดา ยุโรปตอนเหนือจะเสียชีวิตเพราะอดตายมากสุด ส่วนซีกโลกใต้จะเป็นปัญหาน้อยกว่า
ผลจากระเบิดนิวเคลียร์จะเกิดไฟไหม้รุนแรง เกิดเขม่าปริมาณมหาศาลปิดกั้นแสงอาทิตย์ไม่ให้ตกสู่พื้นดินเป็นเวลานาน พืชสวนพืชไร่ตายเกือบหมด
ฉากทัศน์สงครามนิวเคลียร์ล้างโลก ปริมาณอาหารที่นับเป็นแคลอรีจะลดลง 90% ภายในเวลา 3-4 ปี เมื่อถึงตอนนั้นประเทศผู้ส่งออกอาหารรายใหญ่ของโลกอย่างรัสเซียกับสหรัฐจะควบคุมการส่งออกอาหารอย่างเข้มงวด กระทบต่อผู้นำเข้าอาหารอย่างประเทศแถบแอฟริกากับตะวันออกกลาง ภายในเวลา 2 ปีประชากรโลก 75% จะอดอยาก (ช่วงแรกจะกินอาหารที่ยังมีอยู่)
ฉากทัศน์สงครามนิวเคลียร์ขนาดเล็กระหว่างอินเดียกับปากีสถาน (ทั้งคู่ต่างครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ของตนเอง) พบว่าปริมาณอาหารที่นับเป็นแคลอรีจะลดลง 7% ภายในเวลา 5 ปี แม้กระทั่งฉากทัศน์นี้ยังเป็นกรณีอดอยากสุดนับจาก FAO บันทึกสถิติตั้งแต่ปี 1961
นอกจากนี้จะเกิดผลระยะยาวหลายอย่าง เช่น ชั้นโอโซนจะถูกทำลาย รังสีอัลตราไวโอเลตหรือรังสียูวีตกสู่พื้นมากขึ้น ส่งผลต่อการผลิตอาหารในระยะยาวและอื่นๆ
วิเคราะห์องค์รวมและสรุป:
ความจริงคือทุกประเทศตระหนักถึงผลของสงครามนิวเคลียร์ กองทัพกับหน่วยงานความมั่นคงทุกประเทศต่างศึกษาและรู้ดีว่าผลของสงครามนิวเคลียร์เป็นอย่างไร ไม่มีประเทศใดเป็นผู้ชนะหากเกิดสงครามนิวเคลียร์ล้างโลก
ถ้ามองจากมุมนายทุนกับชนชั้นนำ ทำไมพวกเขาต้องเอาชีวิตตนและครอบครัวเข้าเสี่ยง ทุกวันนี้พวกเขากินดีอยู่ดีเยี่ยงราชา ทำไมต้องพาตัวเองให้ทุกข์ยาก นี่คือเหตุผลสำคัญที่พวกผู้ปกครองจะไม่คิดใช้นิวเคลียร์จริงๆ
ต้นเดือนพฤศจิกายน Wall Street Journal รานงานว่า Jake Sullivan ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐติดต่อกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซีย หวังลดความเสี่ยงที่สมรภูมิยูเครนจะกลายเป็นสงครามนิเคลียร์ “ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ” (National Security Advisor) เป็นตำแหน่งที่มีเพียงคนเดียว เป็น 1 ใน 5 คนที่ใกล้ชิดประธานาธิบดีมากที่สุด ต้องรายงานสถานการณ์โลกแก่ประธานาธิบดีทุกวัน รับผิดชอบด้านความมั่นคงโดยตรง
เรื่องที่บางคนอาจไม่ทราบคือ มีการติดต่อสื่อสารทางลับระหว่างรัฐบาลสหรัฐกับรัสเซียตลอดเวลา (รวมทั้งผู้นำประเทศสำคัญอื่นๆ) เพียงแต่ไม่ปรากฏเป็นข่าว เป็นการหารือทางลับ นี่คือเหตุผลอีกข้อที่ชี้ว่าโอกาสเกิดสงครามนิวเคลียร์น้อยมากๆ แม้เป็นนิวเคลียร์ลูกเล็ก.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จากฮาเฟซ อัลอัสซาดสู่จุดเริ่มอาหรับสปริงซีเรีย
อำนาจการปกครองเป็นของคนส่วนน้อย คนกลุ่มนี้แหละที่ได้รับประโยชน์ ทิ้งให้ประชาชนจำนวนมากอยู่ตามมีตามเกิด อำนาจนี้เปลี่ยนมือไปมาจนมาถึงระบอบอัสซาดที่อยู่ได้ 2 ชั่วคน คือพ่อกับลูก
จากสถาปนาประเทศซีเรียสู่พรรคบาธ
เรื่องราวของซีเรียเต็มไปด้วยการแข่งขันช่วงชิงทั้งภายในกับอำนาจนอกประเทศ ความขัดแย้งภายในหลายมิติ เป็นอีกบทเรียนแก่นานาประเทศ
2024สงครามกลางเมืองซีเรียระอุอีกครั้ง
สงครามกลางเมืองที่ดำเนินมาเกือบ 14 ปียังไม่จบ สาเหตุหนึ่งเพราะมีรัฐบาลต่างชาติสนับสนุนฝ่ายต่อต้านกับกลุ่มก่อการร้าย HTS เป็นปรากฏการณ์ล่าสุด
ฮิซบุลเลาะห์-อิสราเอลจากเริ่มรบสู่หยุดยิง
ถ้าคิดแบบฝ่ายขวา อิสราเอลที่หวังกวาดล้างฮิซบุลเลาะห์ การสงบศึกตอนนี้ไม่บรรลุเป้าหมายที่ต้องการ และฮิซบุลเลาะห์กำลังเปลี่ยนจุดยืนหรือ
เส้นทางสายไหมตะวันออกแห่งศตวรรษที่21
BRI จะเป็นแค่การพัฒนาร่วมหรือเป็นยุทธศาสตร์ครองโลกของจีนเป็นที่ถกแถลงเรื่อยมา ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรนานาชาติเฝ้าติดตาม จริงหรือเท็จกาลเวลาจะให้คำตอบ
ท่าทีความมั่นคงของเนทันยาฮู2024 (2)
เนทันยาฮูย้ำว่า อิสราเอลหวังอยู่ร่วมกับนานาชาติโดยสันติ แต่กระแสโลกต่อต้านอิสราเอลส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมของอิสราเอล นโยบายกับความจริงจึงย้อนแย้ง