ไม่มีใครแปลกใจมากนัก เมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจะลงแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อีก 1 สมัยในอีก 2 ปีข้างหน้า
เพราะสำหรับทรัมป์ ทางเลือกข้างหน้าไม่ค่อยมีมากนัก หากออกจากการเมืองก็จะถูกการเมืองเล่นงาน
หากยังวนเวียนอยู่ในแวดวงการเมืองก็ยังอาจจะมีเกราะป้องกันตัวเองได้ในระดับหนึ่ง
ข้อหาหนักหน่วงที่เขากำลังถูกสอบสวนอยู่หลายกระทงนั้น แม้หนึ่งในคำกล่าวหากลายเป็นคดีฟ้องร้องไปถึงศาล ทรัมป์ก็อาจจะตกอยู่ในฐานะลำบากไปอีกนาน
สู้ไปตายเอาดาบหน้าด้วยการกระโจนเข้าสู่แวดวงการเมืองระดับชาติเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนจะมีทางออกดีกว่า
แม้วันนี้อำนาจและบารมีของทรัมป์จะไม่เหมือนเดิมอีกแล้วก็ตาม
เพราะผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ ไม่ได้เป็นไปตามที่เขาพยากรณ์เอาไว้
ที่ทรัมป์ทำนายว่าพรรครีพับลิกันที่เขากุมบังเหียนอยู่จะชนะพรรคเดโมแครตทั้งที่นั่งในสภาล่างและวุฒิสภาอย่างถล่มทลายจนกลายเป็น “คลื่นแดง” หรือ Red Wave ก็ไม่ได้เกิดขึ้นดังหวัง
แต่สำหรับทรัมป์เขาต้องเดินไปข้างหน้าอย่างเดียวเท่านั้น
เขาประกาศเมื่อวันพุธที่ผ่านมาท่ามกลางความคาดหวังว่าเขากำลังจะเสนอตัวเข้าแข่งกับโจ ไบเดน อย่างขึงขัง
"ประเทศชาติกำลังตกต่ำ” ทรัมป์ประกาศกร้าว
ปีนี้ทรัมป์อายุ 76 ส่วนไบเดนอายุ 80
ถ้าทั้ง 2 ปะทะกันอีกในสนามแข่งขันชิงตำแหน่งทำเนียบขาวในอีก 2 ปีข้างหน้า ทรัมป์ก็จะมีอายุ 78 และไบเดนก็จะย่างเข้าสู่วัย 82
อเมริกากลายเป็นประเทศที่มี “ผู้เฒ่า” ชิงตำแหน่งบริหารสูงสุดแล้ว
ผมยังเชื่อว่าทั้งทรัมป์และไบเดนอาจจะถูกนักการเมืองรุ่นใหม่ท้าทายเพื่อเสนอตัวมาเป็นตัวแทนของพรรคมากกว่าที่จะยอมให้คนแก่ 2 คนมาอาละวาดในเวทีการเมืองระดับชาติเช่นนี้
ทรัมป์ประกาศว่า “การกลับมาของอเมริกาได้เริ่มขึ้นแล้ว” ต่อผู้สนับสนุนหลายร้อยคนที่มารวมตัวกันที่รีสอร์ต มาร์-อะ-ลาโกของเขาที่รัฐฟลอริดา
เขาตอกย้ำถึงคำขวัญหาเสียงว่า Make America Great Again (MAGA)
แต่นี่เพิ่มคำว่า Glorious เข้าไปต่อท้าย Great ด้วย
แปลได้ความว่า “เพื่อทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่และเกรียงไกรอีกครั้ง คืนนี้ผมขอประกาศการลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา”
ก่อนประกาศทรัมป์เซ็นชื่อในเอกสารเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นครั้งที่ 3
ในการแข่งขันครั้งที่ 2 เมื่อปี 2020 ทรัมป์ต้องแพ้ให้กับโจ ไบเดน ด้วยความขมขื่นยิ่ง
ถึงวันนี้เขายังยืนยันว่า เขาถูกปล้นชัยชนะครั้งนั้น เพราะมีการทุจริตในการนับคะแนน
แม้ว่าการตรวจสอบหลายรอบในทุกเขตเลือกตั้งที่เขาอ้างว่ามีการทุจริต แต่ก็ไม่มีหลักฐานใดๆ ที่จะชี้ไปในทิศทางตามที่เขากล่าวหา
แต่นั่นไม่สามารถเปลี่ยนทิศทางการหาเสียงของเขาได้
อีกทั้งผู้สนับสนุนทรัมป์จำนวนไม่น้อยยังเชื่อทรัมป์ไปในแนวทางนี้
และพร้อมที่จะกระทำการใดๆ ก็ตามที่ทรัมป์ปลุกกระแส แม้จะเป็นการนำพาการเมืองประเทศไปสู่ยุคมืดแห่งความรุนแรงและสุดขั้วก็ตาม
ทำไมทรัมป์จึงเปิดศึกเร็วกว่าปกติ?
คำตอบคือ การวางแผนของทรัมป์เพื่อสกัดไม่ให้นักการเมืองในพรรครีพับลิกันคนอื่นๆ ที่กำลังคิดว่าทรัมป์ “หมดสภาพ” แล้ว
อีกเหตุผลหนึ่งก็น่าจะเป็นวิธีการหลบหลีกข้อหาทางอาญาที่อาจจะถูกนำขึ้นมาฟ้องร้องเขาจนทำให้เขาขาดคุณสมบัติที่จะลงสมัครได้หากรอไปถึงจังหวะนั้น
ทรัมป์ใช้เวลาปราศรัยเปิดตัวลงสมัครครั้งใหม่ยาวกว่า 1 ชั่วโมง
เน้นไปที่ผลงานของตัวเองตอนเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 45
และโหมโจมตีโจ ไบเดน อย่างดุเดือดในหลายแง่มุม
ทรัมป์ประกาศสำทับว่า เขาจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ไบเดนนั่งอยู่ในทำเนียบขาวอีก 4 ปี หลังการเลือกตั้งครั้งหน้า
ไบเดนอยู่ที่บาหลีระหว่างการประชุมสุดยอด G-20 ระหว่างที่ทรัมป์ออกข่าวเรื่องตัวเอง
ไบเดนโต้ด้วยทวีตสั้นๆ ว่า “โดนัลด์ ทรัมป์ ทำอเมริกาผิดหวัง”
ทรัมป์ฟาดไบเดนในประเด็นหลักๆ คือความไร้ประสิทธิภาพในการบริหารประเทศ
ตั้งแต่ประเด็นเงินเฟ้อที่พุ่งสูง
อาชญากรรมที่เพิ่มขึ้น
ปัญหาการอพยพเข้าเมือง
และไม่ลืมที่จะประชดประชันเรื่องนโยบายกู้วิกฤตสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง
ทรัมป์ชื่นชมตัวเองว่าเป็นผู้จัดการโค่นกลุ่มก่อการร้ายรัฐอิสลาม
และอ้างว่าเขาคือคนที่สามารถคุยกับคิม จองอึน แห่งเกาหลีเหนือ ไม่ให้ทำอะไรเกินขอบเขต
และยังอ้างผลงานของการสร้างกำแพงกั้นพรมแดนติดกับเม็กซิโก
ทรัมป์อ้างว่าภายใต้การนำของเขา อเมริกาเป็นชาติที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกร
แต่วันนี้ภายใต้การนำของไบเดน บ้านเมืองกำลังตกต่ำอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
ทรัมป์ย้ำว่า “นี่ไม่ใช่การรณรงค์หาเสียง แต่เป็นภารกิจกู้ชาติ”
เขาอ้างว่าแค่ 2 ปี รัฐบาลไบเดนทำลายเศรษฐกิจสหรัฐฯ ลงต่อหน้าต่อตา
“ถ้าผมชนะ ผมจะสร้างเศรษฐกิจอันยิ่งใหญ่คืนกลับมา”
แต่ทรัมป์วันนี้ไม่ได้มีบารมีเหมือนก่อน
รอยด่างที่รุนแรงที่สุดคือข้อกล่าวหายุยงปลุกปั่นเหตุบุกอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 ม.ค.2021 ที่เขาประกาศไม่ยอมให้สภาคองเกรสรับรองผลการเลือกตั้งให้ไบเดนชนะเลือกตั้ง
ไม่แต่เท่านั้น เขายังเจอข้อกล่าวหาอื่นๆ ที่ทำให้เขาขาดคุณสมบัติสมัครลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี
เช่น ข้อหาฉ้อโกงทางธุรกิจ
การสร้างความวุ่นวายอันเกิดจากความพยายามยกเลือกผลคะแนนเลือกตั้งปี 2020
อีกทั้งยังมีเหตุอันควรสงสัยว่าอาจจะมีการกระทำผิดกฎหมายอันได้มาจากเอกสารลับที่ขนจากที่ต่างๆ มาเก็บไว้ในรีสอร์ตมาร์-อะ-ลาโกหรูของเขา
อย่างที่ผมได้เขียนเอาไว้ 2 วันที่ผ่านมา ผู้ที่จะทำให้ทรัมป์ฝันสลายได้นั้นน่าจะเป็น รอน เดอแซนทิส ที่เพิ่งสร้างปรากฏการณ์ใหม่ด้วยการชนะการเลือกตั้งกลางเทอมได้เป็นผู้ว่าการรัฐฟลอริดาต่ออีกสมัยด้วยคะแนนท่วมท้น
ใครอีกที่จะท้าทายทรัมป์ได้?
ที่มองข้ามไม่ได้ก็มีอดีตรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ ในสมัยของทรัมป์ที่เพิ่งเขียนหนังสือออกมาเปิดโปงมุมมืดของทรัมป์ในหลายเรื่อง
ที่น่าเศร้าสำหรับการเมืองอเมริกันคือ ดูเหมือนคนที่นั่นจะไม่มีทางเลือกอะไรมาก นอกจากนักการเมืองหน้าเก่าๆ ที่เป็นสัญลักษณ์ของความแตกแยก แบ่งขั้วที่เป็นตัวแทน “การเมืองที่ตกต่ำกว่ามาตรฐาน” มากขึ้นทุกวัน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ