เมื่อวานผมเขียนถึงการสถาปนา สี จิ้นผิง เป็น “ผู้นำตลอดกาล” ของจีนในยุคนี้
วันนี้มีเหตุผลสนับสนุนว่าทำไมเขาจึงถูกเชิดชูในฐานะ “ผู้สร้างความมหัศจรรย์” ให้กับจีนที่กำลังวิ่งขึ้นไปยืนเคียงบ่าเคียงไหล่ของสหรัฐฯ
ปักกิ่งกำลังหายใจรดต้นคอวอชิงตันในเกือบทุกมิติ
ตัวเลขล่าสุดยืนยันว่า วันนี้เศรษฐกิจภาพรวมของจีนเติบใหญ่จากที่เคยอยู่ที่ 50% ถึงระดับ 70% ของสหรัฐฯ แล้ว
หรือพูดอีกนัยหนึ่ง 9 ปีที่ สี จิ้นผิง นั่งอยู่ในเก้าอี้ผู้นำของจีนนั้น GDP ของประเทศขยายตัวถึงขั้นท้าทายมหาอำนาจเบอร์ 1 ของโลกได้แล้ว
นั่นแปลว่าช่องว่างของเศรษฐกิจของจีนกับสหรัฐฯ กำลังแคบลงเรื่อยๆ
ไม่ต้องแปลกใจว่าผู้เชี่ยวชาญบางค่ายทำนายว่าจีนจะสามารถแซงหน้าสหรัฐฯ ภายในทศวรรษนี้ด้วยซ้ำไป
คุณเป็น โจ ไบเดน คุณก็ต้องหนาว
คุณเป็น โดนัลด์ ทรัมป์ ตอนนั่งทำเนียบขาว คุณก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อสกัดการเติบใหญ่ของจีน
นักสถิติบอกว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของจีนเติบโตขึ้นประมาณ 70% ตั้งแต่ปี 2555 ในรูปสกุลเงินดอลลาร์
ปัจจัยหลักคือ การบริโภคภายในภายใต้การนำของ สี จิ้นผิง โดยมีรายได้ต่อหัวเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ตั้งแต่ปี 2555
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นยอดขายปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งรวมถึงยอดขายทางออฟไลน์และออนไลน์ อยู่ที่ 31.8 ล้านล้านหยวน (4.97 ล้านล้าน) ในเดือนมกราคม-ช่วงเดือนกันยายน
เท่ากับเป็นการเพิ่มขึ้น 110% จากช่วง 9 เดือนเดียวกันของปี 2555
อีกด้านหนึ่งการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของประเทศ หรือการลงทุนในงานสาธารณะ โรงงาน และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เพิ่มขึ้น 55% ในช่วงเดือนมกราคม-ตุลาคม
การส่งออกเพิ่มขึ้นมากกว่า 60% และการนำเข้าเพิ่มเกือบ 50% เมื่อเทียบกับช่วง 10 เดือนเดียวกันของปี 2555
สี จิ้นผิง ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการยกระดับครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำเพื่อระงับความยากจนอย่างจริงจัง
เพื่อบรรลุเป้าหมายของการสร้าง "สังคมที่เจริญรุ่งเรืองระดับปานกลาง"
ปัจจุบัน ชาวเมืองมีรายได้ที่นำมาใช้จ่ายได้สูงกว่าคนในชนบท 160% ซึ่งลดลงจาก 190% ในปี 2555
แต่สังคมจีนก็ยังมีปัญหาความเหลื่อมล้ำ และหนี้สินที่เพิ่มพูนขึ้น
แม้ในสังคมเมืองเองก็มีปัญหาความไม่เท่าเทียมกันค่อนข้างรุนแรง
คอนโดมิเนียมในเมืองใหญ่ๆ มีราคาค่างวดสูงเป็น 10 เท่าของรายได้ของหลายคนที่จะพึงหาได้ทั้งปี
คนรวยในเมืองสามารถรับช่วงสืบทอดทรัพย์สินจากพ่อแม่ แต่ผู้มาใหม่จากเมืองเล็กๆ อาจต้องทำงานทั้งชีวิตก็ยังไม่สามารถเก็บเงินซื้อบ้านหลังแรกได้ด้วยซ้ำ
การระบาดของโควิด-19 ก็มีส่วนทำให้คนในเมืองหางานได้ยากขึ้นกว่าเดิม
รัฐบาลจีนคาดการณ์ว่าคนจีนราว 200 ล้านคน ทำงานในระบบเศรษฐกิจแบบไม่มีรายได้ประจำ
คนรุ่นใหม่กำลังหางานชั่วคราว เช่น ส่งของออนไลน์ หรือรับจ้างทำงานเป็นชิ้นๆ แบบรายวัน
นั่นเป็นที่มาของการขาดความมั่นคง รวมไปถึงสภาพการทำงานที่ไร้เสถียรภาพ
เป็นที่มาของความขัดแย้งในสังคมที่ซ่อนตัวอยู่ในหลายๆ ซอกมุมของสังคมเมือง
ภาระหนี้ของธุรกิจใหญ่น้อยก็เพิ่มขึ้นอย่างน่ากังวล
เช่น กรณี Evergrande Group บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังก่อให้เกิดความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่สำคัญ
ตามข้อมูลของธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ หนี้สินของภาคเอกชน (ที่ยังไม่รวมในภาคการเงิน) เพิ่มขึ้นประมาณ 160% จากไตรมาสเดือนตุลาคม-ธันวาคม ปี 2555 เป็น 35.68 ล้านล้านดอลลาร์ สำหรับไตรมาสมกราคม-มีนาคม 2564
เมื่อคำนวณหนี้สินที่ก้าวกระโดดแซงหน้าอัตราโตทางเศรษฐกิจ จะเห็นว่าหนี้สินของภาคเอกชนเทียบเท่ากับ 2.2 เท่าของ GDP
สี จิ้นผิง ใช้คำขวัญใหม่ "ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน" (Common prosperity) เพื่อตอกย้ำความสำคัญของการที่ภาคส่วนที่ร่ำรวยต้องช่วยเหลือด้านที่เสียเปรียบและตามไม่ทันความเปลี่ยนแปลง
แต่งบประมาณทหารก็ไม่ได้หดตัวในช่วงเวลาเดียวกันแต่อย่างไร
วันนี้จีนกลายเป็นมหาอำนาจทางการทหารระดับโลกภายใต้การนำของสี จิ้นผิง
งบประมาณการป้องกันประเทศได้เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ตั้งแต่ปี 2555 ไปอยู่ที่ 1.35 ล้านล้านหยวน ในปี 2564
คลังแสงขีปนาวุธพิสัยกลางและระยะกลาง ซึ่งปักกิ่งมองว่าเป็นอาวุธที่สามารถตั้งรับภัยคุกคามใดๆ จากสหรัฐฯ ได้ขยายตัวประมาณ 70% เป็น 216 ลูกในปี 2563
สำหรับ สี จิ้นผิง แล้วการดูแลปากท้องประชาชนกับการสร้างกำลังสู้รบเพื่อให้ศัตรูเกรงขามต้องเดินหน้าไปพร้อมๆ กัน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ