จับตา “รอน เดอแซนทิส” (Ron DeSantis) คนนี้ให้ดี เขากำลังจะมาแทนที่โดนัลด์ ทรัมป์ ในฐานะเป็นแกนนำของพรรครีพับลิกัน
เดอแซนทิสเพิ่งสร้างปรากฏการณ์ใหม่ด้วยการได้รับเลือกเป็นผู้ว่าการรัฐฟลอริดาอย่างท่วมท้น
และประกาศว่าพร้อมจะเสนอตัวเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันที่จะชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในอีกสองปีข้างหน้า
บางคนเรียกเขาว่าเป็น “หัวหน้าพรรครีพับลิกัน” คนใหม่
ลืมโดนัลด์ ทรัมป์ ไปได้!
ทรัมป์ออกมาวิพากษ์เขาอย่างหนักหน่วง เพราะยังไม่ยอมให้ผู้นำรุ่นใหม่คนนี้มาทดแทนตัวเอง
นักวิเคราะห์การเมืองสหรัฐฯ บอกว่า ดาวเด่นที่สุดของการเลือกตั้งกลางเทอมคราวนี้คือผู้ว่าการรอน เดอแซนทิส ซึ่งได้รับชัยชนะอย่างถล่มทลายในรัฐฟลอริดา
ขณะเดียวกันผู้แพ้ที่ยิ่งใหญ่ก็คือ โดนัลด์ ทรัมป์
เพราะเขาไม่สามารถสร้างปาฏิหาริย์ “คลื่นสีแดง” (Red Wave) ในการเลือกตั้งกลางเทอมคราวนี้ได้ ทั้งๆ ที่ทุ่มเทออกช่วยลูกพรรคหาเสียงอย่างหนัก
บางคนถึงกับสรุปว่าจาก “ผลสอบกลางภาคปี 2565” นี้ พรรครีพับลิกันพร้อมที่จะเดินหน้าต่อไปโดยไม่มีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้นำแล้ว
เดอแซนทิสสามารถสร้างคะแนนนิยมครั้งประวัติศาสตร์ในฟลอริดาโดยเฉพาะในเขตเลือกตั้งยุทธศาสตร์ที่สำคัญคือ Miami-Dade County
ทั้งๆ ที่เขตนี้เคยเป็นของเดโมแครตมาก่อน
เพราะประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้รับชัยชนะ 16 เปอร์เซ็นต์ในปี 2020 ในเขตเลือกตั้งนี้
ผลการนับคะแนนตอกย้ำว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวสเปนอาจเปลี่ยนความจงรักภักดีที่เคยให้กับพรรคเดโมแครตมายาวนานไปเป็นของพรรครีพับลิกันแล้ว
ที่ทำให้ทรัมป์ต้องช้ำใจเป็นพิเศษ เพราะชัยชนะของเดอแซนทิสนั้นมาจากการที่เคยเดินแนวทางของทรัมป์ในหลายๆ เรื่อง
เช่น ยืนหยัดต่อต้านกลุ่มปลุกระดมของฝั่งเดโมแครตเรื่องสิทธิสีผิวและการเหยียดเพศที่เรียกว่า Woke Mob
สามารถบริหารวิกฤตการระบาดใหญ่ของโควิด โดยเดินตามแนวทางของทรัมป์ คือไม่สนใจเรื่องฉีดวัคซีน, ไม่เอาจริงเรื่องใส่หน้ากาก
และล่าสุดแสดงฝีมือในการจัดการบริหารภัยพิบัติจาก “เฮอริเคน Ian” อย่างน่าประทับใจ
ชาวฟลอริดาจึงตอบแทนเขาด้วยการเทคะแนนให้เขาชนะคู่แข่งจากเดโมแครตที่ชื่อ Charlie Crist อย่างท่วมท้น...ด้วยคะแนนที่นำทิ้งห่างถึง 19 จุด
พอได้ชัยชนะในระดับผู้ว่าการรัฐ เขาไม่รอช้า ประกาศความตั้งใจที่จะสมัครตำแหน่งประธานาธิบดีในอีกสองปีข้างหน้า
“นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการต่อสู้ของผม...”
แต่ชัยชนะของรอนกลับเป็นความพ่ายแพ้ของโดนัลด์ ทรัมป์
เพราะคนที่ทรัมป์เลือกมาลงสมัครคราวนี้แพ้ราบคาบ
ที่รัฐเพนซิลเวเนีย ดร.เมห์เมต ออซ ซึ่งได้รับเลือกจากทรัมป์ให้เป็นตัวแทนของพรรคเพื่อชิงที่นั่งว่าง เพราะวุฒิสมาชิกแพต ทูมีย์ เกษียณอายุกลับพ่ายแพ้ให้กับฝ่ายเดโมแครต
ตัวแทนของเดโมแครตคือ ร.ท.จอห์น เฟตเตอร์แมน (Fetterman) ซึ่งมีปัญหาในการรณรงค์หาเสียงเพราะป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมองในช่วงต้นของกิจกรรมพบปะประชาชน
แม้จะมีข้อจำกัดเรื่องสุขภาพ แต่ก็ยังเอาชนะคุณหมอที่มีชื่อเสียงในรัฐได้
นั่นแปลว่ามนตร์ขลังของทรัมป์กำลังสิ้นสลาย
ความพ่ายแพ้สำหรับรีพับลิกันไม่ได้มีเฉพาะที่เพนซิลเวเนีย
ที่รัฐนิวแฮมป์เชียร์ คนนั่งเก้าอี้สมาชิกวุฒิสภาเดิมคือแม็กกี ฮัสซัน ของพรรคเดโมแครต ที่เชื่อกันว่า “เปราะบางที่สุด” ในการแข่งขันครั้งนี้ ก็เอาตัวรอดด้วยการรักษาที่นั่งของเธอไว้ได้
ทรัมป์เชียร์คู่แข่งของเธอ พล.อ.แดน โบลดัก แต่ก็ไม่สามารถเจาะฐานเสียงเก่าของเดโมแครตได้แต่อย่างไร
ทรัมป์พ่ายที่นี่อีกแห่ง
ที่รัฐแอริโซนา สถานการณ์ก็เป็นไปในทำนองเดียวกัน
คนที่ทรัมป์เลือกคือ เบลก มาสเตอร์ส ก็ประสบความล้มเหลว ไม่สามารถเอาชนะมาร์ค เคลลี ที่สามารถรักษาเก้าอี้เดิมเอาไว้ได้
ทรัมป์อาจจะปลอบใจตัวเองว่าประสบความสำเร็จได้ที่รัฐโอไฮโอ
เพราะเจดี แวนซ์ ซึ่งเป็นคนของทรัมป์เอาชนะทิม ไรอัน จากพรรคเดโมแครต
และที่รัฐจอร์เจีย เฮอร์เชล วอล์กเกอร์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากทรัมป์ ก็สามารถกดดันราฟาเอล วอร์น็อก ผู้ดำรงตำแหน่งปัจจุบันต้องเข้าสู่การเลือกตั้งรอบใหม่
แต่ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งวุฒิสภาทั้งสองได้รับแรงหนุน เนื่องจากผู้ว่าการรัฐที่ได้รับความนิยมช่วยสร้างกระแสจนสามารถเอาชนะได้
ทรัมป์อาจจะโดดเด่นขึ้นมาเพราะสามารถปลุกระดม "ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ถูกลืม" และสร้างแรงบันดาลใจให้พวกเขาออกมาลงคะแนน
แต่รอน เดอแซนทิส สร้างคะแนนนิยมด้วยการลงมือทำงานอย่างเป็นระบบอย่างจริงจัง
เช่น การจัดการบริหารภัยพิบัติจากพายุเฮอริเคน Ian
พอประธานาธิบดีไบเดนบินลงมาตรวจงานการช่วยเหลือประชาชน เขาก็ไม่ลังเลที่จะไปยืนเคียงบ่าเคียงไหล่เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยไม่ทำให้กลายเป็นประเด็นการเมือง
เขาสร้างคะแนนในหมู่ประชาชนที่โอนเอียงไปทางด้านอนุรักษนิยมด้วยการต่อต้านการสอนเรื่องอัตลักษณ์ทางเพศในโรงเรียน
เขาได้ใจคนที่สนับสนุนการทำแท้งเสรีด้วยการออกกฎหมายในรัฐห้ามทำแท้งอย่างผิดกฎหมายหลังตั้งท้องผ่านไป 15 สัปดาห์ โดยไม่มีข้อยกเว้นสำหรับการข่มขืนหรือการร่วมประเวณีระหว่างพี่น้อง
เขาได้ใจคนอเมริกันที่ต่อต้านนโยบายเปิดประตูให้คนต่างชาติอพยพเข้ามาในอเมริกา
เขาเป็นคนจัดเที่ยวบินให้ผู้อพยพเดินทางต่อไปตั้งรกรากที่ประเทศที่สาม
นโยบายเหล่านั้นช่วยเสริมภาพลักษณ์ของเขาในฐานะ "นักสู้" ต่อต้าน "วาระเสรีนิยมที่ตื่นขึ้น"
คู่แข่งของเขาคือ ชาร์ลี คริสต์ จากพรรคเดโมแครต พยายามปลุกระดมผู้คนให้ต่อต้านแนวทางขวาของเขา
ด้วยการบอกว่าเดอแซนทิสเป็น "ผู้สมัครที่อันตรายและสุดโต่ง" แต่ท้ายที่สุด เขาชนะเพียง 5 เขตจาก 67 เขตของฟลอริดา
ที่สำคัญคือเดอแซนทิสสามารถสร้างฐานเสียงได้ดีกว่าทรัมป์ที่เคยทำเอาไว้เมื่อสองปีก่อน
เขาสามารถเจาะฐานเสียงดั้งเดิมของเดโมแครตได้อย่างน่าทึ่ง เช่น ในหมู่ชาวละตินผู้หญิง และแม้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งผิวดำ
นั่นคือเหตุผลที่ทำให้รอนสามารถพลิกเขตที่สนับสนุนพรรคเดโมแครตแบบดั้งเดิม เช่น ปาล์มบีช ออสซีโอลา และแน่นอน ไมอามี เดด มาเป็นของตน
อีกทั้งยังสามารถรักษาฐานเสียงของชาวอเมริกันเชื้อสายคิวบาที่เป็นฐานเสียงเดิมของพรรครีพับลิกัน
แต่ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจเป็นพิเศษคือที่เขาดึงเสียงจากชาวอเมริกาใต้และเปอร์โตรีกันจำนวนมาก ที่แต่เดิมมีแนวโน้มจะลงคะแนนเสียงจากพรรคเดโมแครต
จะไม่ให้ทรัมป์เริ่มหวั่นไหวได้อย่างไร?
(พรุ่งนี้: ทำไมทรัมป์ต้องกลัวรอน เดอแซนทิส?).
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ
แหล่งค้ามนุษย์ใน 3 เหลี่ยมทองคำ
เขตเศรษฐกิจพิเศษหรือ SEZ บริเวณสามเหลี่ยมทองคำที่โยงกับไทยนั้นกลายเป็นประเด็นเรื่องอาชญกรรมข้ามชาติที่สมควรจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยอย่างจริงจัง
ไบเดนหรือทรัมป์? เอเชียน่าจะเลือกใครมากกว่า?
ผมค่อนข้างมั่นใจว่าการดีเบตระหว่างโจ ไบเดน กับโดนัลด์ ทรัมป์ วันนี้ (เวลาอเมริกา) จะไม่ให้ความสำคัญต่อเอเชียหรืออาเซียน
พรุ่งนี้ ลุ้นดีเบตรอบแรก โจ ไบเดนกับโดนัลด์ ทรัมป์
ผมลุ้นการโต้วาทีระหว่างโจ ไบเดน กับโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ (27 มิถุนายน) เพราะอยากรู้ว่า “ผู้เฒ่า” สองคนนี้จะมีความแหลมคมว่องไวในการแลกหมัดกันมากน้อยเพียงใด
เธอคือ ‘สหายร่วมรบ’ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค NLD คนสุดท้าย!
อองซาน ซูจีมีอายุ 79 ปีเมื่อวันที่ 19 มิถุนายนที่ผ่านมา...และยังถูกจำขังในฐานะจำเลยของกองทัพพม่าที่ก่อรัฐประหารเมื่อกว่า 3 ปีที่แล้ว