เมื่อ สี จิ้นผิง กลายเป็น ‘จักรพรรดิจีนยุค 5G’

สี จิ้นผิง กำลังจะกลายเป็น “จักรพรรดิแห่งยุคดิจิทัล” สมคำเล่าลือก่อนหน้านี้จริงๆ

แวดวงการเมืองจีนใช้คำว่า “มหาบุรุษผู้กุมหางเสือ” หรือ The Great Helmsman

ตามมติของการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์ล่าสุดที่จบลงเมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา เขาคือ “ผู้นำผู้ยิ่งใหญ่แห่งประวัติศาสตร์”

เพราะมีการประกาศ “มติแห่งประวัติศาสตร์ครั้งที่ 3” ที่ปูทางให้เขาสามารถดำรงตำแหน่งต่อไปได้อีกหลายปีหลังจากครบเทอมที่ 2 ในปีหน้า

 “มติประวัติศาสตร์” ที่ว่านี้เป็นการตอกย้ำผลงานและประสบการณ์เชิงประวัติศาสตร์ของพรรคอมมิวนิสต์จีน ผ่านการรับรองระหว่างการประชุมของคณะกรรมการกลางพรรคคอมนิวนิสต์ที่สิ้นสุดลงเมื่อวันพฤหัสบดี

ที่ว่าเป็นครั้งที่ 3 เพราะก่อนหน้านี้เคยมีมติพรรคทำนองเดียวกันนี้ให้กับ เหมา เจ๋อตุง และ เติ้ง เสี่ยวผิง มาก่อนแล้ว แต่ไม่มีเรื่องอย่างนี้สำหรับ เจียง เจ๋อหมิน และ หู จิ่นเทา

วันนี้จึงมีแนววิเคราะห์ค่อนข้างชัดเจนว่า สี จิ้นผิง วันนี้ถูกยกระดับขึ้นเทียบชั้นเหมาและเติ้งเรียบร้อยแล้ว

“แถลงการณ์ประวัติศาสตร์” ฉบับนี้จะเน้นย้ำความสำเร็จของพรรคคอมมิวนิสต์ในการบริหารเศรษฐกิจจีนให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงหลายปีที่ผ่านมาภายใต้การนำของ สี จิ้นผิง

เป็นการเน้นว่าการยกย่อง สี จิ้นผิง ครั้งนี้ตรงกับการเฉลิมฉลอง 100 ปีของการก่อตั้งพรรคคอมนิวนิสต์จีน

เท่ากับเป็นการยกเลิกธรรมเนียมปฏิบัติของพรรคในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ที่กำหนดให้ประธานาธิบดีจีนสามารถดำรงตำแหน่งได้เพียง 2 เทอม รวมระยะเวลา 10 ปี

3 ปีที่แล้ว พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีมติยกเลิกการจำกัดวาระการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีสี เปิดทางให้เขาสามารถครองอำนาจสูงสุดทั้งในพรรค, รัฐบาลและกองทัพต่อไปโดยไม่มีกำหนด

หากสังเกตจากสื่อและกิจกรรมสังคมของจีนในช่วงที่ผ่านมาก็จะเห็นชัดว่า มีความคึกคักในการนำเสนอภาพลักษณ์ของ สี จิ้นผิง อย่างยิ่งใหญ่อลังการผ่านการโหมประโคมประชาสัมพันธ์และโฆษณาชวนเชื่อของสื่อของทางการจีนอย่างต่อเนื่อง

ไม่ว่าจะเป็น “ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่” ทางด้านเศรษฐกิจ, เทคโนโลยี โครงการด้านอวกาศ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการรับมือการระบาดของโควิด-19

สื่อทางการจีนยกให้ สี จิ้นผิง เป็น "ผู้นำทาง" ที่นำพาประเทศไปสู่ความรุ่งเรืองและยืนหยัดต่อต้านความพยายามของต่างชาติที่จะแทรกแซงกิจการภายในของจีน

 เอกสารทางการเรียก สี จิ้นผิง ว่า เป็น "แกนกลางแห่งการนำ" โดยย้ำถึงความเป็นผู้นำที่ไม่มีใครมาทาบได้

นอกจากจะได้รับตำแหน่ง "ผู้นำหลัก" ในปี 2559 แล้วก็ยังได้กำหนดให้ “ความคิดของสี จิ้นผิง” บรรจุอย่างเป็นทางการในรัฐธรรมนูญ

ซึ่งถือว่าเป็นคำสอนหลักที่ใช้ชี้นำพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน และกำลังจะเป็นวิชาภาคบังคับในโรงเรียนทุกระดับชั้นจากนี้ไป

 “สหายสี จิ้นผิง เป็นแกนหลักของพรรคที่จะควบคุมหางเสือ...ความยากลำบากและอันตรายใดๆ ไม่สามารถหยุดความก้าวหน้าของคนจีนได้...” หวัง เสี่ยวฮุ่ย รองรัฐมนตรีกระทรวงโฆษณาชวนเชื่อกลางประกาศในการแถลงข่าว

อีกด้านหนึ่งในคำสรรเสริญเยินยอนั้น พรรคได้ยกย่องสีว่าเป็น “ผู้นำทาง” แห่งการฟื้นฟูชาติเพื่อให้จีนกลายเป็นประเทศที่ “พัฒนาเต็มที่และทันสมัย” ภายในปี 2592

 “ความคิดทางการเมือง” ของสี จิ้นผิง ยังได้รับการยกระดับสถานะด้วยแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากที่ประชุมและเจ้าหน้าที่ประกาศว่าเป็น "ลัทธิมาร์กซ์ในศตวรรษที่ 21" ที่ประสบความสำเร็จ

เป็นจังหวะเดียวกับที่กระบอกเสียงของจีนถือโอกาสนี้วิพากษ์วิจารณ์ชาติตะวันตกว่าได้พยายามกำหนดมาตรฐานประชาธิปไตยของตนไว้กับผู้อื่น ทั้งๆ ที่เป็นแค่ "ประชาธิปไตยสำหรับคนรวย" เท่านั้น

เมื่อสถานะของผู้นำจีนถูกยกขึ้นสูงถึงระดับที่ “ลัทธิบูชาบุคคล” กำลังทำท่าจะหวนกลับมาในจีน ย่อมจะทำให้การเมืองจีนกลายเป็นหัวข้อที่น่าติดตามกว่าที่ผ่านๆ มาอย่างยิ่ง

เพราะเมื่อ สี จิ้นผิง รวบอำนาจไว้ในมือคนเดียวอย่างนี้แล้ว แวดวงการเมืองภายในของจีนจะเกิด “ผู้ท้าชิง” ระหว่างผู้ถูกวางตัวเป็นทายาท

กับกลุ่มการเมืองที่ต้องการจะ “แหกวงล้อม” ของอำนาจสี จิ้นผิง

เป็นฉากทัศน์ที่แหลมคมและสุ่มเสี่ยงไม่น้อย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568

นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน

บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'

เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม

ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน

นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ

เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ

เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ