แด่...อาจารย์สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์

ก็คงต้องถือเป็นเรื่องปกติ-ธรรมดา...ของผู้ซึ่งตกอยู่ในภาวะจนตรอก-จนมุม สติหาย-กำไรหด ที่มีแต่ต้องแดง-ไม่แดง...แต่ขอให้แรงเข้าว่า ต้องดิ้นรน โผงผาง ต้องออกอาการเกรี้ยวกราด ก้าวร้าว หนักยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นแบกเครื่องประหารกิโยตินมาแปะไว้ข้างฝา ถึงขั้นป่าวประกาศคิดโค่นล้มระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ที่ไม่ได้มีอยู่จริง และไม่ได้เกี่ยวอะไรระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขเอาเลยแม้แต่น้อย...

 ----------------------------------------------

แต่ก็นั่นแหละ...ภายใต้ลักษณะอาการนอตหลุด นอตหลวม เช่นนี้ ก็น่าที่จะบริหาร-จัดการง่ายดายยิ่งขึ้นไปใหญ่ คือคงไม่น่าจะไปไกล ไปแรง เกินไปกว่านี้ แนวโน้มที่จะหนักไปทางไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี-หนีไม่พ้นนั่นแหละ น่าจะมากกว่ากลายเป็นการ จำกัดวง ตัวเอง ที่แม้เล็กๆ อยู่แล้ว

ให้ยิ่งหีดหุ้ยยิ่งขึ้นไปใหญ่ เพราะโอกาสที่บรรดาคนแก่ คนชรา ประเภทที่ชอบเดินตามเด็ก ดมก้นเด็ก จะแสดงความใจใหญ่ ใจถึง ออกมาคบเด็ก เล่นกับเด็ก ก็ยิ่งน่าจะลำบาก ยากเย็น ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น และก็ด้วยเหตุเพราะ ความเป็นเด็ก นั่นเอง...ที่บรรดา ผู้หลัก-ผู้ใหญ่ ที่ยังมีเมตตาและกรุณา คงต้องพยายามเข้าถึง-เข้าใจ อย่าถึงกับต้องไปโกรธ กริ้ว ฉิวฉุน มากมายเกินไปนัก...

------------------------------------------------

ดังนั้น...เอาเป็นว่า วันนี้ ระหว่างนี้ ขออนุญาตเลี่ยงไปพูดถึง กล่าวถึง ผู้ที่ต้องนิราศห่างหาย ไปจากสังคมไทย จากโลกใบนี้ แบบไม่มีวันหวนกลับมาอีกแล้ว น่าจะเหมาะกว่า นั่นคือ...ท่านอาจารย์ สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ในฐานะผู้ที่เคยรู้จักมักจี่อยู่บ้าง แม้จะออกห่างๆ อยู่มั่งก็ตาม คือพอที่จะรู้จักในระดับเห็นหน้า เห็นตา เห็นตัวเป็นๆ ตั้งแต่ท่านยังหนุ่มฟ้อ หล่อเฟี้ยว ยังกระปรี้กระเปร่า กระฉับกระเฉง เพิ่งผ่านพ้นความเป็นวัยรุ่น วัยฉกรรจ์ มาหมาดๆเอาเลยก็ว่าได้ แต่ก็ไม่ถึงกับสนิทสนม คุ้นเคย เหมือนอย่างคุณพี่ สำราญ รอดเพชร เขา ที่ค่อนข้างเหนียวหนึบ เหนียวแน่น กับอาจารย์ สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ มาตั้งแต่แรก ด้วยบทบาทและหน้าที่รับผิดชอบในขณะนั้น...

 --------------------------------------------

ส่วนครั้งล่าสุด...ที่ได้มีโอกาสเจอะเจอแบบตัวเป็นๆ ดูเหมือนท่านจะมากับท่านอดีตรัฐมนตรี ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ผู้ที่ยังคงต้องชดใช้ หนี้กรรม ตั้งแต่เมื่อครั้งชาติอดีต อยู่ในห้องขัง กรงขัง ณ ขณะนี้ อย่างน่าเห็นใจ และน่าสลดหดหู่ใจเอามากๆ แต่ก็นั่นแหละ...คงต้องถือเป็น กรรมเก่า มากกว่า กรรมใหม่ เนื่องจาก กรรม ที่ไม่ว่าจะเป็นท่านอดีตรัฐมนตรี ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ หรือท่านอาจารย์ สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ท่านได้เพียรพยายามสร้างไว้ในชาตินี้ ภพนี้ น่าจะหนักไปทาง กุศลกรรม ล้วนๆ แทบไม่ได้แปดเปื้อน ปนเปื้อน อกุศลกรรม ใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย คือต่างมุ่งมั่นและเพียรพยายามที่จะหาทางทำให้ประเทศไทย สังคมไทย มีแต่ดีขึ้นๆ เจริญวัฒนาสง่างามไปด้วยกันทั้งสิ้น...

--------------------------------------------------

แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ...ไม่รู้ว่าใน อดีตชาติ ท่านได้ทำ กรรม อะไรเอาไว้มั่ง!!! ทั้งคู่ หรือทั้งสองราย ไม่ว่าอาจารย์ สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ หรืออดีตรัฐมนตรี ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เลยหนีไม่พ้นต้อง ผจญเวร-ผจญกรรม ในชาตินี้ แบบชนิดไม่น่าเชื่อแต่คงต้องเชื่อจนได้ คือสำหรับอาจารย์ สมเกียรติ นั้น...ไม่ว่าจะมีช่อง มีโอกาส ที่จะเถลิงอำนาจ สืบทอดอำนาจ สามารถเป็นใหญ่ เป็นโต มีวิถีชีวิตแบบสบายๆ ขึ้นชั้น ไต่ระดับชั้น ไปสู่ความเป็นรัฐมนตรี รัฐมนโท เมื่อไหร่ก็ย่อมได้ แต่จะด้วยเหตุเพราะ กรรมเก่า หรือไม่ อย่างไร ก็ยังมิอาจสรุปได้ เลยทำให้ลึกลงไปในโครโมโซมและดีเอ็นเอ ถูกบรรจุเอาไว้ด้วย โปรแกรม บางชนิด ที่แทบเปลี่ยนแปลง แก้ไข ไม่ได้เลย นั่นคือความมุ่งมาด ปรารถนา ที่จะต่อสู้เคียงบ่า-เคียงไหล่ กับบรรดาคนยาก-คนจนทั้งหลาย หรือเพื่อให้บรรดาผู้คนเหล่านี้มีโอกาส อยู่-เย็น-เป็น-สุข ในชาตินี้ให้จงได้!!!

------------------------------------------------------

ดังนั้น...แม้ว่าจะมีโอกาสใส่สูท ผูกเนคไท เดินไป-เดินมาในสัปปายะสภาสถาน ไม่ต่างไปจากบรรดาผู้ที่เขี้ยวงอก เกล็ดแตกลายงา มีปีก มีหาง ฯลฯ ทั้งหลาย ท่านก็ดันตัดสินใจ ลาออก เอาดื้อๆ ไม่ได้คิดจะสนใจลาภ-ยศ-สรรเสริญ-ตำแหน่งแห่งที่ใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย กลับสนุกสนาน สำเริง บันเทิงใจ ในการคลุกคลีกับคนยาก-คนจน คนที่ไม่ได้รับความยุติธรรม ไม่ต่างอะไรไปจากอดีตรัฐมนตรี ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ นั่นแหละ ที่ต่างถูก ตั้งโปรแกรม เอาไว้ในดีเอ็นเอ ชนิดเปลี่ยนแปลงอะไรแทบไม่ได้ ไม่ว่าจนแสนจนขนาดไหน ก็ยังคงจนเหมือนเดิม ไม่ว่าจะมีอำนาจ-ไม่มีอำนาจ ก็ยังไม่คิดจะเลิกสู้ ไม่คิดจะถอดใจ พร้อมที่จะรับเวร-รับกรรม ผจญเวร-ผจญกรรม ในทุกสิ่งทุกทุกอย่าง ทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะต้องติดคุก หรือต้องตายแล้ว-ตายเลย อย่างที่เห็นๆ กันอยู่ในขณะนี้...

--------------------------------------------------

อันนี้นี่แหละ...ที่ทำให้ท่านออกจะมี ลักษณะพิเศษ ผิดแผก แตกต่าง ไปจากปุถุชนคนธรรมดาโดยทั่วไป และเป็นความพิเศษ ที่ออกจะมีคุณูประโยชน์ คุณูปการ ต่อประเทศไทย สังคมไทยอย่างมิอาจปฏิเสธได้ ชนิดอดไม่ได้ที่จะต้องขออนุญาตพูดถึง กล่าวถึง เอาไว้ ณ ที่นี้ แม้ว่าระหว่างที่อาจารย์ สมเกียรติ ไปแล้ว ไปเลย ไปสบาย มีโอกาสกลับไปแก้ไขข้อมูลที่ถูกฝังเอาไว้ในดีเอ็นเอ ในแบบไหน อย่างไร ก็ย่อมได้ ขณะอดีตรัฐมนตรี ไชยวัฒน์ คงต้องรอ หรือคงต้อง ทน ไปอีกซักพักใหญ่ๆ แต่ดูเหมือนว่าทั้ง 2 สหาย คงไม่ได้ถึงกับเจ็บปวด รวดร้าว ต่อการที่ต้อง เกิดมาเพื่อผู้อื่น หรือ เพื่อใช้หนี้แผ่นดิน เอาเลยแม้แต่น้อย...

 -------------------------------------------------------

ด้วยเหตุนี้...เลยคงต้องขออนุญาตแสดงความอำลา-อาลัยเอาไว้ ณ ที่นี้ ด้วยคำกล่าวที่ว่า ยะถา วาริวะหา ปูรา ปะริปูเรนติ สาคะรัง เอวะ เมวะ อิโตทินนัง เปตานัง อุปะกัปปะติ อิจฉิตัง ตุมหัง ขิปปะเมวะ สะมิชฌะตุ สัพเพ ปูเรนตุ สังกัปปา จันโท ปัณณะระโส ยะถา มณี โชติระโส ยะถา หรือ ห้วงน้ำเต็ม ย่อมยังสมุทรสาคร ให้บริบูรณ์ได้ฉันใด ทานที่ท่านอุทิศให้แล้วแต่โลกนี้ ย่อมสำเร็จประโยชน์แก่ผู้ที่ละโลกนี้ไปแล้วฉันนั้น ขออิฏฐิผลที่ท่านปรารถนาแล้ว ตั้งใจแล้ว จงสำเร็จโดยพลัน ขอความดำริทั้งปวงจงแจ่มกระจ่างสมบูรณ์ ดั่งดวงจันทร์วันเพ็ญ ดังแก้วมณีอันสว่างไสวยินดี... ด้วยเทอญญ์ญ์ญ์....

--------------------------------------------------

ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Sanskrit saying... When thou go away from here, no one will follow thee. Only thy good and thy evil deeds, they will follow thee wherever thou go. – เมื่อท่านลาจากโลกนี้ไปแล้ว ไม่มีผู้ใดจะไปกับท่าน มีแต่กรรมดีและกรรมชั่วเท่านั้น ที่จะติดตามท่านไปทุกหนแห่ง...

---------------------------------------------------

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ว่ากันไปเรื่อยๆ!!!

เห็นว่า...ตั้งแต่สัปดาห์หน้า วันที่ 1 มิ.ย. บรรดา ขาเฮ และ ขาหื่น ทั้งหลาย

ว่าด้วย...อนาคตของ “บิ๊กตู่”

หมู่นี้รู้สึกว่า...เสียงด่า เสียงทอ ท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ของหมู่เฮา น่าจะซาๆ ไปพอสมควร จะด้วยเหตุเพราะใครต่อใครหันไปสนใจเรื่องอื่น