ขว้างงูไม่พ้นคอ

     เมื่อรัฐบาลโดยกระทรวงมหาดไทยออกประกาศกฎกระทรวงให้ต่างชาติซื้อที่ดินได้ 1 ไร่ โดยมีเงื่อนไขหลายประการ ไม่ใช่ใครๆ ก็ซื้อได้ พรรคเพื่อไทยออกมาด่าทันทีว่าขายชาติ ทั้งๆ ที่ประกาศแบบนี้ก็มีมาก่อนหน้านี้แล้ว ตั้งแต่ปี 2545 ตอนนั้นใครเป็นรัฐบาลก็ลองคิดกันเอาเองนะ แต่ตอนนั้นอาจจะมีรายละเอียดที่ไม่รัดกุมพอ รัฐบาลนี้เอามาจัดการปรับปรุงแก้ไขให้รัดกุมขึ้น แทนที่จะอ่านรายละเอียดของกฎกระทรวงที่ปรากฏออกมา ก็ออกมาด่าทันทีว่ารัฐบาลนี้ขายชาติ ทั้งๆ ที่ดำริในการจะอนุญาตให้ต่างชาติซื้อที่ดินได้มีมาก่อนหน้านี้แล้ว

และในรายละเอียดของกฎกระทรวงที่ประกาศออกมานั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นการกระตุ้นการลงทุนในประเทศ เพื่อให้เป็นผลดีกับเศรษฐกิจของประเทศ เป็นประโยชน์กับประเทศชาติมากกว่าที่จะเป็นโทษ ถ้าหากไม่เป็นประโยชน์แล้ว ในปี 2545 เรื่องเช่นนี้จะเกิดได้อย่างไร

     มาดูรายละเอียดที่น่าสนใจของกฎกระทรวงที่ประกาศออกมาให้ต่างชาติสามารถซื้อที่ดินได้ 1 ไร่ ดูให้ชัดๆ ว่ามันเป็นการขายชาติ หรือเป็นการกระตุ้นการลงทุน

  • ผู้ที่จะซื้อจะต้องนำเงินมาลงทุน 40 ล้านบาท (เป็นเงินลงทุน ที่ไม่ใช่เงินที่นำมาซื้อที่ดิน สำหรับเงินซื้อที่ดินนั้นแยกจากเงินลงทุนดังกล่าวนี้) ตรงนี้เป็นการกระตุ้นการลงทุนแน่นอน ย่อมเพิ่ม GDP ให้ประเทศ เพื่อตำแหน่งงานให้คนในประเทศ และทำให้เราสามารถเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น
  • เงินลงทุน 40 ล้านที่ว่านี้จะต้องอยู่ในเมืองไทยไม่น้อยกว่า 3 ปี ไม่ใช่ลงทุน 40 ล้าน พอซื้อที่ดิน 1 ไร่ได้แล้วถอนกลับออกไปเลย ดังนั้นเงินลงทุนนี้อยู่ในประเทศเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 3 ปี และถ้าหากธุรกิจที่พวกเขาลงทุนไปสามารถทำกำไรได้ดี ธุรกิจเติบโตดีพวกเขาคงไม่ย้ายเงินออกทันทีที่ครบ 3 ปี
  • ที่ดินที่ว่านี้จะต้องอยู่ในพื้นที่ธุรกิจ ไม่ใช่พื้นที่เกษตร ดังนั้นไม่ต้องห่วงว่าต่างชาติจะไปกว้านซื้อพื้นที่เกษตร จนทำให้เกษตรกรเดือดร้อนไม่มีที่ทำกิน ดังนั้นไม่ต้องมาสร้างวาทกรรมทำเท่ว่าห่วงใยเกษตรกรว่าจะไม่มีที่ทำกิน หรือห่วงใยประเทศชาติว่าจะไม่มีความแข็งแกร่งด้านการเกษตรอีกต่อไป เพราะต่างชาติซื้อที่ดินในพื้นที่เกษตรไม่ได้อยู่แล้ว
  • ที่ดิน 1 ไร่นี้จะต้องซื้อเป็นที่อยู่อาศัยเท่านั้น ไม่ใช่ซื้อเพื่อไปทำธุรกิจ ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่าที่ดินในประเทศไทยจะกลายเป็นพื้นที่ของการทำมาหากินของต่างชาติที่เข้ามาซื้อ 1 ไร่ หลายคนอาจจะห่วงใยว่าต่างชาติจะมาซื้อเป็นศูนย์การค้า เป็นอาคารสำนักงาน หรือมาสร้างอาคารชุดขาย ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องต้องห้าม ทำไม่ได้
  • ที่ดิน 1 ไร่ที่ซื้อไปทำที่อยู่อาศัยนี้ ไม่อาจจะนำไปขายได้ เป็นมรดกให้ลูกหลานได้ แต่ลูกหลานก็เอาไปซื้อขายไม่ได้เช่นกัน ดังนั้นไม่ต้องห่วงว่าต่างชาติจะมาซื้อที่ดินเพื่อเอาไปเก็งกำไร เพราะในเมื่อนำไปซื้อขายไม่ได้จะเกิดการเก็งกำไรได้อย่างไร แต่จะทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของเราเติบโตขึ้น เพราะมีกลุ่มเป้าหมายกว้างขวางขึ้น
  • คนที่จะซื้อจะต้องมีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ 4 กลุ่ม คือ 1) ผู้ที่มีความมั่งคั่ง พร้อมที่จะลงทุนอย่างต่ำ 40 ล้านบาท 2) คนในวัยเกษียณที่ต้องการมาพำนักอยู่ในประเทศไทยในบั้นปลายของชีวิต และแน่นอนว่าจะต้องมีเงินมาลงทุน 40 ล้านบาทด้วย 3) คนที่มาทำงานในประเทศไทย โดยที่ผ่านมา 2 ปีจะต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 80,000 เหรียญฯ ต่อปี และ 4) ผู้เชี่ยวชาญในสาขาของอุตสาหกรรมที่เป็นที่ต้องการของประเทศไทย แม้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญก็จะต้องมีเงินมาลงทุน 40 ล้านบาท

     ประกาศกฎกระทรวงนี้ไม่ใช่สนธิสัญญา ดังนั้นที่มีคนออกมาดรามาว่าจะทำให้ต่างชาติได้สิทธิสภาพนอกอาณาเขตนั้น แสดงว่าเขาสับสนระหว่างกฎกระทรวงและสนธิสัญญา และเวลานี้เราคงไม่ต้องทำสนธิสัญญาที่เสียเปรียบต่างชาติด้วยการยินยอมให้มีสิทธิสภาพนอกอาณาเขตอีกแล้ว และไม่ต้องดรามาว่าจะเกิดพื้นที่จำกัดที่มีไว้เฉพาะคนต่างชาติที่ห้ามไม่ให้คนไทยเข้า ที่ดินที่เขาซื้อเป็นที่อยู่อาศัยในชุมชน ไม่ใช่สถานทูต ดังนั้นดินแดนยังเป็นของราชอาณาจักรไทย ดังนั้นเรื่องจะมีดินแดนที่ห้ามไม่ให้คนไทยเข้าไม่มีทางเกิดขึ้น อย่าเอาเรื่องอดีตมาเป็นปัจจุบันเลย

     บางคนบอกว่าประเทศไทยมีพื้นที่ประมาณ 9 แสน 4 หมื่นกว่าไร่ ถ้าหากมีคนมาซื้อในจำนวนดังกล่าวคนละไร่ ประเทศไทยก็จะเป็นของต่างชาติหมด คนไทยจะไม่มีที่อยู่ แบบนี้จะเรียกว่าอ่านไม่ครบ หรืออ่านหนังสือไม่แตก ก็ในเมื่อเขากำหนดให้ซื้อได้เฉพาะบริเวณที่เป็นย่านธุรกิจหรือชุมชนที่อยู่อาศัยเท่านั้น ไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับพื้นที่เกษตร แล้วมันจะมีการซื้อขายกับชาวต่างชาติจนหมดประเทศได้อย่างไร และอีกประการหนึ่งก็คือ คนที่เป็นเจ้าที่ดินบางรายนั้นเขาอาจจะไม่คิดจะขาย ไม่ยอมขาย จะให้ราคาเท่าใดเขาก็ไม่ขาย แล้วเช่นนี้จะมีการซื้อขายจนหมดประเทศได้เช่นไร เงื่อนไขการลงทุน 40 ล้านบาท บริเวณที่จะสามารถซื้อได้อาจจะมีที่ดินราคาแพงที่ต่างชาติที่จะซื้อจะต้องหอบเงินมาจำนวนมาก และเป็นการซื้อเพื่อที่อยู่อาศัยเท่านั้น ไม่สามารถนำไปลงทุนทำธุรกิจได้ ถ้าหากไม่เชื่อมั่นเมืองไทย ไม่รักเมืองไทยจริง จะมีจำนวนคนมาซื้อกันเป็นล้านๆ คนเชียวหรือ อย่ามโนแล้วสร้างวาทกรรมแซะรัฐบาลเลยนะ มันเป็นการขว้างงูไม่พ้นคอนะ...ขอบอก.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

4 กลุ่มชั่วน่ากลัวเป็นนักหนา กลุ่มที่ 5 ยิ่งน่าสยอง

ณ เวลานี้ หลายคนมองประเทศไทยด้วยความห่วงใยว่า ประเทศไทยของเราที่เป็นที่ชื่นชมของชาวโลก ทั้งการลงทุน การทำมาค้าขาย การเข้ามาพำนักยามชรา และการมาท่องเที่ยว

ลิ้นงู...ที่อยู่ในปากงู!!!

ถึงแม้นจะพะงาบๆ อยู่ห่างๆ...ไม่มีโอกาสได้ลงลึก เจาะลึก ในรายละเอียด ด้วยเหตุเพราะสุขภาพ สังขาร ร่างกาย และอาจด้วยความห่างเหิน ห่างหาย กับใครต่อใครมานานแสนนาน

ตั้ง 'นายพัน' สีกากีเริ่ม

อะไรจะเร็วขนาดนั้น! โผแต่งตั้ง "ตำรวจ" ระดับ "นายพันสีกากี" เริ่มขยับนับหนึ่งกันแล้ว ทั้งๆ ที่ระดับ "นายพล" ล็อตแรก ระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.)

มาเป็นชุด! 'ดร.เสรี' ฟาดคนโอหัง ความรู้ไม่มี ทักษะไม่มี ไร้ภาวะผู้นำ น่าสมเพชอย่างแท้จริง

ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า เตือนก็แล้ว ตำหนิก็แล้ว ต่อว่าก็แล้ว เยาะเย้ยก็แล้ว ล้อเลียนก็แ

ข้าอยากได้อะไร...ข้าต้องได้

เราคนไทยมักจะอ้างว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐ มีการบริหารกิจการต่างๆ ภายในประเทศตามหลักการของนิติธรรม แต่สถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเวลานี้ หลายคนเริ่มตั้งข้อสงสัยว่าประเทศไทยเราเป็นนิติรัฐจริงหรือ