เหลืออีกเพียง 6 วันก็จะมีการ “เลือกตั้งกลางเทอม” ของสหรัฐฯ (อังคารที่ 8 พฤศจิกายน)
เป็นการเลือกตั้งที่เดิมพันสูงมากสำหรับประธานาธิบดีโจ ไบเดน เพราะพรรคเดโมแครตกำลังตกอยู่ในภาวะเสี่ยงที่จะสูญเสียความเป็นผู้นำเสียงข้างมากในสภาคองเกรสแล้ว
และหากเดโมแครตเพลี่ยงพล้ำก็จะมีผลอย่างรุนแรงต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีในอีก 2 ปีข้างหน้า
ด้วยเหตุนี้กระมังที่ทางพรรคต้องขอให้อดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา มาช่วยดึงคะแนนเสียงในช่วงโค้งสุดท้าย
เพราะลำพังไบเดนเองกำลังต้องสู้ศึกหลายด้าน อาจจะไม่สามารถนำพาพรรคเอาชนะเลือกตั้งกลางเทอมรอบนี้ได้
โอบามากระโดดลงมาช่วยด้วยความเต็มใจ เพราะถ้าพรรคเสียเสียงข้างมากในคองเกรส ผลกระทบจะกว้างไกลเกินแก้ไขได้ในวันข้างหน้า
โอบามาลงลุยพบปะประชาชนทันที เริ่มที่รัฐจอร์เจียในวันศุกร์ ก่อนจะไปต่อที่รัฐวิสคอนซิน รัฐเนวาดา และรัฐเพนซิลเวเนีย
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสมรภูมิสำคัญสำหรับการเลือกตั้งกลางเทอม
ทั้ง 4 รัฐเป็นเขตที่มีการแข่งขันสูงมากสำหรับเก้าอี้ในสภาสูง
คู่แข่งจากพรรครีพับลิกันนั้นกำลังมีคะแนนตีตื้นขึ้นมาอย่างมีนัยสำคัญ
ความเสี่ยงสำคัญยิ่งสำหรับพรรคเดโมแครตคือ ถ้าพรรครีพับลิกันสามารถพลิกกลับมาเป็นผู้นำเสียงข้างมากในทั้งสองสภาได้ ก็จะกลายเป็นอุปสรรคอันสำคัญต่อการบริหารประเทศของไบเดน
เพราะเมื่อพรรคฝ่ายตรงกันข้ามมีเสียงข้างมากในสภา ก็อาจระงับยับยั้งนโยบายสำคัญๆ ของไบเดน
เพราะฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐฯ มีอำนาจในเชิงการถ่วงดุลอำนาจของฝ่ายบริหาร ดังนั้นหากพรรครีพับลิกันได้เสียงส่วนใหญ่ในสองสภา ก็อาจจะเบรกการเสนอชื่อเข้ารับตำแหน่งต่างๆ ซึ่งรวมถึงตำแหน่งตุลาการศาลสูงของทำเนียบขาว
และแน่นอนว่าพรรครีพับลิกันก็ย่อมไม่ลังเลที่จะตรวจสอบรัฐบาลไบเดนในด้านต่างๆ
เพื่อปูทางสำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีและเลือกตั้งรัฐสภาชุดใหญ่ในอีกสองปีข้างหน้า
โพลทั้งหลายชี้ไปว่า คะแนนความนิยมในตัวไบเดนร่วงลงมาในระดับที่ 39% ซึ่งถือว่าเป็นเส้นอันตราย
โอบามาจึงกลายเป็น “ตัวช่วย” ที่สำคัญในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้
โอบามายังได้รับความนิยมจากฐานเสียงทั่วประเทศไม่น้อย
อีกทั้งเมื่อเขาไม่ได้นั่งทำเนียบขาวแล้วก็ไม่ต้องปกป้องตนเองจากนโยบายบางอย่างของไบเดนที่ถูกฝ่ายตรงกันข้ามโจมตี
เหมือนมวยที่ไม่ต้องชกวงใน สามารถจะปลุกเร้าฐานเสียงของพรรคเดโมแครตที่เริ่มลังเลเกี่ยวกับตัวไบเดนยังไม่ทิ้งพรรคเพราะยังศรัทธาในตัวโอบามา
นักวิเคราะห์เชื่อว่า การที่โอบามามาช่วยพรรคหาเสียงในช่วงสุดท้ายนี้ ก็เพื่อเข้าหาฐานเสียงเดิมที่เชียร์พรรคเดโมแครตอยู่แล้ว
ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนผิวสี หรือผู้มีสิทธิเลือกตั้งในชนบท กับกลุ่มคนที่สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรี
และที่ลืมไม่ได้คือผู้มีเชื้อสายลาติโน กับผู้มีสิทธิ์ออกเสียงที่รุ่นใหม่
ปัญหาก็คือหากดูจากสถิติในอดีต สัดส่วนของผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งกลางเทอมมักจะต่ำ ไม่กระตือรือร้นเหมือนการไปหย่อนบัตรเพื่อเลือกตั้งประธานาธิบดี
การควบคุมรัฐสภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกาเป็นเดิมพันในการเลือกตั้งกลางเทอมในเดือนพฤศจิกายนนี้ ร่วมกับวาระนโยบายที่เหลือของประธานาธิบดีโจ ไบเดน
บรรดานักวิเคราะห์การเมืองที่สหรัฐฯ คาดว่าพรรครีพับลิกันมีโอกาสสูงที่จะพลิกได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร
แต่ขณะเดียวกันพรรคเดโมแครตก็อาจสามารถรักษาเสียงข้างมากในวุฒิสภา
นั่นคือสัญญาณอันตรายสำหรับไบเดน เพราะหากรีพับลิกันสามารถยึดสภาล่างได้ก็อาจก่อกวนทำให้กฎหมายสำคัญๆ ที่ไบเดนและพรรคเดโมแครตผลักดันออกมาใช้นั้นต้องเป็นหมันทันที
ผลการสำรวจหลายโพลบอกว่ามากกว่าครึ่งของประเทศ – 53% – ไม่พอใจการทำงานของเขา
จากการสำรวจของ Reuters/Ipsos ในช่วง 25-26 เมษายน 61% ของผู้ตอบแบบสำรวจกล่าวว่าประเทศกำลังไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งรวมถึง 40% ของพรรคเดโมแครตและ 54% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เรียกตนเองว่าเป็นอิสระ
โดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาช่วยหาเสียงให้กับพรรครีพับลิกันอย่างคึกคัก
เพราะเตรียมจะเสนอตัวเข้าแข่งขันตำแหน่งประธานาธิบดีในอีกสองปีข้างหน้า...หากคดีต่างๆ ที่กำลังถาโถมใส่เขาและครอบครัวกับคนใกล้ชิดไม่กลายเป็นอุปสรรคขัดขวางอนาคตทางการเมืองของเขาเสียก่อน
พรรคเดโมแครตตั้งความหวังว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วจากการระบาดใหญ่ของ COVID-19 จะช่วยเพิ่มโอกาสในการหาเสียงสำหรับการเลือกตั้งกลางเทอมก็ไม่มีน้ำหนักอะไรชัดเจนจนถึงวันนี้
แม้ว่าอัตราการว่างงานจะลดลงอย่างรวดเร็ว แต่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็ยังคงได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรง
อันมีผลดันให้ต้นทุนของสินค้าอุปโภคบริโภคในครัวเรือนพุ่งสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือพลังงานซึ่งเป็นปัจจัยที่กระทบปากท้องชาวบ้านอเมริกันมากที่สุด
กรณีคนร้ายบุกเข้าบ้านแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร และใช้ค้อนทำร้ายสามีวัย 82 ของเธอจะมีผลต่อการหย่อนบัตรเลือกตั้งสัปดาห์หรือไม่ ก็ยังไม่มีความชัดเจนมากนัก
แต่ก็สะท้อนว่าการเมืองสหรัฐฯ กำลังเข้าสู่โหมดของความรุนแรงที่ทำท่าจะบานปลายอีกครั้งหนึ่ง
ที่ค่อนข้างจะแน่นอนก็คือ ผลการเลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้จะมีส่วนโยงใยกับสงครามยูเครนอย่างปฏิเสธไม่ได้
เพราะหากแดโมแครตเสียที่นั่งในสภาล่างให้รีพับลิกัน คำมั่นสัญญาของไบเดนที่จะทุ่มงบประมาณมหาศาลให้กับยูเครนก็อาจถูกรีพับลิกันสกัดกั้น
แม้ว่ารีพับลิกันจะมีแนวโน้มสนับสนุนยูเครน แต่รูปแบบความช่วยเหลือก็จะเปลี่ยนไป
และการต่อสู้ทางการเมืองระหว่างสองพรรคใหญ่ในอเมริกาก็จะกำหนดทิศทางของสงครามยูเครน
ผมเชื่อว่าทั้งประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียกับเซเลนสกีของยูเครน และสี จิ้นผิง ของจีน ก็จับตาเฝ้าดูการเมืองสหรัฐฯ อย่างใจจดใจจ่อเลยทีเดียว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ