เป็นอันว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ จะไปร่วมงานประชุมใหญ่ในอาเซียน 2 งานคือ ประชุมผู้นำอาเซียนที่กรุงพนมเปญ และที่ G-20 ที่บาหลี
แต่จะให้รองประธานาธิบดีกลมา แฮร์ริส มาร่วมประชุม APEC ที่กรุงเทพฯ แทน
เป็นการยืนยันอย่างเป็นทางการของทำเนียบขาวเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ถือได้ว่าเป็นการประเมินท่าทีและบทบาทของอเมริกาในเวทีระหว่างประเทศที่โยงกับเอเชียและอาเซียน
ณ ที่ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่พนมเปญ (ซึ่งนายกฯ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ของไทยก็จะได้พบกับไบเดนและผู้นำที่เป็นคู่สนทนากับอาเซียนอื่นๆ ด้วย) หนึ่งในเรื่อง
ที่เกี่ยวกับไทยเราโดยตรงก็น่าจะเป็นมาตรการคว่ำบาตรต่อรัฐบาลทหารพม่าเพิ่มเติม
ซึ่งบางส่วนก็จะมากดดันประเทศอาเซียนอื่นๆ และไทยเราด้วย
เช่น สหรัฐฯ ได้แจ้งเรามาก่อนหน้าแล้วว่าหนึ่งในมาตรการลงโทษรัฐบาลของพลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย คือการไม่ซื้อก๊าซจากพม่า
ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่เป็นลูกค้าพม่าในเรื่องนี้ จึงกำลังถูกกดดันให้ต้องทำตามที่สหรัฐฯ ร้องขอ (หรือกดดัน)
อยู่ที่ว่าเราจะหาทางต่อรองเจรจาให้มีทางออกที่ไม่กระทบเรามากนักได้อย่างไร
แถลงการณ์ของรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนที่ประชุมนัดพิเศษที่กรุงจาการ์ตาเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาก็ยอมรับว่า ไม่มีความคืบหน้าเรื่องให้รัฐบาลทหารพม่าทำตาม “ฉันทามติ 5 ข้อ” เลยแม้แต่น้อย
ในแถลงการณ์นั้นบอกว่ารัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนจะมี “ชุดข้อเสนอหลัก” (key recommendations) เสนอต่อที่ประชุมสุดยอดอาเซียนที่พนมเปญต้นเดือนหน้า
ข้อเสนอชุดใหม่นี้น่าจะยกระดับการกดดันมิน อ่อง หล่าย ที่ยังเดินหน้าปราบปรามกลุ่มต่อต้านอย่างหนักและรุนแรง
พอรัฐมนตรีออกแถลงการณ์ร่วมทำนองว่าข้อเสนอใหม่ต่อรัฐบาลทหารพม่าจะต้องสามารถนำไปปฏิบัติได้...และต้องมี “กรอบเวลา” ที่ชัดเจนให้ทางพม่าดำเนินการ ก็มีปฏิกิริยาทางลบจากรัฐบาลทหารพม่าทันที
เป็นคำตอบโต้ที่เตือนอาเซียนว่า หากมีการตีกรอบเวลาให้รัฐบาลทหารพม่าก็จะเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่อาจจะรับได้
ผมจึงเชื่อว่าอาเซียนมาถึงจุดที่จะต้องตัดสินใจ “เอาจริงเอาจัง” กับพม่าเสียทีแล้ว
ดังนั้นพอไบเดนมาร่วมประชุมกับผู้นำอาเซียนที่กัมพูชาก็จะต้องยกประเด็นหลักของวอชิงตัน
คือเรื่องสงครามยูเครนและประเด็นพม่าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อาจจะเป็นเพราะทางวอชิงตันได้แจ้งมาล่วงหน้าว่า ไบเดนจะยกเรื่องเพิ่มมาตรการลงโทษพม่าเพิ่มขึ้นกระมัง จึงทำให้รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนต้องนัดประชุมพิเศษเพื่อพิจารณา “ก้าวต่อไป” เกี่ยวกับท่าทีของอาเซียนต่อพม่า
ไบเดนจะไปร่วมประชุมที่ไหนเพื่อเน้นเรื่องอะไรในช่วงต้นเดือนหน้า ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์อย่างนี้
คำแถลงของสื่อมวลชน Karine Jean-Pierre เกี่ยวกับการเดินทางของประธานาธิบดีไบเดนไปยังแอฟริกาเหนือและเอเชีย และการเดินทางไปเอเชียของรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส
ประธานไบเดนจะเยือนอียิปต์ กัมพูชา และอินโดนีเซีย
ในวันที่ 11 พฤศจิกายน ประธานาธิบดีไบเดนจะเข้าร่วมการประชุมครั้งที่ 27 ของภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP27) ที่เมืองชาร์มเอลเชค ประเทศอียิปต์
ณ ที่การประชุม COP27 ท่านประธานาธิบดีจะต่อยอดจากงานสำคัญที่สหรัฐฯ ดำเนินการเพื่อพัฒนาการต่อสู้ด้านสภาพอากาศโลก และช่วยให้ผู้ที่เปราะบางที่สุดสร้างความยืดหยุ่นต่อผลกระทบจากสภาพอากาศ
และจะเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่โลกจะต้องดำเนินการในทศวรรษที่เด็ดขาดนี้
จากนั้นประธานาธิบดีจะอยู่ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 12-13 พฤศจิกายน เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดประจำปีระหว่างสหรัฐฯ-อาเซียน และการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก
ณ ที่ประชุมที่กัมพูชา ท่านประธานาธิบดีจะยืนยันอีกครั้งถึงความมุ่งมั่นที่ยั่งยืนของสหรัฐฯ ที่มีต่อเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ “ความเป็นแกนกลาง” (centrality) ของอาเซียน
โดยจะสานต่อความสำเร็จของการประชุมสุดยอดพิเศษสหรัฐฯ-อาเซียนครั้งประวัติศาสตร์ในกรุงวอชิงตัน ดีซี
ท่านประธานาธิบดีจะเน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างสหรัฐฯ กับอาเซียนในการประกันความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค และความเป็นอยู่ที่ดีของประชากรกว่าพันล้านคนของสหรัฐฯ และอาเซียนรวมกัน
ประธานาธิบดีจะอยู่ที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ตั้งแต่วันที่ 13-16 พฤศจิกายน เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำ G-20 ที่บาหลี ประธานาธิบดีจะยกย่องความเป็นผู้นำของประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ในกลุ่ม G-20 และเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ต่อเวทีชั้นนำสำหรับความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศต่างๆ ที่คิดเป็นมากกว่า 80% ของ GDP โลก
ประธานาธิบดีไบเดนจะทำงานร่วมกับพันธมิตร G-20 เพื่อจัดการกับความท้าทายที่สำคัญ
เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผลกระทบทั่วโลกจากสงครามของปูตินที่มีต่อยูเครน
รวมถึงความมั่นคงด้านพลังงานและอาหาร และความสามารถในการจ่าย และลำดับความสำคัญอื่นๆ ที่สำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
แถลงการณ์ของทำเนียบขาวเสริมต่อว่า ภายหลังการเดินทางของประธานาธิบดีในเอเชียและแอฟริกาเหนือ รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส จะเดินทางไปกรุงเทพฯ ประเทศไทย
เพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ระหว่างวันที่ 18-19 พฤศจิกายน
รองประธานาธิบดีจะเน้นย้ำความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ต่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก
และเธอจะร่างเป้าหมายของสหรัฐฯ สำหรับปี 2566 ที่สหรัฐฯ จะรับช่วงความเป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นำ APEC
ในระหว่างการเยือนไทย รองประธานาธิบดีจะพูดคุยกับผู้นำไทยและตัวแทนภาคประชาสังคม เพื่อยืนยันและเสริมสร้างความเข้มแข็งของพันธมิตรสหรัฐฯ-ไทย และเพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือของเราในประเด็นต่างๆ
“สุภาพบุรุษหมายเลข 2” ดักลาส เอ็มฮอฟฟ์ (สามีของรองประธานาธิบดีแฮร์ริส) จะเดินทางไปกรุงเทพฯ และเข้าร่วมกิจกรรมของคู่สมรสของผู้นำด้วย
หลังจากการเยือนประเทศไทย รองประธานาธิบดีจะเดินทางไปยังกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เพื่อพบกับผู้นำรัฐบาลและตัวแทนภาคประชาสังคม
การเยือนของเธอก็เพื่อยืนยันการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับพันธมิตรสหรัฐฯ-ฟิลิปปินส์ และเน้นย้ำถึงความร่วมมือในวงกว้างของสหรัฐฯ ในฐานะเพื่อน หุ้นส่วน และพันธมิตร “สุภาพบุรุษหมายเลข 2” จะเดินทางไปมะนิลาด้วย
เมื่อไบเดนไม่มาไทย แต่จะได้เจอกับนายกฯ ไทยที่พนมเปญ ขณะที่แฮร์ริสมาไทยแทนก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลไทยที่จะ “แปรช่องว่างเป็นโอกาส”
เพราะข่าวค่อนข้างยืนยันว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนจะมาร่วมประชุม APEC ค่อนข้างแน่นอน
อีกทั้งประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ก็อาจจะมีโอกาสมาร่วมประชุมด้วย
พอผมเห็นภาพของสี จิ้นผิง, ปูติน, แฮร์ริส (และประธานาธิบดีมาครงของฝรั่งเศส) ยืนเคียงคู่กับผู้นำจากญี่ปุ่น, อินเดีย, เกาหลีใต้และอื่นๆ ก็จะตอกย้ำถึง “บทบาทที่หายไปของอเมริกา” ที่เราควรจะแปรเป็นโอกาสเพื่อประโยชน์ทางการทูต
กระทรวงต่างประเทศไทยก็ต้องแสดงฝีไม้ลายมือให้คนไทยได้เห็นกันคราวนี้แหละ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ
เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ
เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ