กระบวนการสังคมกรณ์ หรือสังคมประกิต (Socialization) คือกระบวนการที่ใช้สำหรับการขัดเกลาเยาวชนของเรา ทำให้พวกเขาพร้อมที่จะเข้าสู่สังคมในขั้นตอนต่างๆ ตามครรลองของชีวิต ตั้งแต่เตรียมให้ลูกพร้อมที่จะเข้าโรงเรียน พร้อมที่จะทำงาน พร้อมที่จะมีชีวิตคู่ พร้อมที่จะมีครอบครัว โดยในแต่ละสังคมจะมีผู้ขัดเกลา (Socializing Agents) ทำหน้าที่ในการขัดเกลาเพื่อเตรียมเยาวชนที่เป็นลูกหลานให้พัฒนาตนเองให้เข้าสู่สังคมอย่างคนที่มีคุณภาพในแต่ละช่วงตอนของชีวิต ประกอบไปด้วย พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ นักบวชในศาสนาต่างๆ นักการเมืองที่เป็นผู้นำทางสังคม และสื่อมวลชนที่ทำหน้าที่เหมือนประหนึ่งเป็นครูของสังคม
ที่ผ่านมาในอดีต บุคคลที่ทำหน้าที่เป็นผู้ขัดเกลาเยาวชนน่าจะทำหน้าที่ได้ดีมาก เพราะผู้คนที่อายุมากแล้วในเวลานี้ผ่านการเป็นเยาวชนมาก่อน และส่วนใหญ่จะเป็นเยาวชนที่รู้จักแยกแยะผิดชอบชั่วดี มีทัศนะและพฤติกรรมที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นไปในทางบวก เป็นคนที่รักชาติ รักประเทศไทย เชิดชูชาติ ศาสน์ กษัตริย์ อีกทั้งยังเป็นคนที่มีความกตัญญูรู้คุณ เข้าใจเรื่องของกฎ กติกา ระเบียบ ระบบ และกฎหมายที่ทุกคนจะต้องเคารพและปฏิบัติตามเพื่อความเป็นระเบียบของสังคม รู้จักคำว่า “วินัย” เป็นคนที่มี “สัมมาคารวะ” เคารพผู้หลักผู้ใหญ่ ให้ความสำคัญกับวัยวุฒิและคุณวุฒิ เชื่อเรื่องของประสบการณ์ ยกย่องให้เกียรติผู้อาวุโส
พ่อแม่มีความพร้อมที่จะมีลูก ไม่เพียงแต่มีความพร้อมทางด้านเศรษฐกิจในการจะเลี้ยงดูลูกเท่านั้น แต่ยังรู้หน้าที่ของคนเป็นพ่อแม่ที่จะต้องอบรมบ่มนิสัย ขัดเกลานิสัยของลูกให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่เป็นทรัพยากรมนุษย์ของประเทศที่มีคุณค่า ไม่มีการอ้างว่าจะต้องทำมาหากินจึงไม่มีเวลาที่จะอบรมเลี้ยงดูและสั่งสอนลูกให้เป็นคนดี มีคุณธรรม ที่สำคัญคือ สอนลูกให้รู้รากเหง้าของความเป็นไทย ภูมิใจในความเป็นไทย สอนให้ลูกรักชาติ รักแผ่นดิน จงรักภักดีต่อสถาบันหลักของประเทศ ได้แก่ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ แต่พ่อแม่สมัยนี้บางคนไม่มีความพร้อมที่จะมีลูก ไม่อุทิศเวลาให้กับการอบรมสั่งสอนลูก มักจะอ้างว่าไม่มีเวลาเพราะต้องทำมาหากิน เพราะไม่เห็นความสำคัญของการทำหน้าที่ในการอบรมบ่มนิสัย ขัดเกลาลูกให้เดินเข้าสู่สังคมในแต่ละช่วงตอนของชีวิตอย่างมีคุณภาพ ทำให้เยาวชนสมัยนี้จำนวนหนึ่งกลายเป็นคนชังชาติ ไม่รู้จักแยกแยะผิดชอบชั่วดี ลืมรากเหง้าความเป็นไทย ไม่ให้ความสำคัญกับสถาบันหลักของประเทศ ถูกครอบงำโดยกลุ่มคนชังชาติที่สร้างข้อมูลบิดเบือนความจริง ป้อนเป็นชุดข้อมูลใส่หัวเด็ก ที่ทำให้เด็กเป็นคนที่ไม่รักชาติ ไม่มีความกตัญญูรู้คุณ ไม่แยกแยะผิดชอบชั่วดี ลืมรากเหง้าความเป็นไทย
ในสมัยก่อนมีคำพูดว่า “ถ้าไม่เก่ง ไม่มีใครให้เป็นครู” นอกจากครูจะเป็นคนเก่งแล้ว ยังเป็นคนที่เป็นครูโดยจิตวิญญาณ รักลูกศิษย์เหมือนลูกหลาน ไม่เพียงแต่จะสอนวิชาการเพื่อเตรียมลูกศิษย์เข้าสู่ตลาดแรงงานอย่างมืออาชีพเท่านั้น ยังสอนเรื่องศีลธรรมจรรยา แนะแนวทางในการดำเนินชีวิตให้ลูกศิษย์เป็นคนดีมีศีลธรรม ไม่เพียงแต่เป็นคนที่เติบโตไปทำงานเก่งเท่านั้น แต่จะต้องเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่เป็นคนดีขององค์กรด้วย แต่คนเป็นครูสมัยนี้บางคนนอกจากเป็นคนไม่เก่งแล้ว ยังไม่อุทิศตนในการจะสอนลูกศิษย์ให้เป็นคนดี มองแค่สอนเพื่อให้ความรู้แก่ลูกศิษย์ก็เหนื่อยพอแล้ว ไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับการสอนลูกศิษย์ให้เป็นคนดี
นักบวชในศาสนาต่างๆ คือคนที่ทำหน้าที่นำเอาคำสอนทางศาสนามาเผยแผ่ให้แก่ศาสนิกชน ด้วยความมุ่งหวังให้คนทั่วไปรู้จักศีลธรรมจรรยา ให้เติบใหญ่เป็นคนที่คิดดี พูดดี กระทำดี แต่เวลานี้นักบวชในศาสนาต่างๆ บางคนทำตัวเป็นคนที่ไร้ศีลธรรมเสียเอง จนคนหมดศรัทธา และไม่ให้ความสนใจกับคำสอนทางศาสนา ทำให้นักบวชในศาสนาต่างๆ ได้รับความเคารพนับถือน้อยลง คนจำนวนหนึ่งไม่เชื่อศีลธรรมที่เป็นคำสอนทางศาสนา เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเราจะหวังให้เยาวชนเป็นคนดีได้อย่างไร ในเมื่อเขาเห็นตัวอย่างที่เลวร้ายจากคนที่เป็น “นักบวช” ทำให้ความเชื่อ ความศรัทธาที่มีต่อศาสนาลดลง จนมีคนบางคนมองศาสนาเสื่อม แท้ที่จริงแล้วศาสนาไม่ได้เสื่อม แต่ผู้เผยแพร่คำสอนของศาสนาบางคนทำตัวเสื่อม ทำลายศรัทธาของคน เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจะหวังให้นักบวชเป็นผู้ทำหน้าที่ขัดเกลาเยาวชนได้อย่างไร
นักการเมืองเป็นผู้ทรงเกียรติที่มีบทบาทสำคัญในการเป็นแบบอย่างที่ดีของเยาวชน แต่เวลานี้นักการเมืองบางคนมีพฤติกรรมที่ทำให้ผู้คนกินแหนงแคลงใจในความดี แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาบางคนยังทำให้เกิดการพูดกันว่า “ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป” ทั้งนี้เพราะนักการเมืองหลายคนที่ทำชั่วด้วยการโกงบ้านโกงเมือง กลายเป็นคนมีเงินทองมากมาย และผู้คนก็มอง “ความรวย” เป็น การ “ได้ดี” ดังนั้นจึงเกิดความเชื่อว่าทำดีไม่มีวันรวย แต่ทำชั่วจะทำให้รวยได้ เมื่อเป็นเช่นนี้เราจะหวังเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตจากคนรุ่นใหม่ได้อย่างไร ในเมื่อเขามองความร่ำรวยเป็น “การได้ดี” นักการเมืองที่ชั่วแล้วรวยกลายเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีให้แก่เยาวชน เกิดความคิดว่า ถ้าหากต้องการจะรวย ต้องหาวิธีที่จะรวยให้ได้ ไม่ต้องเกี่ยงว่าวิธีดังกล่าวนั้นมีความถูกต้องตามหลักจริยธรรม ศีลธรรมหรือไม่
โดยหลักการแล้ว สื่อมวลชนที่ควรจะทำหน้าที่เป็นครูของแผ่นดิน ดังนั้นสื่อมวลชนควรนำเสนอเรื่องราวข่าวสารที่ชี้นำให้คนที่เสพสื่อได้เรียนรู้หลักการของการเป็นคนเก่ง คนดี มีศีลธรรม เป็นพลเมืองดีของประเทศ แต่สื่อมวลชนในสมัยนี้บางรายลืมไปแล้วว่าสื่อมวลชนเป็นครูของแผ่นดิน เขามองแต่เพียงว่าเขามีหน้าที่ทำให้สื่อของเขามีความน่าสนใจ มีคนดู คนอ่าน คนฟังเป็นจำนวนมาก มีโฆษณาเข้ามามากๆ พวกเขากลายเป็นองค์กรทางด้านเศรษฐกิจ โดยลืมบทบาทหน้าที่ของการเป็นองค์กรทางด้านสังคม เยาวชนของเราจำนวนหนึ่ง มีทัศนคติและพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เพราะเรียนรู้มาจากสื่อที่ไร้จริยธรรมบางราย แทนที่สื่อเหล่านั้นจะทำหน้าที่เป็นครูที่ดี พวกเขากลับกลายเป็นผู้ปลูกฝังทัศนคติและพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมให้แก่เยาวชน ที่ทำให้เยาวชนของเรากลายเป็นคนไม่มีศีลธรรมอย่างน่าเป็นห่วง ถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายที่มีหน้าที่อบรมบ่มนิสัย และขัดเกลาเยาวชนตามแนวทางของสังคมประกิต จะทบทวนในการทำหน้าที่ของตนให้มีประสิทธิภาพมากกว่านี้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ลัคนาธนูกับเค้าโครงชีวิตปี 2568
ยังอยู่ในช่วงเจ็ดปีของการเปลี่ยนแปลงใหญ่สุขภาพอนามัย-หนี้สิน-ลูกน้องบริวาร และเกือบตลอดปีผู้หลักผู้ใหญ่อวยสถานะ-ยศ-เงินทองให้ แต่มีช่วงซ้อมรับทุกข์และการได้ความผิดที่ไม่ได้ก่อ
ดร.เสรี ลั่นรังเกียจ วาทกรรมแซะสถาบัน
ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสารโพสต์เฟซบุ๊กว่า เกิดวาทกรรมใหม่ "ใบอนุญาตที่ 2"
เด็กฝึกงาน...ไม่ผ่านโปร
ฉากทัศน์ทางการเมืองของประเทศไทยหลังจากรู้ผลของการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 เป็นภาพที่สร้างความกังวลให้กับคนไทยจำนวนมากที่ไม่ได้เลือกพรรคส้มหรือพรรคแดง
'ความเป็นไทย' กับกรณีน้ำท่วมภาคเหนือ-ภาคใต้
ถึงแม้จะก่อเกิด ถือกำเนิด ที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี...แต่ด้วยเหตุเพราะไปเติบโตที่ภาคใต้ ไม่ว่าเริ่มตั้งแต่อำเภอทุ่งสง จังหวัดหน่ะคอนซี้ทำหมะร่าด ไปจนอำเภอกันตัง
ได้ฤกษ์ 'นายพล' ล็อต 2
ผ่านเดดไลน์ตามคำสั่ง ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้ทุกหน่วยส่งบัญชีข้อมูลผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น
'ดร.เสรี' กรีดเหวอะ! ใครมีลูกสาวเก่งพอที่จะเป็นนายกฯ ต้องบอกลูกให้มีผัว 9 คนอยู่ใน 9 ภาค
ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสารโพสต์เฟซบุ๊กว่า ใครมีลูกสาวที่เก่งพอที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ต้องบอกลูกนะคะ