สี จิ้นผิง กระชับอำนาจเบ็ดเสร็จ (1)

เป็นอันยืนยันว่า สี จิ้นผิง คือ “จักรพรรดิยุคดิจิทัล” ของจีนอย่างจริงเรียบร้อยแล้ว

ด้วยมติของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาให้เขาเป็นเลขาธิการพรรคต่ออีก 1 สมัย

โดยไม่มีเสียงคัดค้านแม้แต่เสียงเดียว (หรือมีก็ไม่ปราฏว่ามีการส่งเสียงให้ได้ยินแต่อย่างใด)

อีกทั้งทีม “7 อรหันต์” หรือคณะกรรมการประจำของกรมการเมือง (Politbureau Standing Committee หรือ PBSC) ยังเป็นคนที่สี จิ้นผิง แต่งตั้งจากคนที่ไว้วางใจที่สุด

สี จิ้นผิง ฉีกประวัติศาสตร์การเมืองจีนด้วยการนั่งอยู่ในตำแหน่งสูงสุดเกิน 2 สมัย ด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญตั้งแต่เมื่อ 5 ปีก่อน

7 อรหันต์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดใหม่ : สี จิ้นผิง (ตรงกลาง), แถวซ้ายจากบนลงล่าง : หลี่ เฉียง (นายกฯ คนใหม่), หวัง ฮู่หนิง, ติง เซวียเสียง, แถวขวาจากบน : จ้าว เล่อจี้, ไช่ ฉี (หัวหน้าพรรคที่ปักกิ่ง) หลี่ ซี่ (หัวหน้าพรรคที่กวงตุ้ง)

เปิดทางให้เขานั่งเก้าอี้สูงสุดของประเทศไปได้เรื่อยๆ จนกว่าเขาจะหมดสภาพหรือถูกโค่นหรือตัดสินใจก้าวลงเอง

การประชุมสมัชชาของพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20 ยาว 1 สัปดาห์สิ้นสุดลงเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา พร้อมกับการเลือกคณะกรรมการกลางของพรรค 205 คน ซึ่งเลือก “กรมการเมือง” 25 คน ซึ่งเลือก “คณะกรรมการประจำกรมการเมือง” 7 คน

7 อรหันต์ชุดใหม่นี้มีหน้าใหม่ 4 คน...และหนึ่งในนั้นคือ หลี่ เฉียง ซึ่งคือคนที่จะมานั่งเป็นนายกรัฐมนตรีแทนหลี่ เค่อเฉียง ที่ “หลุดโผ” แม้ในฐานะสมาชิกกรรมการกลางด้วยซ้ำ

แปลว่า หลี่ เค่อเฉียง ที่ยืนเคียงข้างสี จิ้นผิง ดูแลนโยบายเศรษฐกิจของจีนมา 10 ปี ได้เวลากลับไปเลี้ยงหลาน

เดิมที่เชื่อกันว่าเขาอาจจะยังนั่งในกรรมการกลางและมีตำแหน่งอาวุโสเพื่อจะเป็น “พี่เลี้ยง” ของนายกฯ คนใหม่ก็เป็นอันไม่เกิดขึ้นตามนั้น

7 อรหันต์ชัดใหม่นี้มีใครบ้าง?

เริ่มด้วยผู้กระชับอำนาจเกือบจะเบ็ดเสร็จคือ สี จิ้นผิง

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา สีสามารถระดมผู้คนทั่วประเทศให้มีความเลื่อมใสศรัทธาในนโยบายสร้างเศรษฐกิจแข็งแกร่งระดับโลก, ปราบคอร์รัปชัน, ลดความเหลื่อมล้ำด้วย “รุ่งเรืองร่วมกัน”, ฟื้นฟูประเทศในทุกๆ ด้านอย่างเต็มที่ และ “เศรษฐกิจหมุนเวียนสองด้าน...ภายในและภายนอก”

ที่สีถือว่าเป็นผลงานชิ้นโบแดงคือ การขจัดความยากจน...จนสามารถประกาศเมื่อสิ้นปีที่แล้วว่าประเทศจีนไม่มีคนจนตามนิยามของมาตรฐานธนาคารโลกแล้ว

แต่ยังมีความเหลื่อมล้ำที่ต้องแก้ไขกันอย่างเร่งด่วนและจริงจัง

ในอีกด้านหนึ่ง เขาสามารถขจัดกลุ่มการเมืองที่อาจจะท้าทายฐานอำนาจของเขาจนเกือบจะหมดสิ้น

เหลือแต่แกนนำที่กลายมาเป็นพันธมิตรของเขาในเกือบทุกๆ ด้าน

เมื่อเขาได้ฉันทานุมัติให้บริหารประเทศต่อไปอีกหลายปีเช่นนี้ ก็เท่ากับว่าวันนี้ สี จิ้นผิง คือ เหมา เจ๋อตง บวกกับเติ้ง เสี่ยวผิง ที่มีทั้งอำนาจ, บารมีและฐานสนับสนุนของปวงชน

แต่ก็ด้วยวิธีการปกครองที่เข้มข้น, เสียงต่อต้านคัดค้านไม่อาจจะปรากฏต่อสาธารณะได้

การควบคุมการแสดงความเห็นใดๆ ที่ยืนอยู่คนละข้างกับรัฐบาลและพรรคถูกเซ็นเซอร์โดยกองทัพไซเบอร์ของทางการจีนที่มีประสิทธิภาพและได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี

สี จิ้นผิง นำเสนอตนในฐานะเป็นผู้บริหารที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน

เขาฟันฝ่าการถูกกลั่นแกล้งในยุค “ปฏิวัติวัฒนธรรม” เพราะคุณพ่อเป็นเจ้าหน้าที่ชั้นสูงในพรรค แต่ก็ถูกปลดจากตำแหน่ง เพราะเข้าข่ายถูกสงสัยว่าไม่จงรักภักดีเพียงพอต่อเหมา เจ๋อตุง ในช่วงนั้น

สี จิ้นผิง ตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างอดทน ไม่เคียดแค้น ไม่หาทางแก้เผ็ด แต่พิสูจน์ตัวเองด้วยการทำงานในตำแหน่งต่างๆ ของพรรคในระดับจังหวัดหลายจุดเพื่อพิสูจน์ผลงานที่จับต้องได้

จนกระทั่งได้รับการแต่งตั้งเป็นรองประธานาธิบดี จากนั้นเป็นหัวหน้าพรรคในปี 2555 และประธานาธิบดีของรัฐในปี 2556

จากนี้ไป “คู่หู” ที่ใกล้ชิดที่สุดของสี จิ้นผิง ก็คือ หลี่ เฉียง ที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีภายใต้ความท้าทายระดับประเทศและในประชาคมโลกอย่างหนักหน่วง

หลี่ เฉียง คือเลขาธิการพรรคฯ ประจำเซี่ยงไฮ้ ซึ่งต้องถือว่าเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญอันดับต้นๆ ของพรรคทีเดียว

หลี่ เฉียง ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคของเซี่ยงไฮ้ เมืองที่ใหญ่ที่สุดของจีนและศูนย์กลางทางการเงิน ตั้งแต่ปี 2560

เขาก้าวกระโดดเข้ามาเป็นกรรมการประจำของ Politburo และถูกวางตัวเป็นนายกรัฐมนตรี

เก้าอี้เลขาฯ พรรคเซี่ยงไฮ้เป็นหนึ่งในตำแหน่งที่สำคัญที่สุดของจีน

ต้องไม่ลืมว่าคนที่จะมานั่งตำแหน่งใหญ่ๆ ในระดับชาติจะต้องผ่านจุดทดสอบใหญ่แห่งนี้มาทั้งสิ้น

ไม่ว่าจะเป็น สี จิ้นผิง เอง หรืออดีตประธานาธิบดีเจียง เจ๋อหมิน หรืออดีตนายกรัฐมนตรีจู หรงจี เป็นที่รู้กันว่า หลี่ เฉียง ในวัย 63 ปี มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับสีเป็นอย่างยิ่ง

เป็นความสัมพันธ์ที่มีมายาวนาน...ตั้งแต่ หลี่ เฉียง รับใช้ สี จิ้นผิง ที่มณฑลเจ้อเจียง ทางตะวันออกเฉียงใต้

เจ้อเจียงเป็นศูนย์กลางการผลิตที่เน้นการส่งออกและมีความคึกคักของภาคเอกชนเป็นอย่างยิ่ง

หลี่ เฉียง เป็นหัวหน้าแผนกการเมืองและกฎหมายของจังหวัด ก่อนที่จะรับตำแหน่งรองเลขาธิการพรรค และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยโพลีเทคนิคฮ่องกง

แต่ประวัติการทำงานของเขาก็เกิดรอยแปดเปื้อนด้วยโควิด-19

เพราะด้วยนโยบายของ สี จิ้นผิง เขาต้องสั่งล็อกดาวน์เมืองเซี่ยงไฮ้อย่างยืดเยื้อเมื่อต้นปีนี้

เป็นการกักบริเวณผู้คนกว่า 25 ล้านคน ให้อยู่แต่ในบ้าน ท่ามกลางเสียงต่อต้านโวยวายของหลายๆ ชุมชนที่แสดงออกอย่างเปิดเผยอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

การล็อกดาวน์ยาวครั้งนั้นส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของเซี่ยงไฮ้อย่างรุนแรง

ทำให้เกิดการประท้วงในที่สาธารณะในหลายๆ จุดอย่างต่อเนื่อง

หลี่ เฉียง จำเป็นต้องลงโทษเจ้าหน้าที่ระดับอำเภอหลายนายเพื่อบรรเทาความโกรธของประชาชน

แต่ หลี่ เฉียง ก็รู้ว่าจะต้องเดินหน้าทำตามนโยบาย “โควิดต้องเป็นศูนย์” ของ สี จิ้นผิง อย่างปฏิเสธไม่ได้

ใครต่อใครคิดว่าปัญหาโควิดของเซี่ยงไฮ้ได้ปิดโอกาสของการก้าวขึ้นมาของ หลี่ เฉียง แล้ว

แต่เรื่องกลับกลายเป็นว่าเขา “แซงโค้ง” มายึดตำแหน่งอันดับ 2 ในกลุ่ม 7 อรหันต์

และจะเป็นนายกฯ ที่ไม่เคยเป็นรองนายกฯ มาก่อน...เป็นกรณีพิเศษที่เคยเกิดขึ้นก็เฉพาะในยุคของอดีตนายกฯ โจว เอินไหล ภายใต้ เหมา เจ๋อตุง เท่านั้น

เป็นการตอกย้ำว่า สำหรับ สี จิ้นผิง แล้ว การวางตัว “ทีมวงใน” ครั้งนี้ “ความภักดี” สำคัญกว่า “ความนิยมชมชอบ” ในสายตาของสาธารณชน

อาจจะเป็นเพราะว่า สี จิ้นผิง ต้องการได้คนที่มานั่งอยู่ตรงกลางของการบริหารวันต่อวันที่รับคำสั่งตรงจากเขาได้อย่างคล่องแคล่วกว่าที่ผ่านมา

 (พรุ่งนี้ : อีก 5 อรหันต์เป็นใครมาจากไหน?).

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568

นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน

บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'

เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม

ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน

นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ

เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ

เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ