ดรามาการเมืองจีน : หู จิ่นเทา ถูก ‘เชิญ’ ออก หรือ ‘ไม่สบาย’?

การประชุมสมัชชาของพรรคคอมมิวนิสต์จีน 7 วันปิดฉากไปเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา...ทุกสัญญาณยืนยันตรงกันว่า สี จิ้นผิง ได้ต่ออายุอีก 1 สมัย 5 ปี และอาจจะต่อไปเป็นสมัยที่ 4 ก็ได้

เพราะ สี จิ้นผิง ในวัย 69 ปี สามารถกระชับอำนาจในโครงสร้างบริหารของพรรคได้อย่างเกือบเบ็ดเสร็จ

แต่มี “ดรามา” เล็กๆ ที่เกิดระหว่าง สี จิ้นผิง กับอดีตประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ในระหว่างพิธีปิดสมัชชาเมื่อวันเสาร์

ยังไม่มีคำอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่คลิปวิดีโอที่นักข่าวหลายสำนักถ่ายไว้ได้และกระจายกันไปทั่วสื่อโซเชียลมีเดียนั้นเห็นเจ้าหน้าที่ของพรรคมา “เชิญ” ให้หู จิ่นเทา ในวัย 79 ปี ออกจากห้องประชุมอย่างฉับพลัน

สื่อทางการจีน “ซินหัว” ออกมาแจ้งว่าท่านอดีตผู้นำ “รู้สึกไม่ค่อยสบาย” เจ้าหน้าที่จึงประคองไปที่ห้องพัก และต่อมาอีกไม่กี่ชั่วโมงก็ “สบายขึ้น” แล้ว

แต่นักวิเคราะห์หลายค่าย โดยเฉพาะทางตะวันตกยังไม่เชื่อ โดยย้อนไปดูคลิปกันวินาทีต่อวินาทีกันเลยทีเดียว

โดยมี สี จิ้นผิง ที่นั่งอยู่ข้างๆ ในฐานะประธานที่ประชุมดูเหมือนเป็นคนสั่งให้เจ้าหน้าที่ประกบตัวอดีตผู้นำคนนี้ลุกขึ้นและประคองให้ออกไปข้างนอก...และไม่กลับมาอีกเลยจนปิดการประชุม

คลิปนั้นแสดงถึงอาการแข็งขืนของหู จิ่นเทา ที่ทำท่าเหมือนจะไม่ยอมลุกขึ้นจากเก้าอี้ 

เจ้าหน้าที่เกือบจะต้องใช้กำลังอุ้มเขาขึ้นจากที่นั่ง

แต่หลังจากอาการดึงดันกันอยู่พักหนึ่ง ท่านผู้เฒ่าก็ยอมลุกขึ้น และก่อนจะถูกประคองออกไปก็ยังหันมาพูดจาคำสองคำกับ สี จิ้นผิง ซึ่งก็นั่งอยู่ในเก้าอี้ และไม่หันหน้ามามอง ส่งเสียงตอบคำสองคำพอเป็นพิธี

จากนั้น หู จิ่นเทา ก็เอามือแตะที่ไหล่ของนายกฯ หลี่ เค่อเฉียง ที่นั่งอยู่ติดกับสี จิ้นผิง อีกด้านหนึ่ง...ก่อนเดินออกจากห้อง โดยมีเจ้าหน้าที่พรรคประกบไปตลอดทาง

กล้องจับสีหน้าของ หลี่ เค่อเฉียง ที่งงๆ ทำอะไรไม่ถูก

สี จิ้นผิง และหลี่ เค่อเฉียง ไม่ได้หันหน้ามาคุยกัน หลังจาก หู จิ่นเทา ถูกเชิญออกไปแต่อย่างใด

เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันนี้แม้จะไม่มีคำอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็เป็นเรื่องไม่ปกติแน่นอน

เพราะโดยธรรมเนียมแล้ว การประชุมใหญ่ของพรรคอย่างนี้จะไม่มีอะไรที่ “เกิดขึ้นเหนือความคาดหมาย”

เพราะทุกความเคลื่อนไหวจะถูกกำหนดเอาไว้ล่วงหน้า และทุกคนจะรู้ว่าตนจะต้องเล่นบทอะไรอย่างไรอย่างเคร่งครัด

กรณีที่เกิดกับ หู จิ่นเทา จึงมีความแปลกประหลาดที่อาจจะสะท้อนว่าประเพณีดั้งเดิมของการเมืองจีนที่ผู้มาทีหลังจะต้องแสดงสัมมาคารวะต่อผู้ใหญ่ที่นั่งตำแหน่งนี้มาก่อน ไม่ใช่เป็นวิถีปฏิบัติอีกต่อไปแล้ว

หรือมีความขัดแย้งที่ปรากฏขึ้นมาเหนือจากที่กำหนดเอาไว้ในพิธีกรรมก็ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้

นอกจากจะสรุปว่านี่คือ “ดรามาการเมืองนอกสคริปต์” ที่คงจะถูกจารึกและเฝ้าจับตาของเหล่าบรรดานักวิเคราะห์การเมืองจีนไปอีกนานทีเดียว

ที่นักวิเคราะห์จับสัญญาณความเปลี่ยนแปลงในระดับนำของจีนภายใต้เทอม 3 ของสี จิ้นผิง คือบางชื่อ

จะ “หลุดโผ” ของคณะกรรมการกลาง 205 คนที่ได้รับการ “โหวต” โดยตัวแทนของสมาชิกพรรคจากทั่วประเทศ 2,300 คน

ชื่อโดดเด่นที่หล่นหายไป รวมถึงนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง และเจ้าหน้าที่อาวุโส หวาง หยาง ซึ่งเดิมเคยถูกมองว่าอาจจะเป็นหนึ่งในตัวเต็งในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วยซ้ำ

พิธีกรรมปิดการประชุมเมื่อวันเสาร์ที่ห้องโถงใหญ่ของประชาชนในกรุงปักกิ่ง มีผู้เข้าร่วมประชุมเกือบ 2,300 คน อนุมัติแผนงานนโยบายในช่วง 5 ปีข้างหน้า 

และเลือกคณะกรรมการกลางชุดใหม่ ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการสับเปลี่ยนผู้นำเมื่อวานนี้

คนอื่นๆ ที่หลุดจากรายชื่อสมาชิกที่ลงคะแนนเสียง 205 คน รวมถึงผู้ช่วยที่สี จิ้นผิง เคยไว้วางใจ เช่น Li Zhanshu และที่ปรึกษาเศรษฐกิจชั้นนำ Liu He ซึ่งเป็นแกนสำคัญในการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ตั้งแต่ยุคสมัยของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

คณะกรรมการกลางที่ได้รับเลือกใหม่นัดประชุมกันเมื่อวานนี้ (วันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม) หลังประตูที่ปิดแน่น...เพราะทุกอย่างจะดำเนินการในทางลับ

เพื่อลงคะแนนเลือกผู้สมัครรับเลือกตั้งของ “คณะกรรมการประจำ” หรือ Standing Committee ของ Politburo ที่มีสมาชิก 7 คนในปัจจุบัน 

ถือเป็น “7 อรหันต์” ที่มีอำนาจสูงสุดทางการเมืองของจีนภายใต้การนำของสี จิ้นผิง ในฐานะเลขาธิการ 

นอกจากนี้ยังเลือกสมาชิก “กรมการเมือง” หรือ Politburo ซึ่งจะมีทั้งหมด 25 คน

เมื่อเสร็จสิ้นการเลือกแกนนำของพรรคแล้ว ก็ออกมาพบปะสื่อมวลชนทั้งจีนและต่างชาติเมื่อวานนี้

เป็นที่ชัดเจนว่า สี จิ้นผิง ประสบความสำเร็จในการจับให้กลุ่มผู้นำที่เขาไว้วางใจที่สุด และที่ได้แสดงความจงรักภักดีและฝีมือการบริหารในระดับนำมาเป็น “วงใน” ของพรรค

เท่ากับเป็นการกระชับอำนาจของสี จิ้นผิง อย่างเข้มข้นอีกรอบหนึ่ง

ในการลงมติเมื่อวันเสาร์นั้น มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อยกชั้นของสี จิ้นผิง ให้สูงขึ้นกว่าเลขาธิการพรรคคนก่อนๆ

โดยระบุว่า “สหายสี จิ้นผิง” เป็น “แกนกลาง” ของพรรค...อันเป็นภาษาที่เคยใช้กับอดีตประธานเหมา เจ๋อตุง

แต่ไม่ได้ใช้กับผู้นำคนอื่นๆ ก่อนหน้าสี จิ้นผิง แต่อย่างใด

เป็นที่มาของนักวิเคราะห์ตะวันตกบางคนที่เรียก สี จิ้นผิง ว่าเป็น “จักรพรรดิของจีนในยุคดิจิทัล”

เพราะเป็นการผสมผสานระหว่างเหมาและเติ้ง เสี่ยวผิง ทั้งในมิติของการเป็นผู้นำอุดมการณ์สังคมนิยม (ที่มีอัตลักษณ์จีน) และเดินหน้าผลักดันให้เศรษฐกิจจีนผงาดขึ้นเป็นประเทศระดับต้นๆ ของโลกที่พร้อมจะแข่งขันกับสหรัฐอเมริกา

สี จิ้นผิง วางตัว 7 อรหันต์อย่างไร ทิศทางของจีนทั้งในประเทศและต่างประเทศจะไปแนวทางไหนภายใต้ผู้บริหารชุดใหม่นี้เป็นอย่างไร ยังมีรายละเอียดหลายประเด็นที่ต้องวิเคราะห์กันต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568

นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน

บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'

เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม

ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน

นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ

เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนที่กลายเป็น ที่ซ่องสุมของอาชญากรรมข้ามชาติ

เมื่อวานเขียนถึงรายงานในสำนักข่าวชายขอบที่สำนักจะได้รับความสนใจของรัฐบาลไทยว่าด้วยกิจกรรมอาชญากรรมข้ามชาติในบริเวณ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่สามเหลี่ยมทองคำ