ฤาสังคมไทยจะถึงคราววิปริตวิปลาสไปแล้ว

สังคมไทยกำลังวิปริตวิปลาสอย่างน่าเป็นห่วง มีคนบางกลุ่มชื่นชมคนโกหกที่เล่นตลกด้อยค่าคนทำงานหนักเพื่อประเทศชาติและประชาชน อ้างความเป็นประชาธิปไตยที่ให้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ตกลงเราจะใช้เสรีภาพกันแบบไม่มีขอบเขตเลยหรือ เราจะแสดงความคิดเห็นด้วย “ข้อเท็จ” ไม่สนใจ “ข้อจริง” กันแล้วกระนั้นหรือ ไม่มีใครห้ามการแสดงความคิดเห็น แต่การแสดงความคิดเห็นควรจะอยู่บนฐานของ “ข้อจริง” ไม่ใช่ “ข้อเท็จ” อย่างที่เกิดขึ้น จนคนที่รู้ความจริงและรักความยุติธรรมไม่อาจจะรับได้ แต่คนก็เอาไปบิดเบือนว่าคนที่ออกมาตำหนิการเดี่ยวไมโครโฟนนั้นปกป้องนายกรัฐมนตรีปานประหนึ่งเป็นคนแตะต้องไม่ได้

คนบางคนทำร้ายคนแล้วออกมาให้สัมภาษณ์ด้วยความภูมิใจ ปานประหนึ่งตัวเองเป็นวีรบุรุษที่ทำคุณงามความดีกับสังคม ไม่ได้คิดเลยว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นไม่ถูกต้อง ทำเสร็จแล้วก็กลับบ้านไปแสดงความกระหยิ่มยิ้มย่องกับการกระทำของตนเอง และบอกเบอร์บัญชีรับบริจาค อ้างว่าจะเอาไปช่วยคนที่โดนคดีมาตรา 112 คำพูดแบบนี้เราก็มองออกแล้วว่าจุดยืนทางการเมืองของเขาเกี่ยวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้นเป็นเช่นไร ไม่เพียงแต่แสดงท่าทีภูมิใจกับการกระทำครั้งนี้ ยังแสดงความภูมิใจที่โดนคดีมากถึง 40 กว่าคดี และมีหลายคดีที่ศาลยกฟ้องไปแล้ว คงเป็นแบบนี้นี่เองจึงมีความย่ามใจ กล้าที่จะทำผิดต่างๆ ที่คิดว่ากฎหมายไม่น่าจะเอาผิดได้ ก็หวังว่าใน 40 กว่าคดีนั้น น่าจะมีคดีที่เอาผิดคนเช่นนี้ได้ ไม่เช่นนั้นก็คงจะทำผิดไปเรื่อยๆ และอาจจะเกิดลัทธิเอาอย่าง คือจะมีคนทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ด้วยความรู้สึกไม่เกรงกลัวกฎหมาย แล้วบ้านเมืองเราจะอยู่กันอย่างไร

หากพิจารณากันตามหลักจริยธรรม ศีลธรรม และนิติธรรม คนที่ไปทำร้ายร่างกายคนอื่น จะด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม ย่อมเป็นคนที่ทำผิด ทั้งผิดด้านศีลธรรม และผิดตามหลักนิติธรรม แต่ปรากฏว่ามีคนบางกลุ่มบริจาคเงินให้คนที่ทำร้ายคนอื่นด้วยความสะใจ ไม่ว่าจำนวนบริจาคจะถึง 6 ล้าน 5 แสนตามที่เป็นข่าวหรือไม่ก็ตาม เรื่องเช่นนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นเลย คนที่บริจาคเงินให้คนที่มีการกระทำเยี่ยงนี้ แสดงว่าพวกคุณสนับสนุนการกระทำดังกล่าวใช่หรือไม่ คุณยอมรับการใช้ความรุนแรงด้วยการทำร้ายร่างกายกันเป็นสิ่งที่ถูกต้องกระนั้นหรือ แบบนี้ถ้าหากจะบอกว่าพวกคุณก็คงจะมีศีลเสมอกับคนที่ทำร้ายร่างกายคนอื่นสินะ แบบนี้สังคมไทยเราก็คงจะเข้าข่าย “กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าน้อยจะถอยจม” หมายถึงคนชั่วจะได้รับการยอมรับ ชูหน้าชูตาในสังคม ส่วนคนดีแทนที่จะเป็นที่ชื่นชอบของสังคม กลับต้องเก็บตัวเงียบ เพราะถ้าหากว่ามีการแสดงออกใดๆ ที่ขัดใจกลุ่มกระเบื้อง ก็อาจจะถูกทำร้ายร่างกายก็ได้ แบบนี้ผู้ดีคงต้องเดินตามตรอก ส่วนขี้ครอกก็จะเดินตามถนน ไม่มีที่ให้คนดีได้แสดงตน แต่คนชั่วจะได้พื้นที่มากมาย ดังที่ปรากฏให้เห็นในเวลานี้ ทั้งสื่อมวลชนที่เป็น Offline ทั้ง On print และ On air รวมทั้ง Online หลากหลาย Platforms ต่างพากันอวยคนทำผิด

สื่อบางรายทำการหยั่งเสียงว่าคนเห็นใจคนถูกทำร้ายหรือคิดว่าสมควรโดน ทั้งๆ ที่ในความถูกต้องแล้ว ไม่ว่าคนใด ฝ่ายไหน ก็ไม่ควรจะถูกทำร้ายทั้งสิ้น คนเป็นสื่อมีการหยั่งเสียงเช่นนี้ ถือว่าเป็นกระทำที่ขาดจรรยาบรรณ ไม่มีจริยธรรมในการทำหน้าที่สื่อมวลชน สื่อบางรายก็นำเสนอข่าวการทำร้ายร่างกายกันอย่างเมามัน เหมือนเป็นเรื่องธรรมดา หรือด้วยความสะใจ ที่เป็นการแสดงออกที่ชัดเจนว่าจุดยืนทางการเมืองของสื่อเหล่านั้นเป็นเช่นไร สื่อบางรายต่ำทรามเกินเยียวยา ความนิยมที่เขาได้จากจำนวนคนดูคงทำให้เขาไม่เปลี่ยนอะไรทั้งนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว คนดูต้องพิจารณาใคร่ครวญรสนิยมกันหน่อยนะ ถึงจะเปลี่ยนเขาได้ ถ้าผู้ชมยังติดตามดูรายการของพวกเขา จนคะแนนนิยม (rating) เขาดีเหนือคนทำสื่อที่มีคุณธรรม อย่าหวังว่าจะก่อให้เกิดการปฏิรูปสื่อได้ ถ้าคนติดตามสื่อยังมีรสนิยมชมชื่นการทำข่าวแบบที่เขาทำ เขาไม่เปลี่ยนแน่นอน การปฏิรูปสื่อก็จะไม่เกิด แล้วจะโทษใครคะ ถ้าไม่ใช่รสนิยมของคนดูข่าว

สังคมเรามาถึงตรงนี้ได้อย่างไร ใครควรต้องรับผิดชอบ พ่อแม่? ครูบาอาจารย์? นักการเมือง? สื่อ? ผู้นำทางความคิด? เราจะปล่อยให้สังคมเป็นเช่นนี้ต่อไป โดยไม่ทำอะไรเลยหรือ เราไม่รู้สึกห่วงใยประเทศไทย สังคมไทยกันบ้างเลยหรือ ใครทำอะไรที่พอจะแก้ไขได้ ช่วยกันทำเถอะ อย่าเฉยอยู่เลย เมื่อเห็นคนทำชั่วแล้วยังเชียร์ แค่นี้ก็รู้แล้วว่าชั่วพอกัน ศีลเสมอกัน อยากถามพ่อแม่บางรายว่าอบรมสั่งสอนกันมายังไง ลูกถึงเติบโตมาเป็นคนชั่วได้ขนาดนี้ และเมื่อลูกทำชั่วอย่างที่เห็น เคยเรียกลูกไปอบรมสั่งสอนให้หยุดทำชั่วบ้างหรือไม่ เมื่อเห็นว่าลูกไม่มีความละอายที่จะทำชั่ว แล้วพ่อแม่ล่ะ รู้สึกละอายบ้างไหม ถ้าไม่พร้อมที่จะสอนลูกให้เป็นคนดีก็อย่ามีลูกจะดีกว่านะ อย่าให้ลูกเติบโตมาเป็นคนชั่วช้าสามานย์ที่เป็นปัญหาของสังคมจะดีกว่า คนทำร้ายคนอื่นถือว่าเลว คนที่ทำร้ายคนอื่นแล้วลำพองทำดีใจก็คือเลวมากขึ้น ส่วนคนที่ออกมาอวยคนเลวนั้นเลวยิ่งกว่า

สื่อบางรายควรมีจรรยาบรรณในการเสนอข่าว การอวยคนชั่ว การทำให้เขาเป็นฮีโร่อย่างที่เป็นอยู่ขณะนี้ มันก็เป็นการทำร้ายสังคมนะ ควรจะตระหนักรู้บ้าง ไม่มีจริยธรรม ไม่ควรเป็นสื่อนะ สื่อที่แสดงความสะใจถือว่าชั่วช้าต่ำสถุลมาก คนที่ติดตามสื่อที่ชั่วช้าต่ำสถุลถือว่ารสนิยมต่ำตมมาก สังคมไทยน่าเป็นห่วงจริงๆ เรากำลังเป็นสังคมที่วิปริตวิปลาสกันเหลือเกิน ตอนที่ตำรวจฉีดน้ำเพื่อควบคุมฝูงชนที่มาชุมนุม ไม่ให้เข้าบริเวณต้องห้ามบางจุด ดาราบางคนออกมา call out ว่าขอต่อต้านความรุนแรงทุกรูปแบบ แต่มีคนจงใจวางแผนไปทำร้ายพี่ศรี แล้วก็ทำจริงตามแผนที่วางไว้ ดาราพวกนี้เงียบกริบ เลิกต่อต้านความรุนแรงแล้วหรือไร จะแสดงจุดยืนอะไร จะแสดงทัศนคติอะไร ให้มันคงเส้นคงวาหน่อยนะ คนเขาจะได้ไม่ว่า “สองมาตรฐาน อคติ” การแสดงออกมันแสดงความเป็นตัวตน ดาราที่ออกมาแสวงหาความนิยมจากกลุ่ม 3 กีบที่ส่งเสียงดัง คงคิดว่ามีจำนวนมากกว่าเยาวชนที่ไม่ใช่ 3 กีบแต่เป็นพลังเงียบสินะ หาข้อมูลหน่อยนะ ฝึกใช้ตรรกะกันหน่อยนะ อย่าให้คนเขาด่าว่าโง่เลยนะคะ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ลัคนาธนูกับเค้าโครงชีวิตปี 2568

ยังอยู่ในช่วงเจ็ดปีของการเปลี่ยนแปลงใหญ่สุขภาพอนามัย-หนี้สิน-ลูกน้องบริวาร และเกือบตลอดปีผู้หลักผู้ใหญ่อวยสถานะ-ยศ-เงินทองให้ แต่มีช่วงซ้อมรับทุกข์และการได้ความผิดที่ไม่ได้ก่อ

เด็กฝึกงาน...ไม่ผ่านโปร

ฉากทัศน์ทางการเมืองของประเทศไทยหลังจากรู้ผลของการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 เป็นภาพที่สร้างความกังวลให้กับคนไทยจำนวนมากที่ไม่ได้เลือกพรรคส้มหรือพรรคแดง

'ความเป็นไทย' กับกรณีน้ำท่วมภาคเหนือ-ภาคใต้

ถึงแม้จะก่อเกิด ถือกำเนิด ที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี...แต่ด้วยเหตุเพราะไปเติบโตที่ภาคใต้ ไม่ว่าเริ่มตั้งแต่อำเภอทุ่งสง จังหวัดหน่ะคอนซี้ทำหมะร่าด ไปจนอำเภอกันตัง

ได้ฤกษ์ 'นายพล' ล็อต 2

ผ่านเดดไลน์ตามคำสั่ง ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้ทุกหน่วยส่งบัญชีข้อมูลผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น

'ดร.เสรี' กรีดเหวอะ! ใครมีลูกสาวเก่งพอที่จะเป็นนายกฯ ต้องบอกลูกให้มีผัว 9 คนอยู่ใน 9 ภาค

ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสารโพสต์เฟซบุ๊กว่า ใครมีลูกสาวที่เก่งพอที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ต้องบอกลูกนะคะ